นายกฯ ถกแก้ส่วยทางหลวง-หมูเถื่อน ก่อนบินประชุมเอเปค

สุวรรณภูมิ 12 พ.ย. – นายกรัฐมนตรี ฟิต นั่งหัวโต๊ะถกปัญหาส่วยทางหลวง หมูเถื่อน ความปลอดภัยนักท่องเที่ยว ฉุนสั่งการเรื่องหมูเถื่อนแล้วไม่ทำ ก่อนบินร่วมประชุมเอเปค ครั้งที่ 30


นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะ เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรรณภูมิแล้ว เพื่อเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 30 (2023 APEC Economic Leaders’ Meeting) และกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 12 – 19 พฤศจิกายน 2566 ณ นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา โดยจะเดินทางถึงนครซานฟรานซิสโกในวันเดียวกัน เวลาประมาณ 14.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐ ช้ากว่าเวลาที่กรุงเทพฯ 15 ชั่วโมง)

ก่อนเดินทาง นายเศรษฐา ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องส่วยทางหลวง การแก้ปัญหาการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนและมาตรการรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยว หารือ โดยเรื่องส่วยทางหลวง ได้หารือกับ พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล อธิบดีกรมทางหลวง อธิบดีกรมการขนส่งทางบก สมาพันธ์และสมาคมรถบรรทุก ในเรื่องการตรวจสอบน้ำหนักรถบรรทุกบนโครงข่ายทางหลวงหลัก เช่น ถนนพหลโยธินถนนเพชรเกษม ถนนสุขุมวิท ถนนพระราม 2 ถนนสายเอเชีย รวมถึงเรื่องการตรวจสอบสภาพรถ


นอกจากนี้ นายกฯ ยังเรียกประชุมเรื่องหมูเถื่อน โดยมีผู้บัญชาการสอบสวนกลาง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่วมหารือด้วย ซึ่งในวงหารือนี้นายกรัฐมนตรีได้สอบถามความคืบหน้า การแก้ปัญหาด้วยสีหน้าดุดัน โดยระบุว่าได้สั่งการไปแล้วไม่ทำ

ทั้งนี้ ยังมีการเรียกประชุม เรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยว ร่วมกับผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ร่วมด้วย

ทั้งนี้ หลังการประชุม นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดการประชุม เนื่องจากนายกฯ ได้เดินทางไปสหรัฐ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการประชุมโดยยื่นแถลงร่วมกันดังนี้


น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้สัมภาษณ์ว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง ได้ติดตามเรื่องความปลอดภัย คุณภาพสินค้า และการบริหาร ท่ีจะให้กับนักท่องเที่ยว รวมถึงการสร้างประสบการณ์ให้กับนักท่องเที่ยวในการอยู่ที่ประเทศไทย สำหรับเรื่องความปลอดภัย ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวจะทำงานร่วมกับ กับ ททท. และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในส่วนของนักท่องเที่ยวจีนได้พูดคุยกับสถานทูตจีน วันที่ 15 พ.ย. เกี่ยวกับโครงการลาดตระเวร ที่จะเอาตำรวจจากประเทศจีนมาลาดตระเวนในประเทศไทยตามเมืองท่องเที่ยว ทั้งเมืองหลักและเมืองรอง เหมือนกับที่เคยประสบความสำเร็จที่ประเทศอิตาลี แต่ยังไม่ลงรายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนและเมือง เมื่อโครงการนี้ออกมาจะทำให้เห็นความพร้อมในการยกระดับรับนักท่องเที่ยวในเรื่องความปลอดภัย และมั่นใจว่าโครงการนี้จะช่วยทำให้ตัวเลขการท่องเที่ยวจีนช่วง 2 เดือนสุดท้าย เป็นไปตามเป้าเดิม ที่กำหนดไว้ที่ 4-4.4 ล้านคน เมื่อถามว่ามีเหตุผลความจำเป็นอะไรที่ต้องให้ตำรวจจีนเข้ามาประเทศไทย น.ส.ฐาปนีย์ ตอบว่า เราต้องการให้ตำรวจจีนเห็นการทำงานของประเทศไทยว่าเรายกระดับเรื่องความปลอดภัยอย่างไรบ้าง ให้เขาเป็นกระบอกเสียงส่งต่อให้กับนักท่องเที่ยวจีน เพราะคนจีนกลัวตำรวจมาก ถ้าตำรวจของเขามาแสดงความมั่นใจในเมืองไทย ก็จะช่วยยกระดับความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวจีนอีกขั้นหนึ่ง

