ชมเชียงใหม่แก้ปัญหา PM 2.5 ได้ดี  

จ. เชียงใหม่ 11 ม.ค.-นายกฯ พอใจทุกภาคส่วนบูรณาการแก้ปัญหา PM.2.5หนุนพัฒนารถไฟฟ้า เปลี่ยนรถแดงเป็นรถอีวี ยกระดับคมนาคม ท่องเที่ยว แก้จราจรแออัด ขอปชช.ช่วยอีกทางแก้ปัญหาระยะยาว แนะจังหวัดอื่นนำไปเป็นโมเดล


 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานประชุมติดตามความคืบหน้าโครงการต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงระบบขนส่งและการเดินทางในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ที่กองบิน 41 จ.เชียงใหม่ โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่ากระทรวงคมนาคม นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายไชยา พรหมมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงคมนาคม นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีความห่วงสถานการณ์หมอกควันและไฟป่า ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนภาคเหนือหลายจังหวัด ต้องหาแนวทางแก้ไขปัญหาและวิธีป้องกันที่ถูกต้อง ซึ่งจากการมาตรวจราชการเมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันแก้ไขปัญหาและคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ขอเน้นให้ทุกฝ่ายทุกหน่วยงานบูรณาการความร่วมมือโดยยึดหลักแนวทางนี้


“สถานการณ์ต้องดีขึ้นทุกวัน ด้วยการทำงานเต็มที่ จริงจัง ขอให้ท่านแบ่งหน้าที่ เอ็กซเรย์พื้นที่ความรับผิดชอบของท่านว่ายังมีปัญหาใดที่จะต้องแก้ไขเร่งด่วน และรายงานให้มทราบทุกวัน ถ้าไม่ดีกว่าเดิมต้องแจ้งให้ผมทราบว่ามีอุปสรรคอะไร รัฐบาลมีความประสงค์ที่อยากจะคืนอากาศบริสุทธิ์แก่ประชาชนภาคเหนือให้ได้โดยเร็วที่สุด” นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การบริหารจัดการแก้ไขปัญหาหมอกไฟป่าต้องมีแนวทางแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว เพื่อความยั่งยืน เจ้าหน้าที่ต้องมีข้อมูลชัดเจน แม่นยำให้การแก้ไขเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว การดูแลสุขภาพประชาชน” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้จังหวัดและหน่วยงานราชการโดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุข กรมการปกครองส่วนท้องถิ่น ดูแลประชาชนให้ครอบคลุมทุกมิติ สุขภาพอนามัยของเด็ก ผู้สูงอายุ รณรงค์ใส่หน้ากากกรองฝุ่นที่มีประสิทธิภาพ จัดพื้นที่ศูนย์พักพิงของ เข้าถึงเครื่องฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพและราคาเข้าถึงได้ สร้างจิตสำนึกประชาชนตื่นตัว รับรู้ข่าวสารภัยของ PM2.5 พร้อมขอประชาชนดูแลพื้นที่ป่า ลดการเผา เพราะปัญหานี้ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายช่วยกันแก้ไข เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ต้องร่วมกันแก้ไขปัญหาระยะยาว ต้องให้ทุกฝ่ายช่วยกันสร้างอากาศบริสุทธิ์

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนของการคมนาคมต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย จากที่ลงพื้นที่ พูดคุยกับส่วนราชการ รู้สึกดีเมื่อเทียบตัวเลขปีที่แล้ว ปัญหา PM 2.5 ลดลงหลายเท่าตัว การแสดงแผนที่ Red Zone อย่างมีนัยพิสูจน์ทราบได้ว่าตัวเลขลดลง ส่งผลต่อการท่องเที่ยว โดยเฉพาะพื้นที่ดอยอินทนนท์มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจาก 13,000 คน เป็น 17,000 คนต่อวัน แสดงให้เห็นว่า PM 2.5 น้อยลง ต้องขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมกันบูรณาการ วันนี้เราจะคุยกันหลายเรื่อง โดยเฉพาะการคมนาคม หลายเรื่องยึดโยงถึง PM 2.5 ด้วย ไม่ใช่แค่การเผาป่าอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องที่เรา ใช้เรื่องการเปลี่ยนแปลงระบบคมนาคมที่กระทรวงคมนาคมให้ความสำคัญ และจัดสรรงบประมาณลำดับความสำคัญต้น ๆ


“ขอให้ช่วยกัน การทำงาน 2 เดือนที่ผ่านมาต้องกราบพระคุณทุกท่าน ทุกหน่วยงาน ที่ทำงานประสานงานกันอย่างดี ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นจุดศูนย์รวมจิตใจและช่วยกันประสานทุกฝ่าย เหมาะสำหรับการเป็นแม่แบบไปใช้ในจังหวัดต่าง ๆ ที่ทำงานร่วมกันอย่างดีเยี่ยม ระหว่างฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ สาธารณสุข เกษตร คมนาคม คือเป็นแม่แบบที่ดีมาก ต้องขอชื่นชม” นายกรัฐมนตรี กล่าว

