สส.รัฐบาล คว่ำญัตติประชามติแก้ รธน.พรรคก้าวไกล

รัฐสภา 25 ต.ค.-สส.รัฐบาลคว่ำญัตติประชามติแก้ รธน.พรรคก้าวไกล อ้างมี คกก.ศึกษาอยู่แล้ว แถมมีช่องลักไก่แตะหมวด 1และ 2 ด้านฝ่ายค้านเชื่อรัฐบาลไม่จริงใจ เตือนอย่าใช้ รธน.เป็นตัวประกัน ระวังเป็นระเบิดเวลาเหมือนเงินดิจิทัล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ใช้เวลาร่วม 4 ชั่วโมงในการพิจารณาญัตติการขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเห็นชอบ และแจ้งให้คณะรัฐมนตรีดำเนินการจัดการออกเสียงประชามติ เพื่อสอบถามความเห็นประชาชนต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ด้วยคำถามที่ว่า “ท่านเห็นชอบหรือไม่ว่า ประเทศไทยควรมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทั้งฉบับ แทนที่รัฐธรรมนูญ 2560 ฉบับปัจจุบัน โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ สสร.ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน” ตามที่พรรคก้าวไกลเสนอ และมีมติเสียงข้างมาก 261 เสียง ต่อ 162 เสียง งดออกเสียง 6 เสียง ไม่ให้ความเห็นชอบญัตติดังกล่าว


ก่อนหน้านี้นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้เสนอญัตติ ได้ชี้แจงสาเหตุการเสนอญัตติดังกล่าวว่า เพื่อเป็นกระดุมเม็ดแรกในการเดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และเริ่มนับหนึ่งฟื้นฟูประชาธิปไตยของประเทศ เพราะลึก ๆ แล้ว ยังไม่มั่นใจว่า รัฐบาลคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับการจัดออกเสียงประชามติ และคำถามที่ถูกใช้ และเชื่อว่าญัตตินี้จะเป็นประโยชน์ และไม่เสียหาย

“หากรัฐบาลคิดเช่นเดียวกับพรรคก้าวไกล สส.พรรคร่วมรัฐบาลก็คงไม่ลำบากใจที่จะสนับสนุนญัตตินี้ หรือหากรัฐบาลยังไม่มั่นใจการจัดการออกเสียงประชามติ และรูปแบบคำถาม การอภิปรายญัตตินี้ในสภาผู้แทนราษฎร ก็จะเป็นการเปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนความเห็นทุกฝ่าย หรือหากรัฐบาลยังคิดต่าง ฝ่ายค้านก็ยิ่งจำเป็นจะต่อการเสนอญัตตินี้ เพื่อเป็นหนทางของฝ่ายค้านได้รับการตอบสนองจากสภาผู้แทนราษฎร หรือหากจะมีการเสนอ ยื่นร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อแก้ไขมาตรา 256 พร้อมกำหนดให้มี สสร.มายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยไม่มีการออกเสียงประชามติ ก็อาจจะถูก สส.และ สว.บางส่วน ปัดตกร่างดังกล่าว โดยอ้างว่า จะต้องมีการจัดการออกเสียงประชามติก่อนที่จะแก้ไข ซึ่งผลการออกเสียงประชามติที่จะเกิดขึ้น ก็จะเป็นหลักประกันไม่ให้ สส. และ สว.ตีตกเจตน์จำนงของประชาชน” นายพริษฐ์ กล่าว 


