สส.รัฐบาล คว่ำญัตติประชามติแก้ รธน.พรรคก้าวไกล

รัฐสภา 25 ต.ค.-สส.รัฐบาลคว่ำญัตติประชามติแก้ รธน.พรรคก้าวไกล อ้างมี คกก.ศึกษาอยู่แล้ว แถมมีช่องลักไก่แตะหมวด 1และ 2 ด้านฝ่ายค้านเชื่อรัฐบาลไม่จริงใจ เตือนอย่าใช้ รธน.เป็นตัวประกัน ระวังเป็นระเบิดเวลาเหมือนเงินดิจิทัล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ใช้เวลาร่วม 4 ชั่วโมงในการพิจารณาญัตติการขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเห็นชอบ และแจ้งให้คณะรัฐมนตรีดำเนินการจัดการออกเสียงประชามติ เพื่อสอบถามความเห็นประชาชนต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ด้วยคำถามที่ว่า “ท่านเห็นชอบหรือไม่ว่า ประเทศไทยควรมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทั้งฉบับ แทนที่รัฐธรรมนูญ 2560 ฉบับปัจจุบัน โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ สสร.ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน” ตามที่พรรคก้าวไกลเสนอ และมีมติเสียงข้างมาก 261 เสียง ต่อ 162 เสียง งดออกเสียง 6 เสียง ไม่ให้ความเห็นชอบญัตติดังกล่าว


ก่อนหน้านี้นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้เสนอญัตติ ได้ชี้แจงสาเหตุการเสนอญัตติดังกล่าวว่า เพื่อเป็นกระดุมเม็ดแรกในการเดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และเริ่มนับหนึ่งฟื้นฟูประชาธิปไตยของประเทศ เพราะลึก ๆ แล้ว ยังไม่มั่นใจว่า รัฐบาลคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับการจัดออกเสียงประชามติ และคำถามที่ถูกใช้ และเชื่อว่าญัตตินี้จะเป็นประโยชน์ และไม่เสียหาย

“หากรัฐบาลคิดเช่นเดียวกับพรรคก้าวไกล สส.พรรคร่วมรัฐบาลก็คงไม่ลำบากใจที่จะสนับสนุนญัตตินี้ หรือหากรัฐบาลยังไม่มั่นใจการจัดการออกเสียงประชามติ และรูปแบบคำถาม การอภิปรายญัตตินี้ในสภาผู้แทนราษฎร ก็จะเป็นการเปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนความเห็นทุกฝ่าย หรือหากรัฐบาลยังคิดต่าง ฝ่ายค้านก็ยิ่งจำเป็นจะต่อการเสนอญัตตินี้ เพื่อเป็นหนทางของฝ่ายค้านได้รับการตอบสนองจากสภาผู้แทนราษฎร หรือหากจะมีการเสนอ ยื่นร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อแก้ไขมาตรา 256 พร้อมกำหนดให้มี สสร.มายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยไม่มีการออกเสียงประชามติ ก็อาจจะถูก สส.และ สว.บางส่วน ปัดตกร่างดังกล่าว โดยอ้างว่า จะต้องมีการจัดการออกเสียงประชามติก่อนที่จะแก้ไข ซึ่งผลการออกเสียงประชามติที่จะเกิดขึ้น ก็จะเป็นหลักประกันไม่ให้ สส. และ สว.ตีตกเจตน์จำนงของประชาชน” นายพริษฐ์ กล่าว 


นายพริษฐ์ ยังย้ำหลักการสำคัญ ที่ควรถูกตัดสินโดยประชาชน และบรรจุไว้ในคำถามการออกเสียงประชามติว่า การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ ที่ประชาชนมีความเห็นต่างกันว่า ส่วนใดของรัฐธรรมนูญเป็นปัญหาที่อยากเห็นการแก้ไข ดังนั้น หากจะให้รัฐธรรมนูญ โอบรับทุกความเห็นที่แตกต่างกัน และแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง จึงไม่ควรกำหนดคำถามในลักษณะคิดแทนประชาชน แต่ควรเปิดกว้างสำหรับทุกความเห็น ซึ่งการเปิดกว้างให้มีการแก้ไขทั้งหมดได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เนื้อหาทั้งหมดจะถูกแก้ไข เพราะหากเนื้อหาใดดีอยู่แล้ว ก็ย่อมไม่ได้รับความเห็นชอบให้ถูกแก้ไข พร้อมย้ำว่า การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครอง หรือรูปแบบรัฐแน่นอน เพราะตามรัฐธรรมนูญมาตรา 255 ได้กำหนดไว้ชัดเจนแล้วว่า ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบการกครอง และรูปแบบรัฐได้

