ยอมรับแก้ปัญหาฝุ่นให้หมด ทำยาก ชี้ ปชช. ควรมีอากาศบริสุทธิ์

เชียงใหม่ 29 พ.ย. – นายกฯ ยอมรับแก้ปัญหาฝุ่นให้หมด ทำยาก แต่ยืนยัน รัฐบาลให้ความสำคัญ ระบุอากาศบริสุทธิ์เป็นสิทธิพื้นฐานที่ประชาชนควรได้ หมายหัวเอกชนลงทุนประเทศเพื่อนบ้าน แล้วเป็นต้นตอปัญหา อาจถูกมาตรการทางภาษี


นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้ว่าราชการจังหวัดภาคเหนือตอนบน ซึ่งเป็นคณะทำงานชุดใหญ่ โดยมีภาคเอกชน ภาคประชาชน ภาควิชาการ สภาลมหายใจเชียงใหม่ และกองทุน we love chiangmai ประชุมหารือประเด็นแนวทางการป้องกัน และแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5

โดยมีการรายงานสถานการณ์ปัจจุบัน ปัญหาฝุ่นควันมีปัจจัยสำคัญที่เกิดจากปัญหาการจราจรและการเผาในพื้นที่โล่งอันเกี่ยวเนื่องกับเกษตร รวมถึงฝุ่นควันจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีการวิเคราะห์สถานการณ์ พบว่า ช่วงธันวาคม ถึงมีนาคมอากาศเริ่มปิดและเริ่มมีการเผาในพื้นที่โล่ง โดยเฉพาะการเผาวัสดุการเกษตรทำให้ค่าฝุ่น PM 2.5 เริ่มส่งผลกระทบต่อประชาชนขณะช่วงมีนาคมถึงเมษายน มีการเผา ในป่าอนุรักษ์และป่าสงวนปริมาณมาก ทำให้ฝุ่น PM 2.5 บางครั้งขึ้นไปถึง 200 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงดังกล่าวมีปัญหาหมอกควันข้ามแดนเข้ามาจากทั้งประเทศลาวและเมียนมา ทำให้ค่าฝุ่นในกลางวันขึ้นไปถึง 500 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร


ทั้งนี้ ที่ผ่านมา มีการกำหนดมาตรการเร่งด่วน 6 มาตรการ อาทิ ระบบการบริหารการเผา ,การสร้างมาตรฐานการทำการเกษตรแบบไม่เผา , มาตรการไม่รับอ้อยไฟไหม้เข้าหีบ ,การพิจารณาสิทธิประโยชน์และแรงจูงใจในการแก้ไขเพื่อให้ใช้เอกชนร่วมแก้ไขปัญหา เป็นต้น รวมไปถึงการผลิตและจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงมาตราฐาน ยูโรไฟว์ เป็นต้น

โดยหลังจากที่นายเศรษฐา ได้รับฟังรายงานเสร็จสิ้น ได้กล่าวขอบคุณทุกคนที่มาประชุมวันนี้ ถือเป็นสัญญาณที่ดี ดูได้จากแววตาคนที่มานำเสนอวันนี้ เป็นคนที่มีความจริงใจรับทราบถึงปัญหาอย่างถ่องแท้ และอยากให้ปัญหาลดน้อยลงไป ตนใช้คำพูดอย่างระมัดระวังว่า “น้อยลงไป” เพราะหากพูดว่า “หมดไป” คงลำบาก เราอยู่กับความเป็นจริงดีกว่า จากที่ฟังการรายงานมาทั้งหมด ขอแบ่งเป็น 3 ส่วน โดยส่วนแรก เริ่มจากปัญหารถยนต์ที่มีปัญหาท่อไอเสีย ที่เป็นองค์ประกอบอันหนึ่งแต่ไม่ได้ใหญ่มากและเชื่อว่าโลกเปลี่ยนไปเยอะการใช้รถยนต์ที่มีสันดาปหรือ ฝุ่นควันก็ลดน้อยลงไปแล้ว และมีการใช้รถอีวีมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันก็มีตัวเลขที่สูงขึ้น มากกว่า 5% ขึ้นไป