นายพริษฐ์ ยังย้ำหลักการสำคัญ ที่ควรถูกตัดสินโดยประชาชน และบรรจุไว้ในคำถามการออกเสียงประชามติว่า การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ ที่ประชาชนมีความเห็นต่างกันว่า ส่วนใดของรัฐธรรมนูญเป็นปัญหาที่อยากเห็นการแก้ไข ดังนั้น หากจะให้รัฐธรรมนูญ โอบรับทุกความเห็นที่แตกต่างกัน และแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง จึงไม่ควรกำหนดคำถามในลักษณะคิดแทนประชาชน แต่ควรเปิดกว้างสำหรับทุกความเห็น ซึ่งการเปิดกว้างให้มีการแก้ไขทั้งหมดได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เนื้อหาทั้งหมดจะถูกแก้ไข เพราะหากเนื้อหาใดดีอยู่แล้ว ก็ย่อมไม่ได้รับความเห็นชอบให้ถูกแก้ไข พร้อมย้ำว่า การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครอง หรือรูปแบบรัฐแน่นอน เพราะตามรัฐธรรมนูญมาตรา 255 ได้กำหนดไว้ชัดเจนแล้วว่า ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบการกครอง และรูปแบบรัฐได้

ขณะที่ นางสาวขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายยืนยันว่า ตลอดเวลาที่พรรคเพื่อไทยหาเสียง โดยได้ย้ำนโยบายสำคัญในการจัดการออกเสียงประชามติ เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จึงยืนยันต่อสภาผู้แทนราษฎรว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทย จะจัดการออกเสียงประชามติให้เกิดขึ้นจริง และมี สสร. มายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามที่เคยสัญญาไว้กับประชาชน พร้อมไม่ปฏิเสธกลไกรัฐสภา ในการเสนอจัดการออกเสียงประชามติ แต่มองว่า ในทางเทคนิคนั้น กลไกรัฐสภา ก็อาจไม่ได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภา จึงควรใช้กลไกการใช้มติคณะรัฐมนตรีจัดการออกเสียงประชามติ โดยไม่ต้องผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา และทำให้การจัดการออกเสียงประชามติเกิดขึ้นจริง

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตต่อคณะกรรมการศึกษาแนวทางการจัดออกเสียงประชามติ ที่มนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ จะใช้เวลา และขั้นตอนมากไปหรือไม่นั้น นางสาวขัตติยา ยอมรับว่า อาจใช้เวลามาก แต่สิ่งที่เกิดขึ้น ก็เพื่อให้แน่ใจว่า รัฐธรรมนูญจะถูกยกร่างใหม่จริง เพราะที่ผ่านมา มีการตีความการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการตีความการจัดการออกเสียงประชามติ รวมถึงต้องอาศัยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จนทำให้การวินิจฉัยบางขั้นตอน ขัดต่อศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องชะงัก และเริ่มต้นใหม่ แต่พรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า การจัดการออกเสียงประชามติที่กำลังจะเกิดขึ้น จะเป็นการออกเสียงประชามติแบบเต็มใบ รับฟังความเห็นประชาชนทั้งที่มา และเนื้อหาอย่างแท้จริง


เช่นเดียวกับ นายอรรถกร ศิริลัทยากร สส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายยืนยันว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นสิ่งที่จำเป็น แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะต้องสอดคล้องกับเวลา และสถานการณ์ที่เหมาะสม ซึ่งความพยายามเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้  ได้เสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญได้ทั้งฉบับ ซึ่งรวมหมวด 1 รูปแบบรัฐ และหมวด 2 สถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย โดยที่พรรคพลังประชารัฐ จะไม่สนับสนุนการแก้ไขอย่างแน่นอน เพราะพรรคฯ มีจุดยืนเรื่องดังกล่าวชัดเจน พร้อมยังเชื่อมั่นว่า รัฐบาลมีความจริงใจ และตั้งใจที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้อย่างเป็นรูปธรรม เพราะมีการตั้งคณะกรรมการ และคณะอนุกรรมการเพิ่ม 2 ชุด ดังนั้น รัฐสภา จึงควรให้เวลารัฐบาล และอนุกรรมการ 2 คณะ ซึ่งหากกระบวนการไม่คืบหน้า พรรคพลังประชารัฐ ก็พร้อมใช้กลไกนิติบัญญัติเร่งรัดรัฐบาล แต่หากสภาฯ ให้ความเห็นชอบญัตติของพรรคก้าวไกลในวันนี้ (25 ต.ค.) ก็จะเป็นการทำงานข้ามหัวรัฐบาล และยังไม่สามารถทราบได้ว่า ก่อนที่มติจะไปถึงคณะรัฐมนตรี วุฒิสภาจะให้ความเห็นชอบหรือไม่ จึงควรให้เวลาได้ทำงานในการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ควบคู่กับการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน

นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทย ไม่เห็นด้วยกับญัตตินี้ของพรรคก้าวไกล และมั่นใจว่า หลังการลงมติ จะต้องมีความพยายามบิดเบือนว่า พรรคภูมิใจไทยไม่เห็นด้วยกับการทำประชามติ เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ขณะนี้ รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการที่มีที่มาหลากหลาย ขึ้นมาศึกษาหาแนวทางเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว แต่พรรคก้าวไกล กลับไม่เข้าร่วมคณะกรรมการชุดดังกล่าว จนต้องมาเสนอญัตตินี้ในที่ประชุมสภาฯ และพรรคภูมิใจไทย ไม่สามารถลงมติเห็นชอบกับญัตตินี้ได้ เพราะมีการระบุในคำถามประชามติให้มีการแก้ไขทั้งฉบับ อาจเป็นการผูกมัดให้มีการแก้ไขในหมวด 1 และหมวด 2 ด้วยก็ได้ จึงทำให้พรรคภูมิใจไทย ยอมรับญัตติดังกล่าวไม่ได้

แต่นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ชี้แจงสาเหตุกรณีที่พรรคก้าวไกล ไม่เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการศึกษาแนวทางการจัดออกเสียงประชามติ ที่นายภูมิธรรม เป็นประธานฯ นั้น เนื่องจาก กรรมการดังกล่าว เป็นการแต่งตั้งโดยฝ่ายบริหาร แต่พรรคก้าวไกล ทำหน้าที่ฝ่ายค้านในนิติบัญญัติ และไม่เชื่อวิธีคิด และกระบวนการของฝ่ายรัฐบาล ที่ผิดไปจากการหาเสียงสัญญากับประชาชน  โดยพยายามพิสูจน์ความจริงใจในการแก้รัฐธรรมนูญ โดยใช้กระบวนการนิติบัญญัตินั้น พรรคก้าวไกลมีความผิดหรือไม่

สอดคล้องกับ นายจุลพงศ์ อยู่เกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายแสดงความกังวล ถึงความไม่จริงใจของรัฐบาล ว่า ในการหาเสียงของบางพรรคการเมือง จะใช้คำสัญญาไปหาเสียงกับประชาชน ซึ่งพรรคแกนนำรัฐบาล ได้ประกาศนโยบายแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยการออกมติคณะรัฐมนตรี ในการประชุมครั้งแรก เพื่อจัดการออกเสียงประชามติ จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน โดย สสร.ที่มาจากการเลือกตั้ง โดยไม่ได้ระบุถึงการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษา

นายสรรเพชร บุญญามณี สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เห็นว่า รัฐบาลควรจะเร่งดำเนินการให้เป็นวาระเร่งด่วนของรัฐบาล ทั้งที่หลายพรรคเมืองในการหาเสียงเลือกตั้ง ที่ทุกพรรคเห็นพ้องว่า รัฐธรรมนูญควรได้รับแก้ไข โดยไม่แตะหมวด 1 และหมวด 2 แต่ก็ไม่ทราบวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของรัฐบาล ในการตั้งคณะกรรมการศึกษาแนวทางการจัดออกเสียงประชามตินั้น มีวัตถุประสงค์ใดกันแน่ เพราะคณะกรรมการดังกล่าวฯ ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่า จะศึกษาเสร็จเมื่อใด ดังนั้น จึงขอเตือนรัฐบาลว่า อย่านำรัฐธรรมนูญเป็นตัวประกัน และเป็นระเบิดเวลาตัวเอง เหมือนนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่รัฐบาลก็ยังตอบไม่ได้ว่า จะดำเนินการอย่างไร.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โฆษก ทบ. ยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลัง-กลบคูเลต ลดตึงเครียด