ขณะที่ นางสาวขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายยืนยันว่า ตลอดเวลาที่พรรคเพื่อไทยหาเสียง โดยได้ย้ำนโยบายสำคัญในการจัดการออกเสียงประชามติ เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จึงยืนยันต่อสภาผู้แทนราษฎรว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทย จะจัดการออกเสียงประชามติให้เกิดขึ้นจริง และมี สสร. มายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามที่เคยสัญญาไว้กับประชาชน พร้อมไม่ปฏิเสธกลไกรัฐสภา ในการเสนอจัดการออกเสียงประชามติ แต่มองว่า ในทางเทคนิคนั้น กลไกรัฐสภา ก็อาจไม่ได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภา จึงควรใช้กลไกการใช้มติคณะรัฐมนตรีจัดการออกเสียงประชามติ โดยไม่ต้องผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา และทำให้การจัดการออกเสียงประชามติเกิดขึ้นจริง

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตต่อคณะกรรมการศึกษาแนวทางการจัดออกเสียงประชามติ ที่มนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ จะใช้เวลา และขั้นตอนมากไปหรือไม่นั้น นางสาวขัตติยา ยอมรับว่า อาจใช้เวลามาก แต่สิ่งที่เกิดขึ้น ก็เพื่อให้แน่ใจว่า รัฐธรรมนูญจะถูกยกร่างใหม่จริง เพราะที่ผ่านมา มีการตีความการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการตีความการจัดการออกเสียงประชามติ รวมถึงต้องอาศัยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จนทำให้การวินิจฉัยบางขั้นตอน ขัดต่อศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องชะงัก และเริ่มต้นใหม่ แต่พรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า การจัดการออกเสียงประชามติที่กำลังจะเกิดขึ้น จะเป็นการออกเสียงประชามติแบบเต็มใบ รับฟังความเห็นประชาชนทั้งที่มา และเนื้อหาอย่างแท้จริง


เช่นเดียวกับ นายอรรถกร ศิริลัทยากร สส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายยืนยันว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นสิ่งที่จำเป็น แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะต้องสอดคล้องกับเวลา และสถานการณ์ที่เหมาะสม ซึ่งความพยายามเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้  ได้เสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญได้ทั้งฉบับ ซึ่งรวมหมวด 1 รูปแบบรัฐ และหมวด 2 สถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย โดยที่พรรคพลังประชารัฐ จะไม่สนับสนุนการแก้ไขอย่างแน่นอน เพราะพรรคฯ มีจุดยืนเรื่องดังกล่าวชัดเจน พร้อมยังเชื่อมั่นว่า รัฐบาลมีความจริงใจ และตั้งใจที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้อย่างเป็นรูปธรรม เพราะมีการตั้งคณะกรรมการ และคณะอนุกรรมการเพิ่ม 2 ชุด ดังนั้น รัฐสภา จึงควรให้เวลารัฐบาล และอนุกรรมการ 2 คณะ ซึ่งหากกระบวนการไม่คืบหน้า พรรคพลังประชารัฐ ก็พร้อมใช้กลไกนิติบัญญัติเร่งรัดรัฐบาล แต่หากสภาฯ ให้ความเห็นชอบญัตติของพรรคก้าวไกลในวันนี้ (25 ต.ค.) ก็จะเป็นการทำงานข้ามหัวรัฐบาล และยังไม่สามารถทราบได้ว่า ก่อนที่มติจะไปถึงคณะรัฐมนตรี วุฒิสภาจะให้ความเห็นชอบหรือไม่ จึงควรให้เวลาได้ทำงานในการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ควบคู่กับการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน

นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทย ไม่เห็นด้วยกับญัตตินี้ของพรรคก้าวไกล และมั่นใจว่า หลังการลงมติ จะต้องมีความพยายามบิดเบือนว่า พรรคภูมิใจไทยไม่เห็นด้วยกับการทำประชามติ เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ขณะนี้ รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการที่มีที่มาหลากหลาย ขึ้นมาศึกษาหาแนวทางเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว แต่พรรคก้าวไกล กลับไม่เข้าร่วมคณะกรรมการชุดดังกล่าว จนต้องมาเสนอญัตตินี้ในที่ประชุมสภาฯ และพรรคภูมิใจไทย ไม่สามารถลงมติเห็นชอบกับญัตตินี้ได้ เพราะมีการระบุในคำถามประชามติให้มีการแก้ไขทั้งฉบับ อาจเป็นการผูกมัดให้มีการแก้ไขในหมวด 1 และหมวด 2 ด้วยก็ได้ จึงทำให้พรรคภูมิใจไทย ยอมรับญัตติดังกล่าวไม่ได้

แต่นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ชี้แจงสาเหตุกรณีที่พรรคก้าวไกล ไม่เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการศึกษาแนวทางการจัดออกเสียงประชามติ ที่นายภูมิธรรม เป็นประธานฯ นั้น เนื่องจาก กรรมการดังกล่าว เป็นการแต่งตั้งโดยฝ่ายบริหาร แต่พรรคก้าวไกล ทำหน้าที่ฝ่ายค้านในนิติบัญญัติ และไม่เชื่อวิธีคิด และกระบวนการของฝ่ายรัฐบาล ที่ผิดไปจากการหาเสียงสัญญากับประชาชน  โดยพยายามพิสูจน์ความจริงใจในการแก้รัฐธรรมนูญ โดยใช้กระบวนการนิติบัญญัตินั้น พรรคก้าวไกลมีความผิดหรือไม่

สอดคล้องกับ นายจุลพงศ์ อยู่เกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายแสดงความกังวล ถึงความไม่จริงใจของรัฐบาล ว่า ในการหาเสียงของบางพรรคการเมือง จะใช้คำสัญญาไปหาเสียงกับประชาชน ซึ่งพรรคแกนนำรัฐบาล ได้ประกาศนโยบายแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยการออกมติคณะรัฐมนตรี ในการประชุมครั้งแรก เพื่อจัดการออกเสียงประชามติ จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน โดย สสร.ที่มาจากการเลือกตั้ง โดยไม่ได้ระบุถึงการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษา

นายสรรเพชร บุญญามณี สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เห็นว่า รัฐบาลควรจะเร่งดำเนินการให้เป็นวาระเร่งด่วนของรัฐบาล ทั้งที่หลายพรรคเมืองในการหาเสียงเลือกตั้ง ที่ทุกพรรคเห็นพ้องว่า รัฐธรรมนูญควรได้รับแก้ไข โดยไม่แตะหมวด 1 และหมวด 2 แต่ก็ไม่ทราบวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของรัฐบาล ในการตั้งคณะกรรมการศึกษาแนวทางการจัดออกเสียงประชามตินั้น มีวัตถุประสงค์ใดกันแน่ เพราะคณะกรรมการดังกล่าวฯ ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่า จะศึกษาเสร็จเมื่อใด ดังนั้น จึงขอเตือนรัฐบาลว่า อย่านำรัฐธรรมนูญเป็นตัวประกัน และเป็นระเบิดเวลาตัวเอง เหมือนนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่รัฐบาลก็ยังตอบไม่ได้ว่า จะดำเนินการอย่างไร.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” นำค้นวัดไร่ขิง 3 จุด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด

นครปฐม 16 พ.ค.-“บิ๊กเต่า” นำกำลังตำรวจกองปราบบุกค้นวัดไร่ขิง 3 จุด หาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เอี่ยวคดียักยอกเงินวัด 300 ล้าน พร้อมนำหมายค้นบ้านประชาชน 1 จุด ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่วัด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด เวลา 07.00 น. พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ป.ป.ช. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ตรวจค้นภายในวัดไร่ขิงพระอารามหลวง มีทั้งหมด 3 จุด และบริเวณโดยรอบอีก 1 จุด ซึ่งจุดแรกในวัดไร่ขิงคือกุฏิของพระธรรมวชิรานุวัตร หรือเจ้าคุณแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงและเจ้าคณะภาค 14 โดยมีผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงเป็นผู้ที่นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในกุฎิ พร้อมสังเกตการณ์ ทันทีที่เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการถึงบริเวณหน้ากุฎิเจ้าอาวาส ได้ให้ตำรวจอ่านหมายค้น เพื่อเข้าตรวจสอบและยึดสิ่งของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในการกระทำความผิด ทั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือและเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปใช้ประกอบหลักฐานการสอบสวนไต่สวนมูลฟ้องในการพิจารณาความผิด ขณะที่พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากการอ่านหมายค้น ว่า วันนี้เป็นการตรวจค้นเกี่ยวกับเส้นเงินที่ไหลไปตามบัญชีต่างๆ มีใครเกี่ยวข้องบ้าง ต้องมีการเรียกสอบรายบุคคลพร้อมกับการตรวจค้น โดยหลักๆ ส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับเส้นเงินที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ โดยมุ่งเน้นไปยังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ […]

2 ผู้ต้องหามอบตัว คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์ม

ตรัง 16 พ.ค. – หัวหน้าแก๊ง พร้อมลูกน้องอีก 1 คน ก่อเหตุเผานั่งยาง 3 ศพในสวนปาล์มน้ำมัน จ.ตรัง ติดต่อขอมอบตัว หวั่นถูกวิสามัญ หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังไล่ล่า เช้านี้ ตำรวจ สภ.โคกนา เจ้าของพื้นที่คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์มน้ำมัน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ได้รับการประสานจากอดีตสมาชิกสภาจังหวัด ในพื้นที่อำเภอสิเกาว่า จะนำตัว 2 ผู้ต้องหาเข้ามอบตัว คือ นายศุภกรณ์ หรือบิน อายุ 37 ปี ชาวตำบลกะลาเส อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊ง และนายจรณชัย หรือแต้ม อายุ 32 ปี ชาวหมู่ 7 ตำบลน้ำผุด อำเภอเมือง จังหวัดตรัง เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งสองคน กังวลเรื่องความปลอดภัย หากหลบหนีต่อไป เกรงถูกวิสามัญฆาตกรรม หลังเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน ระดมปิดล้อมบ้านเขาหลัก […]