“เมื่อคืนมาถึงเชียงใหม่มาร่วมงานลอยกระทง ก็ได้เชิญผู้บริหารของบริษัทเทสล่า ซึ่งผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลกให้มาที่นี่ เพื่อผลิตและส่งออกตรงนี้ก็ถือว่าเป็นนิมิตหมายอันดีว่าประเทศเราให้ความสนใจกับเรื่องนี้ ในอนาคตไม่แน่ใจจะใกล้หรือไกลขนาดไหน แต่คิดว่าไม่เกิน 10 ปี การใช้รถอีวีก็จะสามารถทำให้ PM 2.5 ที่เกิดจากรถยนต์ลดน้อยลงไปอย่างมีนัยยะ” นายเศรษฐา กล่าว


นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ประเด็นที่สองค่อนข้างที่จะใกล้ชิดก็คือเรื่องการเผาป่ากับเรื่องการเผาซากผลิตภัณฑ์เกษตร ซึ่งเราให้ความสำคัญมาก แต่ต้องกลับไปพูดถึงบ่อเกิดก่อนว่าเกิดจากอะไร  ถ้าเกิดว่าซากข้าวโพดหรือซังข้าวโพดทั้งหลายมีคนมารับซื้อออกไป ชาวบ้านก็ไม่ต้องใช้ไม้ขีดก้านเดียวแล้วเผา

“ตนเชื่อว่าไม่มีใครอยากทำ ทุกคนตระหนักดีถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้น แต่เพราะค่าใช้จ่ายที่สูงในการที่จะบริหารจัดการซากพืชผล เป็นอะไรที่เป็นปัญหาใหญ่ และปัญหาใหญ่ก็คือเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องปากท้อง เรื่องงบประมาณ เรื่องค่าใช้จ่ายที่จะต้องมีเกิดขึ้นมาในอนาคต”นายเศรษฐา กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลายคนที่ได้นำเสนอมาก็มีหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของซอฟต์โลน รวมถึงข้อเสนอในหลายๆ โครงการก็ต้องรับไปแก้ปัญหา แต่การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนที่สุดแล้ว ตนก็พูดกลับไปกลับมา คือเรื่องเศรษฐกิจที่เป็นปัญหาใหญ่

“ถ้าเขามีรายได้ที่ดี ราคาพืชผลราคาแพง มีตลาดส่งออกทำให้มีรายได้ที่สูงขึ้น แม้ต้นทุนในการที่จะบริหารจัดการต้องเพิ่มขึ้น เชื่อว่าเขาก็ยินดี แต่ตราบใดที่ตลาดปิด ราคาพืชผลไม่ดีขึ้น ถ้าต้องเพิ่มงบประมาณในการจัดการต่อข้าว ซังข้าวโพด ก็เป็นภาระอันใหญ่หลวง ซึ่งเขาก็ไม่อยากทำ ดังนั้นเราคงต้องทำงานร่วมกันระหว่างภาคประชาชน ฝ่ายความมั่นคง พร้อมขอขอบคุณแม่ทัพภาคที่ 3 ที่ได้มีการเสนอหลายมาตรการ เพราะปัจจุบันนี้เรื่องของความมั่นคงก็ยังมีความสำคัญอยู่ แต่เรามีกำลังพลเหลือ เรามียุทโธปกรณ์เหลือ ของเหล่านี้ก็มาช่วยในแง่ของที่ลดปัญหาเรื่องไฟป่ามาทำงานร่วมกับภาคประชาชน ดูแลทุกข์สุขของเขาให้ดีขึ้น” นายเศรษฐา กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนกรณี NGO เสนอเรื่องการใช้งบประมาณทำงาน ยืนยันว่ารัฐบาลอยากทำงานใกล้ชิดกับภาคประชาชนอยู่แล้ว เป็นนโยบายใหญ่ของรัฐบาลนี้ แต่อยากให้ภาคเอกชนทำงานกับราชการ ฝ่ายความมั่นคงดูก่อนว่า มียุทโธปกรณ์เพียงพอที่จะสามารถช่วยเหลือได้หรือไม่