8 มิ.ย. – โฆษก ทบ. ยืนยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลังกลับไปอยู่จุดเดิม พร้อมกลบคูเลตให้คืนสู่สภาพเดิม หลังบรรลุข้อตกลงการหารือ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก ลดความตึงเครียด วันนี้ (8 มิ.ย.68)​ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พล.ท.สรัย ดึก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ได้เชิญฝ่ายทหารไทย โดย พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เข้าร่วมหารือ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับกรณีปัญหาการรุกล้ำดินแดนในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก จากการหารือเบื้องต้น ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงในประเด็นสำคัญ คือ ฝ่ายทหารกัมพูชายินยอมถอนกำลังกลับไปยังจุดที่เคยประจำการอยู่เดิม ซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณที่เกิดเหตุปะทะ หรือแนวต้นพญาสัตบรรณ ลึกเข้าไปในเขตแดนของประเทศกัมพูชา จุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาเคยใช้เป็นแนววางกำลังฐานมาโดยตลอดในอดีต นอกจากนี้ ฝ่ายกัมพูชายังแสดงความยินยอมที่จะดำเนินการกลบคูเลตให้กลับคืนสู่สภาพธรรมชาติตามเดิม ตามข้อเสนอของฝ่ายไทย เพื่อเป็นการลดความตึงเครียด และสร้างบรรยากาศแห่งความร่วมมือ ภายหลังจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันที่จะใช้กลไกระดับคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น เป็นช่องทางในการหารือแนวทางบริหารจัดการพื้นที่อย่างเหมาะสมและยั่งยืนต่อไป.-313-สำนักข่าวไทย

Chaos and crowds at Poipet International Border Gate

สื่อกัมพูชาลงภาพคนแออัดที่ด่านปอยเปต

พนมเปญ 8 มิ.ย. – สื่อกัมพูชาเผยแพร่ภาพชาวกัมพูชาและชาวต่างชาติแออัดที่จุดผ่านแดนถาวรปอยเปต ในเช้าวันนี้ เพื่อรอข้ามแดน หลังจากไทยประกาศมาตรการจำกัดการข้ามแดนระหว่าง 2 ประเทศ เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์เผยแพร่ภาพชุดจากเฟรชนิวส์ ซึ่งเป็นสื่อออนไลน์ของกัมพูชา เป็นภาพสถานการณ์ที่จุดผ่านแดนถาวรด้านปอยเปต จังหวัดบันเตียเมียนเจยของกัมพูชาที่ติดกับบ้านคลองลึก จังหวัดสระแก้วของไทย เจ้าหน้าที่กัมพูชารายงานว่า สถานการณ์ช่วงเช้าวันนี้มีคนหนาแน่นมาก หลังจากทางการปรับเวลาเปิดปิดประตูจุดผ่านแดน อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ชายแดนของทั้ง 2 ฝ่ายยังคงพูดคุยกันและอำนวยความสะดวกให้แก่การผ่านแดนระหว่างกัน แขมร์ไทมส์รายงานว่า ไทยตัดสินใจปรับเปลี่ยนเวลาเปิดปิดประตูแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยได้ปรับเปลี่ยนเวลาเปิดปิดจุดผ่านแดนถาวรที่เป็นด่านสากลทั้งหมดเป็น 08.00-16.00 น. และปิดประตูที่เป็นด่านทวิภาคี.-814.-สำนักข่าวไทย