ขณะที่ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง ได้สั่งการแนวทางแก้ปัญหารถบันทุกน้ำหนักเกิน โดยนายกฯมีนโยบายอย่างจริงจังในการปราบเรื่องนี้ให้หมดไป โดยการหารือวันนี้มีการหารือร่วมกับระหว่าง ตำรวจสอบสวนกลาง ตำรวจทางหลวง ตำรวจนครบาล และกรมทางกลวง กระทรวงคมนาคม รวมถึงปลัดกระทรวงคมนาคม โดยผลการหารือทุกภาคส่วนจะดำเนินการตรวจจับอย่างจริงจัง ขณะนี้กรมทางหลวงมีด่านช่างน้ำหนัก 100 กว่าจุดทั่วประเทศ แต่มีปัญหาคือมีการหนีไม่ยอมเข้าด่าน เราจึงพูดคุยกันว่ากรมทางหลวงจะเติมเต็ม หากพบรถบันทุกไม่เข้าด่านก็จะแจ้งตำรวจทองหลวงเพื่อให้สกัดจับ และหากประชาชนท่านใดเห็นรถน้ำหนักเกินให้แจ้งเบาะแสมาที่กรมทางหลวง หรือตำรวจทางหลวง เพื่อจะได้ดำเนินการจับกุม ขณะนี้ตนคิดว่ารถบันทุกน้ำหนักเกินลดลงไปแล้ว 80% เหลือ 20% ที่ต้องมาไล่จับกัน และเรายังหารือเรื่องการแก้กฎหมายให้หนักขึ้นให้เกรงกลัวการกระทำความผิด ซึ่งเป็นแนวทางที่นายกฯได้สั่งการ ส่วนตัวเชื่อว่าจะได้ผลดีขึ้นเรื่อยๆ อาจไม่ 100% วันนี้เหมือนแมวไล่จับหนู แต่ยืนยันอธิบดีกรมทางหลวง และตำรวจทางหลวงดำเนินการกันอย่างเต็มที่ ขณะที่ในส่วนของตำรวจนครบาล ได้กำชับตำรวจจราจรให้ตรวจตรารถในกรุงเทพฯ ร่วมกับ กทม. ยืนยันเรื่องนี้จะดำเนินการต่อเนื่องไม่ใช่เรื่องเงียบแล้วหยุด แต่จะทำตลอดไปให้จบที่รุ่นเรา

เมื่อถามว่า 20% ที่ยังติดปัญหา ติดที่ผู้มีอิทธิพลหรือไม่ พล.ต.ท.จิรภพ ตอบว่า พวกนี้เขาแอบทำกัน เมื่อก่อนถ้าไม่ได้กำชับกวดขันก็ทำกันทั่วไปหมด แต่พอกวดขันก็เหลือแต่พวกแอบทำในบางพื้นที่บ้างที่เราเผลอ จากนี้อาจใช้แหล่งข่าวจากสมาคมรถบันทุก หรือประชาชนให้แจ้งเบาะแสเข้ามา ให้เป็นปูเห็นตา พอเห็นปุ๊บเราจะได้จับให้หมด ยืนยันเราจะทำตามกฎหมายที่มี เมื่อถามว่า เส้นทางหลักบางพื้นที่ตรวจสอบยาก ทำให้เรื่องส่วยสติกเกอร์โผล่เข้ามาตำรวจสอบสวนกลางจะแก้ปัญหาอย่างไร พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า ในพื้นที่กทม.เป็นเรื่องของตำรวจนครบาล ซึ่งก็ได้รับปากว่าจะลงไปกวดขัน และช่วงนี้ก็ไม่ค่อยมีเพราะเรื่องมันดังอยู่ เมื่อถามว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีรายชื่อเข้าของรถบันทุกไว้ทั้งหมดหรือไม่ พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า จากนี้จะมีการพัฒนาระบบเทคโนโลยีมาช่วย จากที่มีการติดตามจีพีเอสอยู่แล้วจะใช้ระบบเอไอมาช่วยตรวจสอบภาพถ่ายว่ารถคันไหนน้ำหนักเกินหรือไม่

ด้าน พันตำรวจตรีสุริยา สิงกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ แถลงผลการหารือกับนายกรัฐมนตรีว่า ได้รายงานความคืบ การดำเนินคดีที่กรมศุลกากรได้ส่งของกลาง 161 ตู้ คอนเทนเนอร์ คือแบบผู้กระทำผิดออกเป็น 3 กลุ่มแรกเป็นบริษัทนำเข้า ซึ่งเป็นบริษัทชิปปิ้งที่ได้แจ้งดำเนินคดี และจับกลุ่มแล้ว 6 คน

