สำรวจความพร้อม เจรจาเปิดจุดผ่อนปรนขึ้นเขาพระวิหาร

กทม. 10 มี.ค.-สำรวจความพร้อม “ศรีสะเกษ” เตรียมรับทางการไทย-กัมพูชา เจรจาเปิดจุดผ่อนปรนเพื่อการท่องเที่ยวช่องทางขึ้นเขาพระวิหาร 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 มี.ค.67 ที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นำคณะรัฐมนตรีจากกระทรวงในการกำกับหลายกระทรวงลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ เป็นช่วงเวลาที่ประเด็นการเจรจาเพื่อเปิดจุดผ่อนปรนเพื่อการท่องเที่ยวช่องทางขึ้นเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้ถูกหยิบยกขึ้นมากล่าวถึง และอยู่ในความสนใจของประชาชนในวงกว้างอีกครั้ง โดยเฉพาะคนในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ ที่เฝ้ารอโอกาสนี้มานาน เพราะนี่หมายถึงการได้กลับมาไปมาหาสู่ของคนทั้ง 2 ประเทศ ที่ในระดับพื้นที่เองเรียกว่ามีความสัมพันธ์อันดี แนบแน่น และเป็นโอกาสของการกลับมาฟื้นฟู เศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยว ที่ซบเซาไปเป็นเวลากว่า 16 ปี นับแต่ปี 2551 ที่มีปัญหาความขัดแย้งและปิดจุดผ่อนปรนฯ


ในห้วงโอกาสนี้ สื่อมวลชนได้มีโอกาสสำรวจความพร้อมของภาคส่วนต่างๆ ของจังหวัดศรีสะเกษ ตั้งแต่ระดับนโยบาย ไปจนถึงเอกชนผู้ประกอบการ และประชาชนในพื้นที่ พบว่าแต่ละภาคส่วนมีความตื่นตัวเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

นายอนุพงษ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ทางจังหวัดศรีสะเกษได้ติดตามประเด็นการเปิดจุดผ่อนปรนฯ จากระดับนโยบายของรัฐบาล และดำเนินการเตรียมความพร้อมโดยมีการประชุมส่วนราชการ และหน่วยงานความมั่นคง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมอบหมาย ซึ่งขณะนี้ถือว่าในพื้นที่มีความพร้อมในทุกด้านทั้งการบริหารจัดการ จำนวนบุคลากรสนับสนุนกรณีที่ระดับนโยบายของทั้ง 2 ประเทศ บรรลุข้อเจรจาได้สำเร็จ


นางจิตร อาจสัญจร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร กล่าวว่า ขณะนี้ทางจังหวัดศรีสะเกษได้มีการตั้งคณะทำงานเตรียมความพร้อม ประกอบด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ฝ่ายปกครอง ฝ่ายความมั่นคง ด่านตรวจคนเข้าเมือง(ตม.) ศุลกากร อุทยานฯ ซึ่งการหารือของทุกฝ่ายตอนนี้มองว่าในระดับพื้นที่มีความพร้อมหมดแล้ว รอเพียงระดับนโยบายเท่านั้น

“ในส่วนของอุทยานฯ เรามีการเตรียมการในเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มีการพูดคุย ทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการร้านค้าที่ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 40 ราย รวมถึงดูแลจุดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวบนอุทยานฯ ให้พร้อมรองรับนักท่องเที่ยว คาดว่าถ้ามีการกลับมาเปิดจุดผ่อนปรนฯ จะช่วยให้จำนวนนีกท่องเที่ยวกลับเข้ามาเหมือนอดีตที่เคยสูงสุด 5-7 แสนคนต่อปี จากปัจจุบันในช่วงที่ยังปิดจุดผ่อนปรนฯ จะมีนักท่องเที่ยวคนไทยขึ้นมาเที่ยวอยู่ประมาณ 1.7-2.2 แสนคนต่อปีและอุทยานฯ จัดเก็บรายได้จากค่าเข้า และค่าธรรมเนียมต่างๆ ได้ประมาณ 7-10 ล้านบาทต่อปี” นางจิตร กล่าว