Colombian Senator Miguel Uribe

ลอบยิงผู้สมัคร ปธน.โคลอมเบีย เป็นตายเท่ากัน

โบโกตา 8 มิ.ย. – หนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโคลอมเบียถูกลอบยิงอย่างอุกอาจ ระหว่างปราศรัยหาเสียงต่อหน้าฝูงชนจำนวนมากในกรุงโบโกตา ภรรยาระบุว่า ขณะนี้อาการเป็นตายเท่ากัน คลิปเหตุการณ์ที่มีผู้บันทึกไว้ได้ เผยให้เห็นวินาทีที่นายมิเกล อูริเบ สมาชิกวุฒิสภา วัย 39 ปี หนึ่งในผู้สมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโคลอมเบียปี 2569 ถูกมือปืนยิงหมายลอบสังหารขณะกำลังยืนปราศรัยหาเสียงต่อหน้าประชาชนจำนวนมากภายในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งในกรุงโบโกตาเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ผู้คนในที่เกิดเหตุพากันกรีดร้องตกใจ จากนั้นมีเสียงปืนตามมาอีกหลายนัด คาดว่าเป็นการยิงปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของอูริเบกับมือปืน มีรายงานผู้ถูกยิงบาดเจ็บเพิ่มอีก 1 คน ขณะที่นายอูริเบซึ่งถูกยิงเลือดอาบ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงอย่างเร่งด่วน พรรคศูนย์กลางประชาธิปไตยซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านที่นายอูริเบสังกัดอยู่ออกแถลงการณ์ประณามและเปิดเผยเพียงสั้น ๆ ว่า คนร้ายยิงจากด้านหลัง ขณะที่สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานอ้างเจ้าหน้าที่แพทย์ว่า เขาถูกยิงเข้าที่ศีรษะ 2 นัด และเข้าที่เข่า 1 นัด ภรรยาของเขาโพสต์ในเอ็กซ์ (X) ว่า สามีอาการเป็นตายเท่ากัน รัฐบาลโคลอมเบียแจ้งในเวลาต่อมาว่า ตำรวจจับกุมผู้ต้องสงสัย 1 คน ซึ่งยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ในที่เกิดเหตุ และกำลังสอบสวนว่ามีผู้เกี่ยวข้องอีกหรือไม่ โดยได้ตั้งเงินรางวัล 730,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 24 ล้านบาท) แก่ผู้แจ้งเบาะแส สื่อท้องถิ่นรายงานว่า […]

สนามบินพร้อมสกัดกลุ่มเทาต่างชาติบินเข้าไทย หลังคุมเข้มเข้า-ออกด่านบก

7 มิ.ย. – ตามที่รัฐบาลมีนโยบายควบคุมการเข้า-ออกด่านชายแดนทางบก และมีคำสั่งจากกองทัพบกให้อำนาจกองทัพภาคที่ 1 และ 2 พิจารณาคัดกรองการเข้าออกด่านชายแดนทางบก โดยเฉพาะ จ.จันทบุรี และสระแก้ว โดยมีผลตั้งแต่ 7 มิ.ย.2568 ในส่วนของการเข้าทางอากาศ โดยเฉพาะทางสนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมือง ซึ่งคาดว่าจะมีกลุ่มต่างชาติที่ใช้เส้นทางเข้าออกไทย-กัมพูชา หันมาเดินทางเข้าแทนช่องทางบกนั้น วันนี้ (7 มิ.ย.2568 ) พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 เปิดเผยว่า ตม.สนามบิน พร้อมขานรับนโยบาย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร ที่มีจุดยืนด้านความมั่นคงชัดเจน โดยเฉพาะ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. ได้เคยกำชับการสกัดกั้นคนต่างชาติที่มีพฤติกรรมเข้าออกประเทศด้วยฟรีวีซ่าที่ผิดวัตถุประสงค์ และกลุ่มที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด โดยเฉพาะแก็งค์คอลเซ็นเตอร์ และการพนันออนไลน์ ซึ่งอาจใช้ไทยเป็นแหล่งทำธุรกิจฟอกเงิน จากการทำธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศเพื่อนบ้าน และการปิดด่านชายแดน อาจมีกลุ่มต่างชาติที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด ใช้เส้นทางเข้าไทยทางเครื่องบินแทนการผ่านแดนทางบก ทาง บก.ตม.2 จึงมีการสั่งการกำชับให้ด่าน ตม.สนามบินในสังกัด โดยเฉพาะสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เพิ่มความเข้มในการเฝ้าสังเกตสกัดกั้นคนต่างชาติลักษณะเสี่ยงดังกล่าว โดยเน้นต่างชาติกลุ่มเฝ้าระวังสัญชาติเพื่อนบ้านที่มีลักษณะการใช้ฟรีวีซ่าเข้าออกผิดประเภท […]