ส่วนกลุ่มที่ 2 ก็เป็นกลุ่มนายทุน ที่สั่งให้กลุ่มแรกนำหมูเถื่อนเข้ามา เพิ่งได้มีการออกหมายจับไปแล้ว 2 บริษัท 2 รายและหลบหนีไปต่างประเทศ และประสานเข้ามอบตัวในวันพุธนี้

ส่วนกลุ่มที่ 3 เป็นห้องเย็นที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ โดยมีการนำหมูเถื่อนไปจำหน่ายและแช่ไว้ในห้องเย็น ซึ่งนายกเล็กกำชับและสั่งการอย่างเด็ดขาด และต้องทำงานอย่างครอบคลุมแบบบูรณาการ ซึ่งเบื้องต้นกรมสอบสวนคดีพิเศษรับข้อสั่งการและจะปฏิบัติการณ์อย่างต่อเนื่อง ขณะนี้มีรายงานว่ามีหมูเถื่อนซุกซ่อนอยู่ตามห้องเย็นต่างๆ กรมสอบสวนคดีพิเศษก็ได้มีการประสานตำรวจ ภูธรแต่ละจังหวัดรวมถึงกรมปศุสัตว์ กรมศุลกากรก่อนฝ่ายความมั่นคงฝ่ายปกครอง ในการตรวจค้นปูพรหมในแต่ละจุด นอกเหนือจากที่เป็นคดีพิเศษ

อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษระบุว่าส่วนของกลางที่รับมา ตั้งแต่ปี 2563 ถึง 2566 มีการลักลอบ ซากสัตว์หลายชนิด 2,835 ตู้ โดยมีการสอบสวนย้อนหลัง เพราะว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง ซึ่งจะต้องทำเป็นคดีพิเศษ ยืนยันกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะดำเนินการให้ถึงที่สุด

ส่วนข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ที่ ไม่พอใจสั่งแล้วไม่ทำนั้นคือเรื่องใดอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษระบุว่า นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ทุกหน่วยบูรณาการดำเนินการให้ถึงที่สุด ไม่มีละเว้น .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

โรงเรียน-โรงพยาบาลในอุบลฯ เปิดวันแรก หลังเหตุปะทะไทย-กัมพูชา

13 ส.ค. – ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ เช้านี้ (13 ส.ค.) ยังปกติ ชาวบ้านติดชายแดนต่างวิตก หวั่นเกิดการปะทะ จึงเก็บสัมภาระเตรียมพร้อมหากต้องอพยพออกจากพื้นที่ ส่วนโรงเรียน-โรงพยาบาล ใน จ.อุบลราชธานี เปิดวันแรก ทำเอาชาวบ้านอยู่ไม่ได้ หลังมีกระแสข่าวว่าจะเกิดการยิงกันบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จนชาวบ้านต้องขนของอพยพออกจากบ้านกลางดึก เพื่อมาตั้งหลักในตัว อ.กันทรลักษ์ แต่หลังจากแน่ใจว่าไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นจึงเดินทางกลับเข้าบ้านเรือน แต่ยังมีบางส่วนที่ยังไม่ไว้วางใจในสถานการณ์ ออกไปพักบ้านญาติพี่น้องต่างอำเภอ สำหรับสถานที่ราชการในตัว อ.กันทรลักษ์ วันนี้ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ ส่วนโรงเรียนบางแห่งประกาศให้เรียนทางออนไลน์แทน เพื่อความปลอดภัย โรงเรียนชายแดน จ.สุรินทร์ ปิดต่อ ให้เรียนออนไลน์เช่นเดียวกับ จ.สุรินทร์ โรงเรียนชายแดนยังปิดต่อ และให้เรียนออนไลน์แทน เพื่อรอดูสถานการณ์ ส่วนผู้ปกครองกังวลถ้ายังเปิดเรียนในช่วงสถานการณ์ยังไม่สงบและไม่ปลอดภัย 100% ส่วนในพื้นที่ อ.พนมดงรัก โรงเรียนประถมฯ บางโรงประกาศให้มีการเรียนการสอนในระบบออนไลน์ช่วงวันที่ 13-15 สิงหาคมนี้ และมีบางโรงเรียนที่กลับมาเปิดเรียนตามปกติแล้ว แต่ไม่บังคับว่านักเรียนต้องมาเรียนทุกคน โดยมีการแจ้งใน LINE กลุ่มผู้ปกครองว่าหากผู้ปกครองท่านใดยังมีความกังวลใจก็อนุญาตให้เด็กลาได้ ส่วนชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ เช้านี้ […]