จากนั้น นายกรัฐมนตรีรับฟังข้อเสนอของจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรื่องการแก้ไขปัญหาจราจรและการคมนาคมติดขัด โดยเฉพาะบริเวณหน้ากองบิน 41 และถนนนิมมานเหมินทร์ โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังกลับจากเชียงใหม่จะเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ผู้บัญชาการทหารอากาศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือเรื่องการแก้ไขปัญหานี้ ส่วนข้อเสนอการทำรถไฟฟ้าเชื่อมต่อเพื่ออำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวและลดใช้รถยนต์เพื่ออากาศสะอาด ลดความแออัดในเมืองเป็นสิ่งดี เห็นด้วยว่าควรสร้างรถไฟฟ้าส่งเสริมการท่องเที่ยว เพราะเชียงใหม่เป็นเมืองที่ใหญ่ที่มีนักท่องเที่ยวระดับต้น แต่ยังไม่มีระบบรถไฟฟ้า จึงน่าจะนำมาพิจารณาเพราะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและเศรษฐกิจหลักของประเทศ และระหว่างก่อสร้าง ไม่ต้องห่วงเรื่องปัญหาจราจร เพราะจะดำเนินการเมื่อเส้นวงแหวนการจราจรข้างต้นเสร็จก่อน

นายกรัฐมนตรี ขอบคุณที่ช่วยกันคิดเรื่องการท่องเที่ยว เชื่อว่าจะทำให้ความมั่นใจดีขึ้น ส่วนเรื่องการพัฒนารถแดงไฟฟ้าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะรถแดงเป็นเอกลักษณ์สำคัญของเชียงใหม่ เป็นเสน่ห์การท่องเที่ยว ซึ่งต้องให้ความสำคัญต่ออากาศสะอาดด้วย หากผู้ต้องการทำรถแดง EV และต้องการการสนับสนุนดอกเบี้ยต่ำ ฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือกันให้เป็นรูปธรรม ขอให้เป็นวาระสำคัญ โดยเฉพาะธนาคารที่อยากมีส่วนช่วยเหลือสังคม

“ผมเชื่อว่าถ้าพี่น้องชาวเชียงใหม่และภาคเหนือได้มานั่งฟังการพัฒนาระบบคมนาคม น่าจะมีขวัญกำลังใจขึ้นอีกเยอะ เพราะการทำงานบูรณาการของทุกภาคส่วนเป็นการทำงานที่ครบวงจรและการประสานงานที่ดี อยากเห็นผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดผนึกกำลังอย่างที่ผู้ว่าฯ ทำ ถือเป็นตัวอย่างที่ดี วันนี้ผู้ว่าการท่องเที่ยวฯ ก็มา ช่วยทำให้มั่นใจสูงแน่นอน เพราะไม่ใช่แค่แผนปฏิบัติการเร่งรัดอย่างเดียว แต่เรามีแผนการทำงานชัดเจน และอาจจะมีแผนเพิ่ม 4-5 เท่า สอดคล้องกับเรื่องฟรีวีซ่าที่รัฐบาลทำ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมาผู้ว่าฯททท.มาคุยเรื่องเที่ยวบินอินเดียเข้ามาไทยน้อย ซึ่งจากที่พบกับเอกอัครราชทูตอินเดีย ประจำประเทศ ไทย จะทำเอ็มโอยูเพื่อให้สายการบินเข้ามาเพิ่มขึ้น นักท่องเที่ยวที่บินเข้ามาคือนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย รองลงมาคือจีนและประเทศที่ทำให้แปลกใจคือเกาหลี เพราะจากที่ตนมาเชียงใหม่เมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมาเจอแต่นักท่องเที่ยวเกาหลี อาจเพราะเชียงใหม่มีสนามกอล์ฟหลายแห่งจึงทำให้นักท่องเที่ยวเกาหลีมาเชียงใหม่มาก

“ปัญหาใหญ่ที่ทำให้นักท่องเที่ยวไม่มาคือปัญหา PM  2.5 ซึ่งเราบริหารจัดการอย่างดีเยี่ยม รถต้องไม่ติด รัฐบาลตอบโจทย์ระยะใกล้ ระยะกลางและระยะยาวอย่างบูรณาการแล้ว การรักษาเรื่องดี ๆ ของเชียงใหม่ไว้  อาทิ รถสองแถวแดงที่เป็นไฮไลท์คู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่ เราพยายามจะเปลี่ยนให้เป็นรถไฟฟ้า เชื่อว่าทุกอย่างคิดกันมาดีมาก ทำให้การทำงานเชื่อมต่อระหว่างกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย ท้องถิ่น และพรรคการเมือง ทำให้เชียงใหม่มีศักยภาพที่โดดเด่น” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แม้ว่ารัฐบาลนี้มาเพียง 4 เดือน แต่เห็นการทำงานของทีมไทยแลนด์ชัดเจน ทุกคนทุ่มเทเต็มที่ คนที่ทำงานปิดทองหลังพระอย่างฝ่ายความมั่นคง กองทัพทำงานป้องกันไฟป่า แม้เป็นจุดเล็ก ๆ แต่ไม่ควรมองข้าม จึงขอให้รักษาตรงนี้ไว้และดำเนินการต่อไป ส่วนเรื่องงบบูรณาการ ให้ข้อคิดตามหลักการทำงาน ถ้าปี 67 มีผลชัดเจนเชื่อว่าเรื่องงบเป็นเรื่องที่พูดคุยได้ เพียงแต่ต้องมีเหตุผลชัดเจน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องปัญหาฝุ่น PM2.5 สิ่งสำคัญคือลดจุดความร้อน หรือฮอตสปอต การทำแนวกันไฟที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน สร้างความเข้าใจประชาชนลดการเผาวัชพืชเป็นปุ๋ยเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน ขณะเดียวกันปลูกป่าความชุ่มชื้น เชื่อว่าจุดความร้อนและค่า PM2.5 จะลดลง วันนี้เป็นนิมิตรหมายที่ดี พ.ร.บ.อากาศสะอาดเข้าสภาฯ แล้ว

“ขอร้องทางกองทัพภาคที่ 3 ช่วยจัดอากาศยานเพิ่ม มาช่วยปฎิบัติการดับไฟป่า ซึ่งจะช่วยเรื่องปัญหาฝุ่นด้วย โดยจะประสานกองทัพอากาศขออากาศยานมาช่วยขน วัชพืชส่งไปโรงงานต่าง ๆ ลดปัญหาการขนส่งอีกทางหนึ่ง ส่วนเรื่องงบประมาณ รับทราบที่ทุกหน่วยงานขอมา ไม่ต้องห่วง ขอให้ดำเนินงานตามขั้นตอนอย่างเต็มที่” นายกรัฐมนตรี กล่าว

พล.ท.ประสาน แสงศิริรักษ์ แม่ทัพภาค 3 กล่าวว่า ยินดีและพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยจะประสานไปยังส่วนกลาง 

จากนั้น นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมรถไฟฟ้าร้อยเปอร์เซ็นที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งดัดแปลงมาจากรถดีเซล ผลงานของคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และขึ้นรถแดง ทะเบียน 30-6198 เชียงใหม่ไปบริเวณจุดจอดอากาศยานกรมฝนหลวงและการบินเกษตรกองบิน 41  ติดตามความพร้อมปฎิบัติการฝนหลวงเพื่อบรรเทาปัญหาหมอกควันและฝุ่นละออง PM 2.5 รวมถึงชมการสาธิตวิธีปล่อยฝนหลวงด้วย.-316.-สำนักข่าวไทย       

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ.จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบกสดุดีทหารกล้า จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ ขอพระราชทานยศทหารเลื่อนขั้นอย่างสมเกียรติ วันที่ 30 ก.ค. 68 กองทัพบกร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมและส่วนราชราชการพื้นที่ จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพทหารกล้าที่สละชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ จากเหตุการณ์พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยใน พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบให้คณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก ร่วมเป็นเกียรติในพิธีพระราชทานเพลิงศพของทหารหาญ จำนวน 4 นาย ดังนี้ 1.ส.อ.จิรายุ สิงห์อ้น ตำแหน่งพลลาดตระเวน กองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 6 (ร้อย ลว.ไกล 6) กองพลทหารราบที่ 6 ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ (25 ก.ค.68) ณ วัดตลาดราชมงคล อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด โดยมี พล.อ. ณัฐวุฒิ นาคะนคร รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีพระราชเพลิงศพ โดยกองทัพบกได้ดำเนินการปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ขั้น ขอพระราชทานยศทหารเป็นร้อยโท […]