ข่าวแนะนำ

“อ.เฉลิมชัย” เปิดใจเหตุลาออกจากศิลปินแห่งชาติ

9 มิ.ย. – “อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์” เปิดใจเหตุลาออกจากศิลปินแห่งชาติ ให้เหตุผลเป็นความตั้งใจว่าครบ 70 ปี จะลาออกทุกตำแหน่ง เพื่อเดินทางท่องเที่ยว แต่ยังพร้อมช่วยกระทรวงและวงการศิลปะ จากกรณี อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ จิตรกรรม ประกาศระหว่างบรรยายในงาน Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 สู่ Thailand Biennale, Phuket 2025 ที่ จ.ภูเก็ต ว่าได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นศิลปินแห่งชาติ เมื่อวันที่ 30 พฤษาคมที่ผ่านมา เพื่อใช้ชีวิตอย่างอิสระ เนื้อหาในจดหมายที่ถูกเผยแพร่ออกมาซึ่งเขียนด้วยลายมือของ อ.เฉลิมชัย ถึงกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ลงวันที่ 30 พฤษภาคม มีใจความสำคัญว่า “เหตุผลของการลาออก เนื่องด้วยข้าพเจ้ามีอายุมากแล้ว จึงได้ประกาศหยุดสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ เพราะปรารถนาที่จะพักผ่อน ท่องเที่ยว หาความสุขในบั้นปลายของชีวิต ข้าพเจ้ารู้สึกส่วนตัวว่า เมื่อศิลปินแห่งชาติได้หยุดสร้างสรรค์ผลงานแล้วก็ไม่ควรที่จะมีตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้อีกต่อไป ข้าพเจ้าจึงขอให้กรมส่งเสริมวัฒนธรรมโปรดพิจารณาตัดชื่อข้าพเจ้าออกจากทำเนียบศิลปินแห่งชาติด้วย” ภายหลัง อ.เฉลิมชัย ให้สัมภาษณ์ถึงสาเหตุของการลาออกจากการเป็นศิลปินแห่งชาติว่า […]

“อนุทิน” สั่งเร่งตรวจสอบหลุมหลบภัยแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

กทม. 9 มิ.ย. – “อนุทิน” สั่งการผู้ว่าฯ 7 จังหวัดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เร่งตรวจสอบจำนวนหลุมหลบภัยในพื้นที่ เพื่อเตรียมพร้อมดูแลความปลอดภัยประชาชน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรมว.มหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เพื่อตรวจติดตามความพร้อมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที่ติดต่อกับชายแดนประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 68 ที่ผ่านมา และได้รับทราบข้อมูลต่างๆในพื้นที่ ล่าสุด ได้มีข้อสั่งการให้นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ประสานผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี และจังหวัดตราด เร่งดำเนินการตรวจสอบจำนวนหลุมหลบภัยในพื้นที่ทั้งหมด โดยสำรวจว่ามีหลุมหลบภัยที่สามารถใช้งานได้ในสภาพดีจำนวนกี่แห่ง จำนวนหลุมหลบภัยที่ชำรุดและต้องการขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการปรับปรุงซ่อมแซมกี่แห่ง รวมทั้งสำรวจความต้องการในการก่อสร้างหลุมหลบภัยในพื้นที่เพิ่มเติม พร้อมระบุสถานที่และประมาณการงบประมาณที่ต้องการขอรับการสนับสนุน รายงานมายังกระทรวงมหาดไทย ภายในวันที่ 10 มิ.ย. 2568 ทั้งนี้ เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชน รวมทั้งเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นต่อไป .319.-สำนักข่าวไทย