South Korea Leader and wife at Presidential plane Apr 2023

เกาหลีใต้จับอดีตสตรีหมายเลข 1

โซล 13 ส.ค.- นางคิม คอน ฮี อดีตสตรีหมายเลข 1 ของเกาหลีใต้ ถูกควบคุมตัวตามที่ศาลออกหมายจับเมื่อค่ำวานนี้ หลังจากอัยการยื่นขอหมายจับเพราะเกรงว่าเธอจะทำลายหลักฐานและแทรกแซงการสอบสวนในคดีที่ถูกกล่าวหาหลายคดี นางคิม ซึ่งจะมีอายุครบ 53 ปีในเดือนกันยายน เป็นอดีตสตรีหมายเลข 1 คนแรกของเกาหลีใต้ที่ถูกจับกุม ขณะที่สามีของเธอ คือ อดีตประธานาธิบดียุน ซอก ยอล วัย 64 ปี กำลังถูกคุมขังระหว่างรอการพิจารณาคดี หลังจากถูกถอดถอนจากตำแหน่งกรณีประกาศกฎอัยการศึกเมื่อปลายปี 2567 ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกันนางคิมได้โค้งคำนับและไม่ตอบคำถามผู้สื่อข่าวขณะเดินทางถึงศาล จากนั้นไปรอฟังคำตัดสินที่สถานกักขังในกรุงโซลตามธรรมเนียมปฏิบัติของเกาหลีใต้ โฆษกคณะอัยการพิเศษที่ได้รับการแต่งตั้งเมื่อต้นเดือนมิถุนายนแถลงว่า อัยการยื่นขอหมายจับนางคิม เนื่องจากเกรงว่าเธอจะทำลายหลักฐานและแทรกแซงการสอบสวน สำนักข่าวยอนฮับของทางการเกาหลีใต้รายงานว่า ศาลอนุมัติหมายจับตามคำแถลงเรื่องเธอมีความเสี่ยงที่จะทำลายหลักฐาน อดีตสตรีหมายเลข 1 ของเกาหลีใต้ถูกตั้งข้อหาหลายคดี ตั้งแต่การปั่นหุ้นไปจนถึงการรับสินบนและการใช้อิทธิพลแทรกแซงอย่างผิดกฎหมายที่พัวพันกับเจ้าของธุรกิจ บุคคลทางศาสนา และผู้มีอิทธิพลทางการเมือง เธอถูกกล่าวหาว่า ทำผิดกฎหมายเรื่องสร้อยคอประดับจี้ยี่ห้อหรูที่สวมไปร่วมการประชุมสุดยอดองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต ที่สเปน พร้อมกับสามีในปี 2565 เนื่องจากไม่ได้แจ้งรายการทรัพย์สินจี้ดังกล่าวที่มีข่าวว่าราคาสูงกว่า 60 ล้านวอน (กว่า 1.4 ล้านบาท) เธอให้การกับอัยการว่าเป็นของปลอมที่ซื้อในฮ่องกงเมื่อ […]

สภาถกงบฯ 69 วันแรก “พิชัย” แจงหั่นงบ 8,920 ล้าน

รัฐสภา 13 ส.ค. – ที่ประชุมสภาฯ เริ่มถกงบฯ 69 วันแรกแล้ว “พิชัย” แจงรายงาน กมธ. เหตุหั่นงบ 8,920 ล้านบาท เพราะไม่สอดคล้องภาาวะปัจจุบัน-การเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย ในการประชุมสภาฯ เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท วาระสอง ซึ่งกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาแล้วเสร็จเป็นวันแรก โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ในฐานะประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2569 ว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้พิจารณาร่างงบประมาณ 69 เรียบร้อยแล้ว โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ให้ความสำคัญกับการดำเนินภารกิจเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล ยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคแห่งชาติ เป้าหมายพัฒนาที่ยั่งยืน รวมทั้งแผนปฏิบัติราชการของกระทรวง โดยพิจารณาตามความจำเป็นและภารกิจของหน่วยรับงบประมาณ และแผนพัฒนาพื้นที่ตามความต้องการของประชาชน […]

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]