รัฐสภา 25 มี.ค.-สว. เปิดอภิปรายทั่วไป “เสรี” เหน็บผลงานเด่นสุดคือ ทำให้คนผิดไม่ต้องรับโทษ จวกดิจิทัลวอลเล็ตเสี่ยงทุจริต นายกฯ แจงบิน ตปท.บ่อย เป็นธรรมเนียมฯของผู้นำใหม่ ไม่ติดใจ 10 ปี สว.ไม่อภิปราย แต่รัฐบาลมา 7 เดือน เปิดอภิปรายทั่วไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมวุฒิสภา พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภา เพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153 ที่เสนอโดย นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา โดยย้ำว่าการขอเปิดอภิปรายทั่วไปเป็นการทำตามรัฐธรรมนูญของสมาชิกวุฒิสภา เพื่อเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหา ไม่ได้มีเจตนาอคติ หรือทำให้เกิดความเสียหายกับรัฐบาล และต้องการเชิญนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีมาพูดคุย พร้อมติงว่าหากรัฐบาลเห็นความสำคัญก็ควรจะเปิดให้มีการอภิปราย มารับฟังเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาโดยเร็ว แต่กลับปล่อยให้เวลาล่วงเวลาไปถึง 2 เดือน อีกทั้งต้องการเห็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ บริหารประเทศเพื่อสร้างความผาสุกให้กับประชาชน โดยเฉพาะเรื่องปากท้อง
“หลายพรรคหาเสียงพูดถึงการอยู่ดีกินดี แต่ผ่านมาเกือบเจ็ดเดือน ยังไม่เป็นรูปธรรม ส่วนการอ้างว่าต้องรอกฎหมายงบประมาณ เห็นว่าเป็นเพียงการแก้ตัว เพราะสามารถใช้กฎหมายงบประมาณเดิมได้ ปัญหามีมาก แต่รัฐบาลตั้งใจจะแจกเงินดิจิทัล ที่ติดปัญหาข้อกฎหมายเสี่ยงทุจริตง่าย เพราะจะกู้มาเกือบห้าแสนล้านบาท ไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ รวมถึงแก้ปัญหาเรื่องฝุ่น แต่กลับเดินสายไปพื้นที่ภาคเหนือ จิบไวน์ ทั้งที่มีฝุ่นละออง ทำให้ฝ่ายค้านแย่งซีนลงพื้นที่ดับไฟป่า และเห็นว่าการเดินสายไปต่างประเทศ ไม่ทำให้เกิดประโยชน์ในภาพรวมได้” นายเสรี กล่าว
นายเสรี กล่าวว่า อีกทั้งกระบวนการยุติธรรมก็ไม่สามารถสร้างความเป็นธรรมให้กับประชาชนได้ โดยต้องสร้างมาตรฐานให้ประชาชนอยู่ภายใต้กฎหมายที่เป็นธรรม
“ผลงานดีเด่นของรัฐบาล มีเรื่องเดียวคือช่วยคนทำผิด ไม่ต้องรับโทษ ให้กรมราชทัณฑ์ออกระเบียบเอื้อประโยชน์บางคนไม่ต้องรับโทษ ส่งผลเสียหายต่อกระบวนการยุติธรรม”นายเสรี กล่าว
นายเสรี กล่าวว่า ขณะเดียวกันมีบ่อนพนันเกิดขึ้นจำนวนมาก นายกฯ และหลายฝ่ายกลับปล่อยปละละเลย ไม่เร่งแก้ไขปัญหา และเรียกร้องให้รัฐบาลกล้ายืนยันว่าเกาะกูดเป็นไทย
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ลุกขึ้นชี้แจงต่อที่ประชุมวุฒิสภา โดยกล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาในสถานที่อันทรงเกียรติ เพื่อรับฟังข้อคิดเห็นและคำติชมของสมาชิกทุกคน ยืนยันว่ารัฐบาลนี้ภายใต้การนำของตน รัฐมนตรีทุกคนให้เกียรติกับฝ่ายนิติบัญญัติทั้ง 2 สภา รัฐบาลในฐานะฝ่ายบริหาร
“เมื่อฝ่ายนิติบัญญัติมีข้อสงสัยหรือเสนอแนะที่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ที่จะต้องรับฟังหรือมาชี้แจงก็ยินดีที่จะให้ความร่วมมือเต็มใจ ไม่เคย สงสัยว่า 8-9 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีการอภิปรายในมาตรา 153 แต่รัฐบาลมา 7เดือน กลับมีการเปิดอภิปราย พอทราบหน้าที่ดีว่าจะต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญระบุไว้ ไม่เคยน้อยเนื้อต่ำใจ เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องมาตอบให้กระจ่าง”นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่มีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการเดินทางไปต่างประเทศ ขอชี้แจงว่าเป็นเรื่องของความจำเป็นทั้งการประชุมอาเซียน หลายครั้งเป็น ขนบธรรมเนียมประเพณี ที่ผู้นำใหม่จะต้องไปเยี่ยมเพื่อนบ้าน ทั้งสิงคโปร์ มาเลเซีย กัมพูชา และลาว ซึ่งตนตระหนักดี เรื่องการใช้เวลาในการบริหารราชการแผ่นดินให้เป็นประโยชน์สูงสุด ตนเข้าใจถึงข้อกังวลแต่ปัจจุบัน มีเทคโนโลยีที่จะสามารถบริหารราชการแผ่นดินติดต่อรัฐมนตรีและข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาและวิกฤติของประเทศ โดยไม่ต้องเจอกันแบบตัวต่อตัว ส่วนการเดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาเป็นการไปเตรียมการแก้ไขปัญหาเรื่องฝุ่น ตอนนี้ลดน้อยลงไป 30-70% แล้วแต่พื้นที่
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนการเดินทางไปครั้งล่าสุด นอกจากจังหวัดเชียงใหม่ยังไปอีกหลายจังหวัด และมีการประชุมคณะรัฐมนตรีที่จังหวัดพะเยา ขอยืนยันว่าตนไม่ได้ทานไวน์ เนื่องจากมีอาการป่วย
ส่วนร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ที่เพิ่งได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร ไม่ใช่ข้อแก้ตัวหรือข้ออ้างที่จะไม่บริหารราชการแผ่นดินหรือช่วยเหลือประชาชน แต่นโยบายหลักๆ และหลายนโยบายของรัฐบาลก็เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยไม่พึ่งงบประมาณ ตนยอมรับว่ารัฐบาลก่อนได้ทำมาแล้วบางส่วน ซึ่งอะไรที่ทำมาดีเราก็ยินดีสานต่อ ไม่ได้ปัดตกทุกเรื่อง มีการติดต่อบริษัทข้ามชาติมาลงทุน เป็นหลักแสนล้าน จึงต้องใช้เวลามากกว่า 7 เดือนในการเจรจาตกลง ซึ่งประธานผู้แทนการค้า และเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ จะมีการแถลงในวันพรุ่งนี้(26 มี.ค.) เวลา 11.00น. เกี่ยวกับการยกระดับอุตสาหกรรมไทย ที่จะช่วยยกระดับรายได้ระยะยาวของประชาชน แต่อย่างไรก็ตาม งบประมาณเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นขีดจำกัด ที่รัฐบาลไม่สามารถช่วยเหลือประชาชนได้อย่างเต็มที่
“ขอยืนยันว่า รัฐบาลใช้นโยบายหลักๆ ในการผลักดันเศรษฐกิจ สังคมและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีการตั้งภาระทำงานและ มีไทม์ไลน์ที่ชัดเจน ส่วนโครงการแจกเงินดิจิตอลวอลเล็ต 10,000 บาท รัฐบาลให้ความสำคัญกับการรับฟังความเห็นทุกภาคส่วนเพื่อนำมาประกอบให้ได้ดีที่สุด ซึ่งวันนี้พรุ่งนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง จะมีการแถลงผลการรับฟังความคิดเห็น”นายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ตนเห็นด้วยว่า เรื่องนี้ยังไม่จบ ลูกหนี้มีความลังเลในการจะเข้าสู่ระบบ ซึ่งเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาตนได้ไปเยี่ยมชม สถานีตำรวจทั้งในและนอกกรุงเทพฯ จึงได้กำชับ อย่านั่งคอยอยู่ที่โต๊ะแล้วรอให้ประชาชนมาแจ้งว่าเขามีหนี้อยู่เท่าไหร่ แต่เป็นหน้าที่ของฝ่ายปกครองและความมั่นคงที่ต้องลงพื้นที่ไปเรียกร้องให้เขามาแจ้ง และดูแลไม่ให้เขาถูกคุกคามจากอำนาจมืดทั้งหลาย ซึ่งตนเข้าใจถึงปัญหาดอกเบี้ยที่ไม่เป็นธรรม จึงต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่ง รัฐบาลจะต้องจัดการเรื่องนี้อย่างเป็นรูปธรรม ทางกระทรวงการคลัง และธนาคารในกำกับดูแล จะเข้าไปซัพพอร์ตในส่วนของกระแสเงินสด แม้ปัญหาจะยังไม่สามารถแก้ไขได้อย่างบูรณาการ แต่ 7 เดือนที่ผ่านมา ก็มีการเปลี่ยนแปลงไป.-312.-สำนักข่าวไทย