ทำเนียบ 6 พ.ย.-“หยก-บุ้ง” บุกทำเนียบฯ ขอความเป็นธรรมจากนายกฯ เรียกร้องความรับผิดชอบโรงเรียนเตรียมพัฒน์ฯ ทำให้เสียอนาคต
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบฯว่า ช่วงเช้าวันนี้ น.ส.ธนลภย์ (หยก) ผลัญชัย และน.ส.เนติพร (บุ้ง) เสน่ห์สังคม เดินทางจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ มาที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมารอที่ทางเข้า-ออก บริเสณสะพานอรทัย เพื่อต้องการยื่นหนังสือถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เพื่อขอความเป็นธรรมและขอให้ตรวจสอบการกระทำของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ เพื่อหาผู้รับผิดชอบการดำเนินการต่อเยาวชนที่ถูกดำเนินคดีทางการเมืองผิดหรือถูกอย่างไร รวมทั้งจะมีการรับผิดชอบอย่างไรกับการที่เด็กคนหนึ่งต้องสูญเสียเวลา สูญเสียอนาคตทางการศึกษา จากการที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการได้เมินเฉย ซึ่งก่อนหน้านั้นได้ส่งจดหมายถึงผู้อำนวยการโรงเรียน เพื่อสอบถามถึงสาเหตุที่ไม่ได้เข้าเรียนหนังสือแล้ว แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ โดยวันนี้(6 พ.ย.) ได้ไปทวงถามถึงจดหมายที่ได้ส่งถึง แต่คำตอบที่ได้รับก็คือ บอกให้รอ จึงเดินทางมายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อขอความเป็นธรรมในกรณีดังกล่าว
โดยในหนังสือมีข้อความว่า “ต้องการให้นายกรัฐมนตรี ตรวจสอบการกระทำของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนการ เพื่อหาผู้รับผิดชอบ การดำเนินการต่อเยาวชนอย่าง ที่ถูกดำเนินคดีทางการเมืองผิดหรือถูกอย่างไร และในเรื่องนี้จะมีการรับผิดชอบอย่างไรกับการที่เด็กคนนึง อย่างตน ที่ต้องสูญเสียเวลา สูญเสียอนาคตศึกษา นายกรัฐมนตรี จะมีนโยบายในการจัดการอย่างไร และหวังว่า นายกฯ ในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหารจะตรวจสอบและทวงความเป็นธรรม จากการที่โรงเรียนเตรี่ยมอุดมศึกษา พัฒนาการได้เมินเฉย”
จากนั้น เจ้าหน้าที่ฝ่ายประสานมวลชน ศูนย์บริการประชาชน สปน. ได้เข้าพูดคุยทำความเข้าใจ เพื่อแนะนำขั้นตอนในการยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี และขอให้ทั้ง 2 คน ย้ายไปยื่นหนังสือที่ศูนย์ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ซึ่งอยู่อีกด้านของทำเนียบรัฐบาล แต่ทั้งหยกและบุ้ง ไม่ยอม ยังคงขอนั่งรอพบนายกฯ ที่บริเวณประตูฝั่งสะพานอรทัยเหมือนเดิม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ปิดประตูทางเข้า อนุญาตให้เพียงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และผู้ที่มีบัตรเข้าออก สามารถเข้าไปภายในทำเนียบฯเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลาต่อมา หยกและบุ้ง ได้ยอมเดินทางไปยื่นหนังสือ ตามขั้นตอนที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบ โดยมีเจ้าหน้าที่เป็นตัวแทนรับหนังสือไว้และทั้ง 2 คน จึงได้เดินทางกลับ.-สำนักข่าวไทย