กรุงเทพฯ 21 มิ.ย. – กกต.จ่อฟันผู้สมัคร สว.ฮั้ว ไม่ลงคะแนนให้ตัวเองในรอบแรก เร่งศึกษาข้อมูลผู้สมัครผิดกลุ่ม ไม่ตรงกับคุณสมบัติ เตรียมใช้พิจารณาร้องคัดค้าน
วันนี้ (21 มิ.ย.) สำนักงาน กกต. ชี้แจงกรณีมีการร้องเรียนผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ว่าลงสมัครผิดกลุ่ม ไม่ตรงกับคุณสมบัติ ว่า ตามมาตรา 16 พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 กำหนดให้ผู้สมัคร สว. ต้องลงลายมือชื่อรับรองความถูกต้องและเป็นจริงของเอกสารและหลักฐานอันแสดงว่า ตนมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ อาชีพ ลักษณะหรือประโยชน์ร่วมกัน หรือทำงานหรือเคยทำงาน ด้านใดด้านหนึ่ง และต้องมีพยานอย่างน้อยหนึ่งคนลงลายมือชื่อยืนยันว่า ผู้สมัครมีคุณสมบัติเช่นนั้นจริง โดยหากผู้สมัครหรือพยานลงลายมือชื่อรับรองเอกสารหรือหลักฐานประกอบการสมัครเป็นเท็จ อาจมีโทษตามมาตรา 75 ของกฎหมายเดียวกัน ดังนั้น เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและถูกต้องตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ตามที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญได้บันทึกเจตนารมณ์ไว้ในความมุ่งหมายของร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ในการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ มาตรา 107 ว่า ในการแบ่งกลุ่มต้องแบ่งในลักษณะที่ทำให้ประชาชนซึ่งมีสิทธิสมัครรับเลือกทุกคนสามารถอยู่ในกลุ่มหนึ่งได้ โดยคำว่า “ความรู้” ที่บัญญัติไว้ในวรรคหนึ่งของมาตรานี้ มิได้หมายความถึงความรู้ที่จะวัดกันด้วยประกาศนียบัตรหรือปริญญาทั้งปวง แต่หมายถึงความรู้ที่บุคคลมีอยู่จริงในด้านต่าง ๆ เช่น ความรู้ในการทำนา ความรู้ในการทำการประมง หรือความรู้ในการเลี้ยงสัตว์ เป็นต้น รวมทั้งเพื่อให้เป็นไปตามมาตรา 13 (3) พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 สำนักงาน กกต.จะได้ศึกษา พร้อมทั้งจัดทำความเห็นเสนอต่อ กกต. เพื่อประกอบการพิจารณาเรื่องคัดค้านโดยเร็วต่อไป
ส่วนกรณีมีผู้มายื่นคำร้องคัดค้านว่า ผู้สมัคร สว. ระดับอำเภอและระดับจังหวัด ไม่ลงคะแนนเลือกตนเองในรอบแรก นั้น สำนักงาน กกต.อยู่ระหว่างดำเนินการสืบสวนและไต่สวน ตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2566 หากข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติและรับฟังได้ว่าเข้าข่ายเป็นความผิดตามที่กฎหมายกำหนด จะดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจต่อไป.-314-สำนักข่าวไทย