ทำเนียบฯ 4 พ.ย. – “สมศักดิ์” พบองค์การความร่วมมือเยาวชนโลกอิสลาม หารือการพัฒนาศักยภาพเยาวชนมุสลิม ยินดีให้คณะลงพื้นที่ ศอ.บต. ดูงานสังคมพหุวัฒนธรรม ยันให้ความสำคัญด้านการศึกษา เชื่อจะนำพาการพัฒนา-ความเท่าเทียม-สันติสุขในพื้นที่ หนุนเยาวชนมุสลิมไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิกลำดับที่ 65
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายเสก นพไธสง รองอธิบดีกรมเอเชียใต้ฯ กระทรวงการต่างประเทศ นายนันทพงศ์ สุวรรณรัตน์ ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. พบกับนายตาฮา อัยฮาน ประธานใหญ่องค์การความร่วมมือเยาวชนโลกอิสลาม นายราซูล โอมารอฟ ผู้อำนวยการใหญ่องค์การความร่วมมือเยาวชนโลกอิสลาม นายสินัน คาร์ชิยากะ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารองค์การความร่วมมือเยาวชนโลกอิสลาม ผู้แทนสมาคมนิสิตนักศึกษาไทย สมาคมยุวมุสลิมแห่งประเทศไทย และคณะ เพื่อหารือการส่งเสริมพัฒนาศักยภาพของเยาวชนมุสลิม ทั้งด้านการศึกษา วัฒนธรรม เศรษฐกิจ และสังคม ที่ทำเนียบรัฐบาล
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า มีความยินดีที่ได้พบกับองค์การความร่วมมือเยาวชนโลกอิสลาม ผู้แทนสมาคมนิสิตนักศึกษาไทย และสมาคมยุวมุสลิมแห่งประเทศไทย ในวันนี้ เพราะตนมีความเชื่อมั่นว่าเยาวชนสมาคมนิสิตนักศึกษาไทยมุสลิม มีความมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะทำเพื่อประเทศชาติ ซึ่งตนมองเห็นถึงความสำคัญขององค์การความร่วมมือเยาวชนโลกอิสลาม ที่เป็นสะพานเชื่อมต่อระหว่างโลกมุสลิม และความเข้าใจในสังคมพหุวัฒนธรรม โดยที่ผ่านมาหน่วยงานภาครัฐได้น้อมนำหลักปรัชญา “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ของในหลวง ร.9 ในการกำหนดนโยบายและปฏิบัติ ทำให้ทุกหน่วยงานต้องดำเนินงานอย่างรอบด้าน
“หน่วยงานที่ตนกำกับดูแล คือ ศอ.บต. ได้ดำเนินงานตามหลักปรัชญานี้ ตนมีความยินดีให้คณะองค์การความร่วมมือเยาวชนโลกอิสลาม ลงพื้นที่ไปศึกษาดูงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ เพื่อทำความเข้าใจสังคมพหุวัฒนธรรมได้ดียิ่งขึ้น รวมถึง ศอ.บต. ยังได้สนับสนุนทุนการศึกษา และการแลกเปลี่ยนตามโครงการสานใจไทยสู่ใจใต้ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ เพราะตนเชื่อว่าการศึกษาจะนำพาซึ่งความรู้ การพัฒนาคน สร้างความเท่าเทียม และสันติสุขในพื้นที่ ดังนั้น ตนมีความยินดีที่จะสนับสนุนองค์การความร่วมมือเยาวชนโลกอิสลาม และหวังว่าสมาคมนิสิตนักศึกษาไทยมุสลิมจะได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกลำดับที่ 65 ในเร็ววันนี้” นายสมศักดิ์ กล่าว
ขณะที่ นายตาฮา อัยฮาน กล่าวว่า ขอขอบคุณรองนายกรัฐมนตรี ที่ให้เกียรติต้อนรับคณะ ซึ่งองค์การความร่วมมือเยาวชนโลกอิสลาม มีความยินดีจะสนับสนุนบทบาทของเยาวชนไทยในพื้นที่ และมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของเยาวชนมุสลิมไทย พร้อมมีความประสงค์ที่จะเสนอชื่อให้สมาคมนิสิตนักศึกษาไทยมุสลิมเป็นสมาชิกลำดับที่ 65 โดยตนเชื่อในความเป็นสังคมพหุวัฒนธรรมของไทย และเล็งเห็นถึงความสำคัญของไทยในฐานะตัวอย่างสังคมพหุวัฒนธรรม อันก่อให้เกิด “การพัฒนาเชิงสันติภาพ” ซึ่งเรามีความยินดีที่จะสนับสนุนเป็นสะพานเชื่อมระหว่างเยาวชนมุสลิมไทยกับโลกมุสลิม.-สำนักข่าวไทย