รัฐสภา 2 ม.ค.-“วันนอร์” มั่นใจถกงบ 67 เรียบร้อย ไม่กังวลฝ่ายค้านใช้เป็นเวทีซักฟอกรัฐบาล เชื่อสภาฯ ยุคพัฒนา อภิปรายในกรอบ ถ้าจะโยง “ทักษิณ” ต้องเกี่ยวกับงบเท่านั้น มั่นใจหมดยุคตบทรัพย์แลกให้ผ่านงบ
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ที่จะเริ่มในวันพรุ่งนี้ (3 ม.ค.67) ว่า ได้แบ่งเวลากันลงตัวแล้ว โดยนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ได้เชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาหารือ และจะเริ่มประชุมในวันพรุ่งนี้ ตั้งแต่เวลา 09.30 น. เป็นต้นไป ไม่รู้สึกกังวลว่าจะใช้เวทีนี้เป็นเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจย่อย ๆ เนื่องจากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป สมาชิกทุกคนพัฒนาแล้ว เชื่อมั่นว่าจะอภิปรายงบประมาณตามสาระสำคัญ และเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน
“การอภิปรายในสภาฯ พัฒนาไปมาก อยากให้ประชาชนได้ฟังการชี้แจงการใช้จ่ายงบประมาณจากรัฐบาล ว่าจะใช้งบประมาณอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ขณะที่ฝ่ายค้านมีอะไรที่ตำหนิจริง ๆ เพื่อให้รัฐบาลแก้ไข เป็นเรื่องธรรมดาของสภาฯ โดยจะใช้เวลา 3 วันที่กำหนดไว้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด จะได้เห็นการพัฒนาในรูปแบบใหม่ที่ฝ่ายค้านและรัฐบาลตั้งใจจะทำให้เกิดประโยชน์ และในส่วนของสภาฯ จะเปิดโอกาสให้อภิปรายอย่างเต็มที่ตามข้อบังคับการประชุมเรื่องงบประมาณ” ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าว
ส่วนกรณีที่หากสมาชิกอภิปรายงบประมาณของกรมราชทัณฑ์ และพาดพิงถึงนายทักษิณ ชินวัตร จะเปิดโอกาสให้พูดหรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นการอภิปรายเรื่องของงบประมาณ หากเป็นเรื่องที่เกี่ยวโยงกับงบประมาณอภิปรายได้ แต่หากไม่เกี่ยวกับงบประมาณต้องไว้ไปอภิปรายตอนเสนอญัตติ กระทู้ หรืออภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะในช่วง 3 วันนี้เป็นเรื่องของงบประมาณ 2567 จึงเชื่อว่าทุกคนคงทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่
“เชื่อว่าน่าจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ผมไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ เพราะสภาฯ ยุคนี้พัฒนาไปเยอะ คงไม่จำเป็นที่ต้องมีองครักษ์พิทักษ์รัฐบาล คอยประท้วงเรื่องโน้นเรื่องนี้เหมือนสมัยก่อน ตอนนี้ไม่ค่อยประท้วงอะไรกันมากมาย ทุกอย่างเป็นไปตามข้อบังคับ ซึ่งผมคิดว่าเข้ายุคของการปฏิรูปสภาฯ แล้ว เราต้องทำให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ให้ประชาชนผิดหวัง” ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าว
นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า กรอบเวลาการอภิปรายงบฯ 67 แบ่งค่อนข้างชัดเจน ประธานไม่ต้องคอยดูว่าแต่ละคนใช้เวลาเท่าไหร่ เพราะจะควบคุมกันเอง โดยรัฐบาล สส. และคณะรัฐมนตรี จะใช้เวลา 20 ชั่วโมง ขณะที่ฝ่ายค้าน ตั้งแต่ผู้นำฝ่ายค้านฯ หัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน และสมาชิก ได้เวลา 20 ชั่วโมง ส่วนการอำนวยการประชุมของประธานสภาฯ และรองประธานฯ ไม่น่าจะเกิน 3 ชั่วโมง คาดว่าในวันสุดท้าย คือ วันที่ 5 ม.ค. น่าจะลงมติรับหลักการได้ในเวลา 22.00 น. เพราะจะต้องตั้งคณะกรรมาธิการฯ เพื่อนัดหมายการทำงานกันต่อไป จะได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณฯ เสร็จภายในกรอบเวลา 105 วัน เพราะขณะนี้ถือว่าช้าพอสมควรแล้ว คิดว่าน่าจะเสร็จก่อน 105 วัน
ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านท้วงติงว่า รัฐบาลรวบรัดเวลาในการพิจารณา ทำให้มีเวลาศึกษารายละเอียดร่าง พ.ร.บ.งบฯ น้อย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ตนเข้าใจ แต่เรื่องของเวลาเป็นเรื่องที่ตกลงกันเองของสมาชิก ซึ่งสภาฯ พร้อมจะกำหนดเวลา เพราะสภาฯ เป็นของสมาชิกทุกคน ไม่ใช่ของรัฐบาลและฝ่ายค้าน ดังนั้น ต้องตกลงกัน โดยเมื่อรัฐบาลส่งร่างพระราชบัญญัติงบประมาณฯ มาแล้วก็ปรึกษาหารือกัน และตกลงว่าจะประชุมพิจารณาในวันที่ 3-5 มกราคมนี้ ก็ปฏิบัติตามนี้ได้ เพราะสัปดาห์ถัดไปสมาชิกมีภาระเรื่องงานวันเด็ก
“สส.ไม่อยากประชุมใกล้วันเด็ก เนื่องจากต้องเตรียมไปร่วมงาน และทุกอย่างก็เป็นไปตามกรอบเวลา เพราะช่วง 3 วันที่มีอยู่ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะอภิปรายพร้อมกัน แต่คนที่อภิปรายวันแรกอาจจะมีเวลากระชั้นหน่อย ส่วนคนที่อภิปรายวันถัดไป ก็มีเวลาในการศึกษาร่างฯ แต่ละคนไม่ได้อภิปรายงบประมาณทั้งหมด แต่ละคนก็แบ่งกัน จึงเชื่อว่าทั้งหมดน่าจะเป็นไปด้วยดี” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว
เมื่อถามว่า จะกำชับ สส.อย่างไร เพื่อป้องกันข้อครหาการเรียกรับเงินในการพิจารณางบประมาณ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ยุคนี้ไม่มีแล้ว เพราะเป็นยุคของคนรุ่นใหม่ และประชาชนก็ตรวจสอบอยู่ เห็นได้จากใครที่ทำอะไรไม่ดี ไม่ว่าจะเรียกทรัพย์ ตบทรัพย์ จะไม่ได้รับเลือกเข้ามาเป็น สส.อีกในรอบต่อไป ดังนั้น ทุกคนต้องระมัดระวัง ตอนนี้ประชาชนสามารถตรวจสอบ สส.จากสื่อได้ จึงเชื่อว่าคงไม่มีแล้ว เพราะบทเรียนในอดีตจะไม่ทำซ้ำในปัจจุบัน.-312.-สำนักข่าวไทย