“ปัจจุบันเรามีมือถือทุกคน เวลาเดินทางไปไหนก็เช็คสภาพอากาศ ผมจำได้ว่าเดือนมีนาคมปีที่แล้ว ผมเช็กค่าฝุ่น Top 10 ของโลก พบว่า 5 ที่อยู่ที่ภาคเหนือของไทย ตรงนี้ท่านไม่ต้องมาบอกหรอกว่า ทำไมถึงการท่องเที่ยวไม่ดีอย่างที่ควร ผมคิดว่าในที่นี้ตระหนักดีอยู่แล้ว รัฐบาลก็หนักดีอยู่แล้ว เราใช้นโยบายเป็นตัวกระตุ้นในการท่องเที่ยว ผู้ว่าฯเองก็ได้ช่วยเหลือ ให้สนามบินเปิดได้ 24 ชั่วโมง รัฐบาลก็ออกวีซ่าฟรีให้กับคนจีน อินเดีย ไต้หวัน คาซัคสถาน ซึ่งถือเป็นเป้าหมายหลักในการที่จะกระตุ้นการท่องเที่ยว แต่ถ้าเขาไปกรุงเทพฯ ภูเก็ต อากาศก็ดีกว่าเชียงใหม่ เราอยากให้มาเชียงใหม่ด้วย อยากให้มาเมืองรอง เมืองที่มีวัฒนธรรมหลากหลายมาใช้เวลาที่ยาวกว่าอยู่ในประเทศไทย การที่ไม่ได้มาเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมเพราะอากาศไม่สะอาด” นายเศรษฐา กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า การประชุมเช่นนี้ในปีก่อนๆ ไม่เคยมารวมตัวกันมากถึงขนาดนี้ มีทั้งทาง NGO มีภาพเอกชน กอ.รมน. มีรัฐบาล ตัวแทนประชาชนและสส. รวมถึงหลายภาคส่วน ซึ่งทุกคนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากถึงขนาดนี้ ตนจึงมั่นใจว่าเรื่องเหล่านี้ต้องดีขึ้น มีการพูดคุยอย่างชัดเจน ส่วนที่มีการเสนอให้มี 11 ป่าอนุรักษ์ เราก็ทำให้ทันที รองนายกรัฐมนตรีและปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ จริงๆ มีข้อมูลที่เป็นเรื่องดีๆ เยอะมาก  เราเองก็อยากนำข้อมูลไปพูดคุยและหาทางออกที่ดี

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า นอกจากการบริหารจัดการภายในแล้วยังมีปัญหาเรื่องของประเทศเพื่อนบ้านก็เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเราบริหารจัดการเองได้ แต่เรื่องทิศทางลมจากเพื่อนบ้าน 2 ประเทศ ทั้งลาวและเมียนมา ก็เป็นเรื่องที่ต้องเจรจาและพัฒนาไปด้วยกัน ซึ่งในส่วนของลาวเป็นการพูดคุยเจรจาทวิภาคี โดยปัญหาอากาศเป็นเรื่องที่ให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ แต่ก็ต้องเห็นใจเหมือนกัน เพราะเศรษฐกิจไม่ดีเท่าเรา ปัญหาด้านเกษตรเรื่องการจัดเก็บ การทำลายซากพืชผลก็ไม่ดีเท่าเรา

“อีกส่วนที่สำคัญคือภาคเอกชน หรือคนที่ไปรับซื้อจากประเทศเพื่อนบ้านมา จะสนใจแต่ราคาแค่อย่างเดียวก็ไม่ได้ ต้องดูด้วยว่าพืชผลที่รับซื้อมาถูกจัดการไปถูกต้องตามหลักที่พูดคุยกันได้หรือไม่ ถ้าหากพูดจากันแล้วไม่ทำตาม มาตรการภาษีก็ต้องมีใหม่ ถ้าไปซื้อของจากประเทศที่ไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องอากาศบริสุทธิ์ เรามี พ.ร.บ.อากาศสะอาด แล้วเพื่อนบ้านเราไม่ทำให้ หรือนายทุนจากบ้านเรา ไปทำมาหากินในประเทศเขาและไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ รัฐบาลนี้ก็ยอมรับไม่ได้ ยืนยันว่า รัฐบาลนี้จะให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องกับเรื่องอากาศสะอาด และการแก้ปัญหาฝุ่นควัน จริงๆแล้วสิทธิพื้นฐานของมนุษยชนเราเรียกร้องกันหลายเรื่อง แต่เรื่องพื้นฐานที่สุดและควรที่ประชาชนจะได้ คืออากาศสะอาด ซึ่งเป็นของฟรี ถ้าเกิดรัฐบาลไม่ให้ความสนใจ ไม่สามารถทำให้ดีขึ้นได้ ผมว่าเรามีปัญหา เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ขอให้ทุกท่านตระหนักดีและเข้าใจ ว่ารัฐบาลนี้จะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกๆ” นายเศรษฐา กล่าว.-313.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก