นายกฯ ถกแก้ส่วยทางหลวง-หมูเถื่อน ก่อนบินประชุมเอเปค

สุวรรณภูมิ 12 พ.ย. – นายกรัฐมนตรี ฟิต นั่งหัวโต๊ะถกปัญหาส่วยทางหลวง หมูเถื่อน ความปลอดภัยนักท่องเที่ยว ฉุนสั่งการเรื่องหมูเถื่อนแล้วไม่ทำ ก่อนบินร่วมประชุมเอเปค ครั้งที่ 30


นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะ เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรรณภูมิแล้ว เพื่อเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 30 (2023 APEC Economic Leaders’ Meeting) และกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 12 – 19 พฤศจิกายน 2566 ณ นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา โดยจะเดินทางถึงนครซานฟรานซิสโกในวันเดียวกัน เวลาประมาณ 14.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐ ช้ากว่าเวลาที่กรุงเทพฯ 15 ชั่วโมง)

ก่อนเดินทาง นายเศรษฐา ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องส่วยทางหลวง การแก้ปัญหาการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนและมาตรการรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยว หารือ โดยเรื่องส่วยทางหลวง ได้หารือกับ พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล อธิบดีกรมทางหลวง อธิบดีกรมการขนส่งทางบก สมาพันธ์และสมาคมรถบรรทุก ในเรื่องการตรวจสอบน้ำหนักรถบรรทุกบนโครงข่ายทางหลวงหลัก เช่น ถนนพหลโยธินถนนเพชรเกษม ถนนสุขุมวิท ถนนพระราม 2 ถนนสายเอเชีย รวมถึงเรื่องการตรวจสอบสภาพรถ


นอกจากนี้ นายกฯ ยังเรียกประชุมเรื่องหมูเถื่อน โดยมีผู้บัญชาการสอบสวนกลาง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่วมหารือด้วย ซึ่งในวงหารือนี้นายกรัฐมนตรีได้สอบถามความคืบหน้า การแก้ปัญหาด้วยสีหน้าดุดัน โดยระบุว่าได้สั่งการไปแล้วไม่ทำ

ทั้งนี้ ยังมีการเรียกประชุม เรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยว ร่วมกับผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ร่วมด้วย

ทั้งนี้ หลังการประชุม นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดการประชุม เนื่องจากนายกฯ ได้เดินทางไปสหรัฐ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการประชุมโดยยื่นแถลงร่วมกันดังนี้


น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้สัมภาษณ์ว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง ได้ติดตามเรื่องความปลอดภัย คุณภาพสินค้า และการบริหาร ท่ีจะให้กับนักท่องเที่ยว รวมถึงการสร้างประสบการณ์ให้กับนักท่องเที่ยวในการอยู่ที่ประเทศไทย สำหรับเรื่องความปลอดภัย ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวจะทำงานร่วมกับ กับ ททท. และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในส่วนของนักท่องเที่ยวจีนได้พูดคุยกับสถานทูตจีน วันที่ 15 พ.ย. เกี่ยวกับโครงการลาดตระเวร ที่จะเอาตำรวจจากประเทศจีนมาลาดตระเวนในประเทศไทยตามเมืองท่องเที่ยว ทั้งเมืองหลักและเมืองรอง เหมือนกับที่เคยประสบความสำเร็จที่ประเทศอิตาลี แต่ยังไม่ลงรายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนและเมือง เมื่อโครงการนี้ออกมาจะทำให้เห็นความพร้อมในการยกระดับรับนักท่องเที่ยวในเรื่องความปลอดภัย และมั่นใจว่าโครงการนี้จะช่วยทำให้ตัวเลขการท่องเที่ยวจีนช่วง 2 เดือนสุดท้าย เป็นไปตามเป้าเดิม ที่กำหนดไว้ที่ 4-4.4 ล้านคน เมื่อถามว่ามีเหตุผลความจำเป็นอะไรที่ต้องให้ตำรวจจีนเข้ามาประเทศไทย น.ส.ฐาปนีย์ ตอบว่า เราต้องการให้ตำรวจจีนเห็นการทำงานของประเทศไทยว่าเรายกระดับเรื่องความปลอดภัยอย่างไรบ้าง ให้เขาเป็นกระบอกเสียงส่งต่อให้กับนักท่องเที่ยวจีน เพราะคนจีนกลัวตำรวจมาก ถ้าตำรวจของเขามาแสดงความมั่นใจในเมืองไทย ก็จะช่วยยกระดับความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวจีนอีกขั้นหนึ่ง