ทบ.ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบก ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน ประชาคมโลกต้องเห็นความเสียหาย ทั้งบ้านเรือน-โรงเรียน-โรงพยาบาล เร็วๆ นี้ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ เข้าดูพื้นที่บริเวณจุดปะทะ บริเวณช่องอานม้า จ.อุบลราชธานีว่า จุดที่ฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศลงไปดูพื้นที่ปฏิบัติการทางทหาร บริเวณจุดที่เคยมีการปะทะกันนั้น เป็นบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี จึงเห็นมีภาพปรากฏถึงความเสียหายที่เกิดจากการใช้อาวุธจากทั้งสองฝ่าย ซึ่งคงเป็นเรื่องปกติ เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ในบริบทของพื้นที่ทางยุทธการ และบริเวณนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายทางทหาร สำหรับฝ่ายไทยมีแผนจะจัดกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวเช่นกัน โดยฝ่ายไทยจะไม่เน้นการสร้างภาพลวงแบบฉาบฉวย แต่จะเน้นสื่อสารเชิงคุณภาพ สิ่งที่จำเป็นจะต้องสื่อถึงประชาคมโลกคือ ความเสียหายต่อบ้านเรือน โรงเรียน โรงพยาบาล ที่ฝ่ายทหารกัมพูชาจงใจพุ่งเป้าโจมตีไปยังเป้าหมายเหล่านั้น จนมีพลเรือน ประชาชน เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวอยู่ลึกไกลเข้ามาภายในประเทศไทย และห่างจากพื้นที่สู้รบเข้ามาในไทยไกลมากถึง 10-30 กิโลเมตร พล.ต.วินธัย กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย รวมถึงขัดต่อหลักปฏิบัติทางทหารตามกฎหมายสากล และหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการเจตนาละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศหลายฉบับ ที่ห้ามการโจมตีพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรบ กองทัพบกไทยขอยืนยันอีกครั้งว่า เราปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเป็นหลักเท่านั้น และยึดมั่นในกติกาสากล โดยขอย้ำว่า ฝ่ายไทยไม่ได้รุกรานใคร แต่เรามีสิทธิชอบธรรมในการปกป้องประชาชนและผืนแผ่นดินของเรา.-313.-สำนักข่าวไทย

เปิดภาพโรงพยาบาลไทยเสียหายหนัก หลังถูกกัมพูชาโจมตีด้วยอาวุธหนัก

ทำเนียบ 30 ก.ค.-โฆษกรัฐบาล เปิดภาพโรงพยาบาลไทยเสียหายหนัก หลังถูกกัมพูชาโจมตีด้วยอาวุธหนัก พร้อมประณามกัมพูชาละเมิดมนุษยธรรมร้ายแรง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ประณามการกระทำของรัฐบาลและกองทัพกัมพูชาอย่างรุนแรง กรณีการใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายที่เป็นสถานพยาบาลของไทยในหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักมนุษยธรรมขั้นพื้นฐานและเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน พร้อมกันนี้นายจิรายุ ยังเปิดภาพโรงพยาบาลบางส่วนที่ได้รับความเสียหาย ได้แก่ โรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) คำโปรย, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) โคก, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ซำเม็ง “ประเทศไทยขอเรียกร้องให้ประชาคมโลกจับตามองและประณามการกระทำดังกล่าว ซึ่งต่างจากประเทศไทยที่ยึดมั่นในหลักมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด โดยปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียแก่พลเรือ” โฆษกรัฐบาล ระบุ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า ข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงสาธารณสุข ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00 น. พบว่า จากการโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมายของกัมพูชา ได้ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิตแล้ว 15 ราย ในพื้นที่จ.อุบลราชธานี และศรีสะเกษ บาดเจ็บสาหัส 12 […]

เหตุพลุระเบิด เสียชีวิตเพิ่มเป็น 10 คน

สุพรรณบุรี 30 ก.ค. – เหตุพลุระเบิด จ.สุพรรณบุรี พบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย ที่โรงพยาบาล รวมเสียชีวิต 10 ราย บาดเจ็บ 1 ราย สั่งการตั้งศูนย์ ศปก. ที่วัดโพธิ์ท่าทราย ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย คืบหน้าเหตุพลุระเบิดที่จังหวัดสุพรรณบุรี ล่าสุด พล.ต.ต.วัชรินทร์ ประสพดี ผู้บังคับการภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้มียอดผู้เสียชีวิต จำนวน 10 ราย เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 9 ราย และเสียชีวิตที่โรงพยาบาล 1 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 1 ราย ขณะนี้ได้สั่งการตั้งศูนย์ ศปก. ที่วัดโพธิ์ท่าทราย ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมถึงประสานชุด EOD เข้าเก็บกู้ดินปืน เนื่องจากตรวจสอบพบหลุมขนาดใหญ่สีดำจำนวน 2 หลุม และดินปืนจำนวนหนึ่ง อีกทั้งยังพบร่างผู้เสียชีวิต ชิ้นส่วนจำนวนหนึ่งบริเวณที่เกิดเหตุ ส่วนข้อมูลการตรวจสอบ พบว่าบ้านหลังนี้มีการลักลอบผลิตพลุไล่นก.-สำนักข่าวไทย