ทางด้านนายสวัส ลุนผง หัวหน้าฝ่ายจัดการทรัพยากรธรรมชาติ อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร กล่าวว่า ส่วนตัวได้รับมอบหมายให้ดูแลงานที่เกี่ยวกับจุดท่องเที่ยวในอุทยานฯ มาตั้งแต่ปี 2539 อยากเห็นจุดผ่อนปรนฯ กลับมาเปิดอีกครั้ง เพราะจะส่งผลโดยตรงกับรายได้ของคนในพื้นที่ โดยเศรษฐกิจของ อ.กันทรลักษ์ และพื้นที่ต่อเนื่องกันจะดีขึ้นทันที เห็นได้จากจากข้อมูลโดยปกติที่รายได้ของชุมชนที่เกิดต่อเนื่องจากนักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาบนอุทยานฯ เช่น ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับที่พัก พาหนะเดินทาง ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก จะอยู่ที่ประมาณ 15 เท่า ของรายได้ที่อุทยานฯจัดเก็บได้ เช่น ปัจจุบันที่อุทยานจัดเก็บรายได้ได้ประมาณ 10 ล้านบาทต่อปี ก็สร้างรายได้ต่อเนื่อง 150 ล้านบาท ซึ่งหากจุดผ่อนปรนฯ กลับมาเปิดอีกครั้ง รายได้ต่อเนื่องจะเพิ่มขึ้นอีกมหาศาล


ในส่วนของแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ บนอุทยานฯ ตอนนี้ถือว่ามีความพร้อมในทุกจุด ซึ่งทางอุทยานฯ เองอยากให้นักท่องเที่ยวขึ้นมาเที่ยว เพราะที่นี่มีทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม อย่างผามออีแดง จุดชมพระอาทิตย์ที่สวยที่สุดจุดหนึ่งของประเทศ หรือที่เรียก จุดชมพระอาทิตย์ขึ้น 3 แผ่นดิน เนื่องจากบริเวณผามออีแดงจะสามารถมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นในบริเวณ “สามเหลี่ยมรวงผึ้ง” ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่าง 3 ประเทศ ไทย กัมพูชา และ สปป.ลาว  และยังเป็นจุดชมทะเลหมอกที่สวยงามมากในฤดูฝน ตลอดจนเป็นจุดชมดาว ที่สามารถมองเห็นทางช้างเผือกในช่วงเดือนต.ค.-เม.ย. ของทุกปี ซึ่งทางอุทยานฯ ได้จัดกิจกรรมดูดาวให้กับผู้สนใจด้วย สามารถติดต่อมายังสำนักงานอุทยานฯ โดยจะมีวิทยากรคอยแนะนำการดูดาว การใช้แอปพลิเคชั่นในการสนับสนุนการดูดาวได้ด้วยตนเอง

นอกจากนี้ ในพื้นที่อุทยานฯ ยังเป็นที่ตั้งของแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ อารยธรรมที่น่าสนใจ เช่น ปราสาทโดนตวล ที่ประวัติการก่อสร้างมีความเก่าแก่ใกล้เคียงกับปราสาทนครวัด และรายละเอียดของตัวปราสาทยังเป็นแหล่งเรียนรู้อารยธรรมมากมาย รวมไปจนถึงสถูปคู่ ที่มีประวัติความเป็นมาเกี่ยวเนื่องกับปราสาทโดนตวล  และ ภาพแกะสลักนูนต่ำ อยู่บริเวณผาอีมอแดง ที่คาดว่าเป็นการภาพที่ช่างได้แกะเป็นต้นร่าง ก่อนจะแกะสลักจริงบนเขาพระวิหาร มีรายละเอียดให้ศึกษาสำหรับผู้ที่มีความสนใจในอารยธรรมโบราณ  

จากการลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติพระวิหาร พบว่า ทั้งส่วนท้องถิ่น และผู้ประกอบการมีการเตรียมการลงทุนเพื่อรองรับภาคการท่องเที่ยว โดยชาวบ้านในพื้นที่รายหนึ่ง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า มีผู้ประกอบการได้เริ่มงานก่อสร้างรีสอร์ท ที่พัก ตามเส้นทางขึ้นอุทยานฯ แล้ว และส่วนของบ้านภูมิซรอล ซึ่งเป็นชุมชนก่อนจะขึ้นไปยังอุทยานทางท้องถิ่นก็มีการพัฒนาจุดพักรถ ร้านค้าขายสินค้าท้องถิ่น และของที่ระลึกแล้ว  