ตั้งค่าหัว 1 แสน ไล่ล่าอดีตสามีโหดฆ่า 2 ศพ

เชียงราย 9 มิ.ย. – ญาติสุดแค้น ตั้งค่าหัว 100,000 บาท ล่าอดีตสามีโหดฆ่า 2 ศพ หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังค้นหายังไร้ร่องรอย เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 32 (ตชด.32) นำ “โทมี่” สุนัขตำรวจ K9 พันธุ์ลาบราดอร์ เข้าร่วมภารกิจติดตามจับกุมนายซ้งปอ อายุ 55 ปี คนร้ายก่อเหตุฆ่าโหดอดีตภรรยาและน้องชายอดีตภรรยาเสียชีวิต ในพื้นที่บ้านร่มฟ้าผาหม่น หมู่ 15 ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 และ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนหลบหนีเข้าป่าดอยผาหม่น ซึ่งเป็นภูเขาสูงชันและเต็มไปด้วยถ้ำและซอกเขา ทำให้ภารกิจไล่ล่ายากลำบาก แม้ใช้โดรนตรวจจับความร้อนทั้งกลางวันและกลางคืนก็ยังไม่พบตัว นายสุรชัย ผู้ใหญ่บ้านร่มฟ้าผาหม่น เปิดเผยว่า นายซ้งปอเป็นคนพื้นที่และมีความชำนาญเส้นทางป่า เคยหลบซ่อนตัวในป่านานถึง 2 เดือน โดยไม่มีใครเจอ และเป็นบุคคลอันตรายต่อเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปค้นหา ก่อนหน้านี้นายซ้งปอเคยขู่ฆ่าผู้นำชุมชนและชาวบ้านที่เคยมีส่วนไกล่เกลี่ยให้แยกทางกับภรรยา สร้างความหวาดผวาให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ขณะนี้เหลือประชาชนอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเพียง 20-30% ส่วนที่เหลือพากันอพยพไปอยู่กับญาติในหมู่บ้านข้างเคียง เพื่อความปลอดภัย […]

The Ministry of National Defence claims Cambodia has not withdrawn troops from its sovereign territory

กห.กัมพูชายืนยันไม่ได้ถอนทหารจากดินแดนอธิปไตย

พนมเปญ 9 มิ.ย. – กระทรวงกลาโหมแห่งชาติ เน้นย้ำว่า กัมพูชาไม่ได้ถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ที่อยู่ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กองทัพกัมพูชายึดครองมายาวนาน เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชา เผยแพร่แถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมกัมพูชาวันนี้ มีเนื้อหาดังนี้ “ตามแถลงข่าวจากกระทรวงกลาโหมแห่งชาติในวันนี้ กระทรวงฯ ขอชี้แจงต่อสาธารณชนและสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวล่าสุดในพื้นที่ชายแดนกัมพูชา-ไทย ดังต่อไปนี้: 1.ไม่มีการถอนกำลังทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ที่อยู่ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กองทัพกัมพูชาได้ประจำการมาเป็นเวลานาน 2.การดำเนินการทั้งหมดของกองทัพกัมพูชาประกอบด้วยการประจำการ การจัดวางกำลัง การปรับเปลี่ยน และการเคลื่อนย้าย อยู่ภายในอำนาจอธิปไตยของกัมพูชาและมีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชา 3.กองทัพกัมพูชาสนับสนุนความพยายามในการหาทางออกอย่างสันติสำหรับปัญหาที่เกิดขึ้น แต่พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนจากการรุกรานทุกรูปแบบ 4.กองทัพกัมพูชาพร้อมที่จะสนับสนุนกลไกการเจรจาเขตแดนกับประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะกรรมการเขตแดนร่วมหรือเจบีซี (JBC) เพื่อดำเนินการวัดแนวเขตแดนและจัดทำเส้นเขตแดนในส่วนที่เหลือระหว่างสองประเทศ รวมถึงจุดที่กัมพูชาจะยื่นต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือไอซีเจ (ICJ) กระทรวงกลาโหมแห่งชาติขอให้เพื่อนร่วมชาติและสื่อมวลชนใช้ข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น โดยเฉพาะแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากรัฐบาลกัมพูชาและกระทรวงกลาโหมแห่งชาติ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง แท้จริง และเชื่อถือได้” .-814.-สำนักข่าวไทย