ขณะที่ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง ได้สั่งการแนวทางแก้ปัญหารถบันทุกน้ำหนักเกิน โดยนายกฯมีนโยบายอย่างจริงจังในการปราบเรื่องนี้ให้หมดไป โดยการหารือวันนี้มีการหารือร่วมกับระหว่าง ตำรวจสอบสวนกลาง ตำรวจทางหลวง ตำรวจนครบาล และกรมทางกลวง กระทรวงคมนาคม รวมถึงปลัดกระทรวงคมนาคม โดยผลการหารือทุกภาคส่วนจะดำเนินการตรวจจับอย่างจริงจัง ขณะนี้กรมทางหลวงมีด่านช่างน้ำหนัก 100 กว่าจุดทั่วประเทศ แต่มีปัญหาคือมีการหนีไม่ยอมเข้าด่าน เราจึงพูดคุยกันว่ากรมทางหลวงจะเติมเต็ม หากพบรถบันทุกไม่เข้าด่านก็จะแจ้งตำรวจทองหลวงเพื่อให้สกัดจับ และหากประชาชนท่านใดเห็นรถน้ำหนักเกินให้แจ้งเบาะแสมาที่กรมทางหลวง หรือตำรวจทางหลวง เพื่อจะได้ดำเนินการจับกุม ขณะนี้ตนคิดว่ารถบันทุกน้ำหนักเกินลดลงไปแล้ว 80% เหลือ 20% ที่ต้องมาไล่จับกัน และเรายังหารือเรื่องการแก้กฎหมายให้หนักขึ้นให้เกรงกลัวการกระทำความผิด ซึ่งเป็นแนวทางที่นายกฯได้สั่งการ ส่วนตัวเชื่อว่าจะได้ผลดีขึ้นเรื่อยๆ อาจไม่ 100% วันนี้เหมือนแมวไล่จับหนู แต่ยืนยันอธิบดีกรมทางหลวง และตำรวจทางหลวงดำเนินการกันอย่างเต็มที่ ขณะที่ในส่วนของตำรวจนครบาล ได้กำชับตำรวจจราจรให้ตรวจตรารถในกรุงเทพฯ ร่วมกับ กทม. ยืนยันเรื่องนี้จะดำเนินการต่อเนื่องไม่ใช่เรื่องเงียบแล้วหยุด แต่จะทำตลอดไปให้จบที่รุ่นเรา

เมื่อถามว่า 20% ที่ยังติดปัญหา ติดที่ผู้มีอิทธิพลหรือไม่ พล.ต.ท.จิรภพ ตอบว่า พวกนี้เขาแอบทำกัน เมื่อก่อนถ้าไม่ได้กำชับกวดขันก็ทำกันทั่วไปหมด แต่พอกวดขันก็เหลือแต่พวกแอบทำในบางพื้นที่บ้างที่เราเผลอ จากนี้อาจใช้แหล่งข่าวจากสมาคมรถบันทุก หรือประชาชนให้แจ้งเบาะแสเข้ามา ให้เป็นปูเห็นตา พอเห็นปุ๊บเราจะได้จับให้หมด ยืนยันเราจะทำตามกฎหมายที่มี เมื่อถามว่า เส้นทางหลักบางพื้นที่ตรวจสอบยาก ทำให้เรื่องส่วยสติกเกอร์โผล่เข้ามาตำรวจสอบสวนกลางจะแก้ปัญหาอย่างไร พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า ในพื้นที่กทม.เป็นเรื่องของตำรวจนครบาล ซึ่งก็ได้รับปากว่าจะลงไปกวดขัน และช่วงนี้ก็ไม่ค่อยมีเพราะเรื่องมันดังอยู่ เมื่อถามว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีรายชื่อเข้าของรถบันทุกไว้ทั้งหมดหรือไม่ พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า จากนี้จะมีการพัฒนาระบบเทคโนโลยีมาช่วย จากที่มีการติดตามจีพีเอสอยู่แล้วจะใช้ระบบเอไอมาช่วยตรวจสอบภาพถ่ายว่ารถคันไหนน้ำหนักเกินหรือไม่

ด้าน พันตำรวจตรีสุริยา สิงกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ แถลงผลการหารือกับนายกรัฐมนตรีว่า ได้รายงานความคืบ การดำเนินคดีที่กรมศุลกากรได้ส่งของกลาง 161 ตู้ คอนเทนเนอร์ คือแบบผู้กระทำผิดออกเป็น 3 กลุ่มแรกเป็นบริษัทนำเข้า ซึ่งเป็นบริษัทชิปปิ้งที่ได้แจ้งดำเนินคดี และจับกลุ่มแล้ว 6 คน

ส่วนกลุ่มที่ 2 ก็เป็นกลุ่มนายทุน ที่สั่งให้กลุ่มแรกนำหมูเถื่อนเข้ามา เพิ่งได้มีการออกหมายจับไปแล้ว 2 บริษัท 2 รายและหลบหนีไปต่างประเทศ และประสานเข้ามอบตัวในวันพุธนี้