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับ “วันปิติ สีหาพงศ์” หรือ ฝายน้ำ และ วิชยุติ ธรรมาบุญ หรือ เติ้ล คู่รักคนรุ่นใหม่ ที่เป็นลูกหลานคนศรีสะเกษ ที่ตัดสินใจทิ้งงานเอเยนซี่ที่กรุงเทพฯ กลับมาทำธุรกิจที่บ้าน ซึ่งทั้งคู่และครอบครัวช่วยกันเปิดรีสอร์ทแนวแคมปิ้ง ชื่อ “ปิติ ฟาร์ม” (Piti Farm)  มีที่ตั้งอยู่ในที่ดินของครอบครัวบริเวณแนวถนนขึ้นอุทยานฯ ซึ่งที่ผ่านจะมีลูกค้าเข้าพักในช่วงไฮซีซัน คือ ปลายปีต่อเนื่องถึงต้นปี  และส่วนใหญ่จะรู้จักและจองเข้ามาผ่านเพจ เฟซบุ๊ค “ปิติฟาร์มมิลี่ Cafe & Glamping – ผามออีแดง” ทั้งคู่ยอมรับว่าติดตามข่าวคราวการเตรียมเจรจาเพื่อเปิดจุดผ่อนปรนฯ อย่างใกล้ชิด และอยากให้ระดับนโยบายเจรจากันได้สำเร็จ เพราะจะเกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ท่องเที่ยว และทำให้ชีวิตความเป็นอยู่คนคนในพื้นที่ดีขึ้นมาก และส่วนของปิติ ฟาร์ม เอง จากเดิมที่มีลูกค้าหนาแนนเฉพาะช่วงไฮซีซัน และช่วงที่ผลไม้ชื่อดังของท้องถิ่นอย่างทุเรียนภูเขาไฟออก ก็น่าจะได้รับประโยชน์ ได้ตลาดนักท่องเที่ยวที่จะมามากขึ้น มีผู้เข้าพักตลอดทั้งปี  

ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงบางส่วนของเสียงสะท้อน คนในพื้นที่ทั้งระดับนโยบาย เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบการ และประชาชน ที่มีการเตรียมตัวพร้อมกับติดตามเฝ้ารอการกลับมาเปิดจุดผ่อนปรนช่องทางขึ้นเขาพระวิหารอีกครั้ง.-317.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

รวบแล้ว “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง

กรุงเทพฯ 18 ก.ค. – สืบนครบาลจับ “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง พร้อมสมุน หลังหนีซุกบ้านเช่าย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี เร่งล่าอีก 1 ยังหลบหนี กรณีคนร้าย 7 คน แก๊งเสือปุ่น ใช้อาวุธปืนและมีด ก่อเหตุปล้นเงินสด 3.4 ล้านบาท จากผู้มาซื้อคริปโตฯ เหตุเกิดที่ลานจอดรถชั้น 1 ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง เมื่อคืนวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น.) และตำรวจ บก.สส.บช.น. ร่วมกันจับกุม นายวรวัฒน์ หรือ เสือปุ่น อายุ 43 ปี […]

เดินหน้าเอาผิดหญิงกัมพูชาชี้หน้าด่าไล่ทหารไทย

18 ก.ค. – ปกติคดีทำร้ายร่างกายและจิตใจ ไม่ใช่คดีใหญ่ แต่เมื่อเป็นคู่กรณีไทย-กัมพูชา ในสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดน จึงกลายเป็นคดีระดับประเทศที่ผู้บังคับบัญชาให้ความสำคัญ และดำเนินการอย่างรัดกุม ทั้งคดีอดีตทหารพรานทำร้ายร่างกายทหารกัมพูชา และคดีหญิงกัมพูชา ชี้หน้าด่าไล่ทหารไทยบริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์.-สำนักข่าวไทย

ไทยเตรียมประท้วง UN หากทุ่นระเบิดเป็นของใหม่

18 ก.ค. – แม่ทัพภาค 2 ลั่นรอผลตรวจสอบกับระเบิดทำทหารไทยขาขาด หากเป็นของใหม่ จะเสนอประท้วงไปยังยูเอ็น ขอให้มีมาตรการคว่ำบาตรกัมพูชา ทำผิดอนุสัญญาออตตาวา กรณีทหารเหยียบกับระเบิด บนเนินช่องบก จ.อุบลราชธานี คาดว่าไม่เกิน 2 วัน จะชัดเจนว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่หรือของเก่า แต่มีคำยืนยันว่าไทยไม่เพิกเฉยเรื่องนี้แน่นอน พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 บอกว่า หากผลพิสูจน์ชัดเจนว่า ทุ่นระเบิดเป็นของใหม่ จะใช้กลไกกองทัพบกประสานต่อกระทรวงต่างประเทศ ให้ยื่นประท้วงกัมพูชาต่อองค์การสหประชาชาติ เพื่อดำเนินการคว่ำบาตรกัมพูชา ตามสนธิสัญญาออตตาวา ห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งไทยและกัมพูชาก็เป็นสมาชิกที่มีเกือบ 200 ประเทศทั่วโลก ส่วนมาตรการตอบโต้อย่างอื่น ยังบอกไม่ได้ สำหรับบริเวณช่องบก จุดเกิดเหตุระเบิดจนทำให้กำลังพลบาดเจ็บ 3 นาย จุดนั้น เป็นพื้นที่สู้รบเก่าที่สามารถพบทุ่นระเบิดเก่าได้ ซึ่งวันนี้ ทางชุดเก็บกู้ทุ่นระเบิดแห่งชาติ ที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านกับระเบิดซึ่งทั่วโลกยอมรับ ได้ลงพื้นที่พิสูจน์ มีแนวโน้มเป็นไปได้ทั้งนำมาวางไว้ก่อน หรือหลังเหตุปะทะที่ช่องบก เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา ส่วนในพื้นที่ ได้กำชับกำลังพลทุกนายให้เฝ้าระวังมากยิ่งขึ้น แม่ทัพภาคที่ 2 ยังพูดถึงประเด็นดราม่า […]

บ้านดอนตัน กว่า 100 หลังคาเรือน ยังจมน้ำ

น่าน 18 ก.ค. – “บ้านดอนตัน” จ.น่าน กว่า 100 หลังคาเรือน ยังคงจมน้ำ น้ำใจหลั่งไหลเข้าช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย รวมทั้งเยาวชนฝีพายเรือแข่งอำเภอท่าวังผา ขนน้ำดื่มลงเรือแจกจ่ายช่วยชาวบ้าน สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.น่าน ยังน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะที่บ้านดอนตัน หมู่ 4 ต.ศรีภูมิ อ.ท่าวังผา ชาวบ้านกว่าร้อยหลังคาเรือนยังอาศัยอยู่ท่ามกลางน้ำท่วมขัง ระดับน้ำในพื้นที่สูงกว่า 1 เมตร ประชาชนต้องย้ายสิ่งของขึ้นชั้น 2 เพื่อความปลอดภัย ส่วนผู้อาศัยอยู่ในบ้านชั้นเดียว ต้องอพยพไปพักอยู่กับญาติในพื้นที่ใกล้เคียง หลายหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชนและจิตอาสา ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน โดยจัดส่งอาหาร น้ำดื่มและสิ่งของจำเป็น โดยเฉพาะเยาวชนฝีพายเรือแข่งจากบ้านสบหนอง อำเภอท่าวังผา นำเรือออกให้ความช่วยเหลือในการขนส่งน้ำดื่มและอาหารไปยังบ้านที่ถูกน้ำล้อม เพื่อส่งต่อถึงผู้ประสบภัยที่ยังติดอยู่ในบ้าน ผู้ใหญ่บ้านดอนตัน เปิดเผยว่า ขณะนี้ระดับน้ำเริ่มทรงตัวและ มีแนวโน้มลดลง แต่บริเวณท้ายหมู่บ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำและอยู่ติดแม่น้ำยังคงมีน้ำท่วมสูง โดยเฉพาะในพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ทั้งไร่ข้าวโพดและลำไย รวมกว่า 2,000 ไร่ ถูกน้ำท่วมเสียหายทั้งหมด ขณะที่หมู่บ้านใกล้เคียงในพื้นที่ ต.ป่าคา อ.ท่าวังผา ได้แก่ […]