ทำเนียบ 18 มี.ค.- “เกณิกา” บอก “พิธา” เคยเป็นแต่ “นายกฯ ทิพย์” เลยไม่รู้ว่ารัฐบาลต้องทำงานอย่างไร ถนัดสร้างวาทกรรมที่ทำไม่ได้จริง ไล่ไปเช็กข้อมูล-ตัวเลขก่อน
น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ตั้งคำถามว่า ทำไม จ.เชียงใหม่ ไม่ประกาศภาวะฉุกเฉิน ว่า รัฐบาลมีแผนการดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ไว้แล้ว การประกาศพื้นที่ฉุกเฉินโดยไม่ศึกษารายละเอียดเป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำ และขณะนี้ตัวเลขระดับ PM 2.5 และ AQI ในช่วงตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์-11 มีนาคม 2567 คุณภาพอากาศที่ จ.เชียงใหม่ ยังคงดีกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วอย่างเห็นได้ชัด จากข้อมูลศูนย์สื่อสารปัญหามลพิษทางอากาศ เห็นได้ว่าวันที่ 11 มีนาคม 2567 มีตัวเลขอยู่ที่ 44 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) โดยตัวเลขวันเดียวกันของปี 2566 อยู่ที่ 96 มคก./ลบ.ม. เช่นเดียวกับตัวเลข AQI ของปี 2567 ที่กราฟค่อนไปทางสีเหลือง สีเขียว มีวันที่กราฟเป็นสีแดงน้อยกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 อย่างเห็นได้ชัด
“คำแนะนำของนายพิธาหากเป็นการทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน รัฐบาลยินดีที่จะรับฟัง แต่ไม่ใช่จ้องแต่โจมตีฝ่ายตรงข้ามเพื่อเอามัน หรือคอยจ้องจับผิดการทำงาน แล้วสร้างวาทกรรมหรือยกทฤษฎีมา แต่ปฏิบัติจริงไม่ได้ เพราะการบริหารประเทศนั้น ไม่ใช่การพูดไปส่งๆ แต่ก็เข้าใจนายพิธาเคยเป็นแค่นายกฯ ทิพย์ จึงไม่รู้ว่าเขาทำงานกันอย่างไร“ น.ส.เกณิกา กล่าว
น.ส.เกณิกา กล่าวต่อว่า ขออธิบายเพิ่มเพื่อเป็นข้อมูลให้นายพิธา ว่า เรื่องการประกาศพื้นที่ฉุกเฉิน เพื่อดึงงบประมาณมาใช้นั้น นายพิธารู้หรือไม่ว่า งบฯ ส่วนนี้มีจำนวนเพียง 50 ล้านบาท แต่ที่รัฐบาลอนุมัติงบกลาง ไปเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว เป็นจำนวนเงินถึง 272,655,350 บาท ซึ่งมากกว่าหลายเท่า นายพิธาอยากได้งบฯ 50 ล้านบาทมาแลกกับรายได้ที่ผู้ประกอบการในพื้นที่ที่เพิ่งฟื้นจากวิกฤติโควิด-19 จะได้รับจากการท่องเที่ยวเช่นนั้นหรือ นอกจากนี้ หากมีการประกาศเป็นพื้นที่ฉุกเฉิน ประชาชนจะต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบหลายอย่างที่กระทบต่อการใช้ชีวิต และกระทบต่อเศรษฐกิจปากท้อง พอมีข่าวออกมา วันนี้ภาคเอกชน ประชาชนและนักวิชาการหลายท่านออกมาค้านการประกาศภัยพิบัติฉุกเฉิน นายพิธาจะเปิดใจรับฟังเสียงเหล่านั้นหรือไม่ “ขอยืนยันว่า หน่วยงานภาครัฐไม่ได้มีใครนิ่งนอนใจในการแก้ปัญหาฝุ่นเลย โดยเฉพาะนายกฯ เศรษฐา ที่เข้าใจปัญหาและความรู้สึกของประชาชน เพราะตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่ งก็เร่งแก้เรื่องนี้ที่เป็นวาระแห่งชาติมาตั้งแต่แรก ส่วนงบกลางที่เพิ่งอนุมัติไปก็เป็นครั้งแรกที่มีการอนุมัติงบลักษณะนี้ เพื่อให้ถึงมือประชาชนโดยตรง ดิฉันขอแนะนำให้นายพิธาตั้งสติและศึกษาข้อมูลก่อนพูด และหากนายพิธาใส่ใจศึกษาข้อมูลตัวเลขสักนิด จะเห็นว่า ค่าฝุ่นในช่วงเดียวกันของปีนี้กับปีที่แล้วต่างกันอย่างมาก โดยลดลงเกินครึ่ง ตัวเลขเหล่านี้เกิดจากการทำงานหนักของทุกภาคตั้งแต่ ครม. ปลัด อธิบดี ผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่ และพี่น้องประชาชน” น.ส.เกณิกา กล่าว.-315.-สำนักข่าวไทย