ส่วนกลุ่มที่ 3 เป็นห้องเย็นที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ โดยมีการนำหมูเถื่อนไปจำหน่ายและแช่ไว้ในห้องเย็น ซึ่งนายกเล็กกำชับและสั่งการอย่างเด็ดขาด และต้องทำงานอย่างครอบคลุมแบบบูรณาการ ซึ่งเบื้องต้นกรมสอบสวนคดีพิเศษรับข้อสั่งการและจะปฏิบัติการณ์อย่างต่อเนื่อง ขณะนี้มีรายงานว่ามีหมูเถื่อนซุกซ่อนอยู่ตามห้องเย็นต่างๆ กรมสอบสวนคดีพิเศษก็ได้มีการประสานตำรวจ ภูธรแต่ละจังหวัดรวมถึงกรมปศุสัตว์ กรมศุลกากรก่อนฝ่ายความมั่นคงฝ่ายปกครอง ในการตรวจค้นปูพรหมในแต่ละจุด นอกเหนือจากที่เป็นคดีพิเศษ

อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษระบุว่าส่วนของกลางที่รับมา ตั้งแต่ปี 2563 ถึง 2566 มีการลักลอบ ซากสัตว์หลายชนิด 2,835 ตู้ โดยมีการสอบสวนย้อนหลัง เพราะว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง ซึ่งจะต้องทำเป็นคดีพิเศษ ยืนยันกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะดำเนินการให้ถึงที่สุด

ส่วนข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ที่ ไม่พอใจสั่งแล้วไม่ทำนั้นคือเรื่องใดอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษระบุว่า นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ทุกหน่วยบูรณาการดำเนินการให้ถึงที่สุด ไม่มีละเว้น .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้นบ้านสามารถ

ดีเอสไอเข้าค้นบ้าน “สามารถ” คดีฟอกเงินดิไอคอน

ดีเอสไอเข้าค้นบ้าน “สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” คดีฟอกเงินดิไอคอน หลังพบเงิน “บอสดิไอคอน” โอนเข้าบัญชีแม่ของนายสามารถ

หมอบุญ

THG แจงบริษัทไม่เกี่ยวข้องคดีต่างๆ ที่เกิดจาก “หมอบุญ”

THG แจงตลาดหลักทรัพย์ฯ ปัจจุบัน “หมอบุญ” ไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารใน THG คดีฉ้อโกงใดๆ ที่เกิดขึ้น บริษัทไม่เกี่ยวข้อง

คะแนนไม่เป็นทางการ เลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ

ลุ้นผลคะแนนเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช นับเสร็จแล้วบางหน่วย ล่าสุด ณ เวลา 19.40 น. “วาริน ชิณวงศ์” เบอร์ 2 จากทีมนครเข้มแข็ง ชนะคู่แข่งขาดลอยในหลายหน่วย คะแนนทิ้งห่างแชมป์เก่า “กนกพร เดชเดโช” เบอร์ 1 จากพรรค ปชป.

“ทนายสายหยุด” จ่อถอนตัวคดีตั้ม หวั่นติดร่างแห

“ทนายสายหยุด” เตรียมถอนตัวเป็นทนายให้ “ตั้ม” เผยในมือมีแต่พยานเท็จ ปิดบังข้อเท็จจริง เสี่ยงเป็นผู้ร่วมกระทำผิด

ข่าวแนะนำ

วิเคราะห์การเมืองสนามใหญ่ หลังศึกเลือกตั้งนายก อบจ.

วิเคราะห์ผลการเลือกตั้งนายก อบจ. 4 สนามใหญ่ โดยเฉพาะอุดรธานี ที่สะท้อนถึงความนิยมในตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

“บิ๊กเต่า” ลั่นเตรียมมอบกุญแจมือเป็นของขวัญปีใหม่ให้คนดัง ส่งนอนห้องขัง

“บิ๊กเต่า” ลั่นเตรียมมอบ “กุญแจมือ” เป็นของขวัญปีใหม่ให้อินฟลูฯ นักร้อง คนดัง ส่งนอนห้องขังวีไอพี เผยปม “ฟิล์ม รัฐภูมิ” คาดมีความชัดเจนภายในสัปดาห์นี้

หมอบุญ

THG แจงบริษัทไม่เกี่ยวข้องคดีต่างๆ ที่เกิดจาก “หมอบุญ”

THG แจงตลาดหลักทรัพย์ฯ ปัจจุบัน “หมอบุญ” ไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารใน THG คดีฉ้อโกงใดๆ ที่เกิดขึ้น บริษัทไม่เกี่ยวข้อง