ลงนามถอดถอน “เจ้าคุณแย้ม” จากทุกตำแหน่ง

15 พ.ค.- เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ลงนามถอดถอน “เจ้าคุณแย้ม” จากหน้าที่ทุกตำแหน่ง เหตุถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวข้องกับคดีอาญา สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ลงนามในหนังสือ คำสั่งถอดถอนพระสังมาธิการ พระธรรมวชิรานุวัตร พักจากตำแหน่งหน้าที่ทุกตำแหน่ง ทั้งเจ้าคณะภาค 14 และ เจ้าอาวาสวัดไร่ชิงพระอารามหลวง หลังจากทราบเรื่องว่าถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวข้องกับคดีอาญา จึงได้อาศัยอำนาจตามความในข้อ 56 แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 (พ.ศ. 2553) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังมาธิการ ออกตามความในพระราชบัญญัติคุณะสูงณ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเดิมโดยพระราชบัญญัติคณะสงน์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 ให้เหตุผลว่า ถ้าจะให้คงอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ในระหว่างการสอบสวนจะเป็นการเสียหายแก่การคณะสงฆ์ .-สำนักข่าวไทย

เจ้าอาวาสวัดไร่ขิงยอมสึก คำให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี

15 พ.ค.- เจ้าอาวาสวัดไร่ขิงยอมลาสิกขาด้วยตัวเอง หลังถูกเค้นสอบนานกว่า 8 ชม. เบื้องต้นยอมให้การแล้ว คำให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ช่วงหนึ่งของการสอบปากคำ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้อุ้มพระพุทธรูป ปางสมาธิองค์สีดำ ถือเข้าไปไปยังห้องสอบสวนที่สอบปากคำพระธรรมวชิรานุวัตร (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง จังหวัดนครปฐม เจ้าคณะภาค 14 สังเกตพบว่ามีการนำพระพุทธรูปวางไว้บนโต๊ะบริเวณด้านหน้าของ พระธรรมวชิรานุวัตร โดยมีรายงานจากเจ้าหน้าที่ว่า พระธรรมวชิรานุวัตร ยอมทำพิธีลาสิกขาบทด้วยตัวเอง แต่ยังไม่เริ่มพิธีเนื่องจากรอชุดเสื้อผ้าเปลี่ยนหลังทำพิธีลาสิกขาบทแล้วเสร็จ ส่วนการสอบปากคำ เบื้องต้นทางพระธรรมวชิรานุวัตร ยอมให้การกับพนักงานสอบสวนแล้ว และให้การไปในทิศทางที่ดี ซึ่งปรากฏว่าทางพระธรรมวชิรานุวัตร ได้โอนเงินไปให้กับผู้ต้องหาที่ 2 เป็นจำนวนเงินหลักร้อยล้านบาท ในช่วงปี 2564 ซึ่งข้อมูลนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสอบปากคำหาข้อเท็จจริง ว่ามีการทำธุรกรรมด้วยสาเหตุใด แต่พบบางส่วนเข้าไปพัวพันกับเว็บการพนัน .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

2 ผู้ต้องหามอบตัว คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์ม

ตรัง 16 พ.ค. – หัวหน้าแก๊ง พร้อมลูกน้องอีก 1 คน ก่อเหตุเผานั่งยาง 3 ศพในสวนปาล์มน้ำมัน จ.ตรัง ติดต่อขอมอบตัว หวั่นถูกวิสามัญ หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังไล่ล่า เช้านี้ ตำรวจ สภ.โคกนา เจ้าของพื้นที่คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์มน้ำมัน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ได้รับการประสานจากอดีตสมาชิกสภาจังหวัด ในพื้นที่อำเภอสิเกาว่า จะนำตัว 2 ผู้ต้องหาเข้ามอบตัว คือ นายศุภกรณ์ หรือบิน อายุ 37 ปี ชาวตำบลกะลาเส อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊ง และนายจรณชัย หรือแต้ม อายุ 32 ปี ชาวหมู่ 7 ตำบลน้ำผุด อำเภอเมือง จังหวัดตรัง เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งสองคน กังวลเรื่องความปลอดภัย หากหลบหนีต่อไป เกรงถูกวิสามัญฆาตกรรม หลังเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน ระดมปิดล้อมบ้านเขาหลัก […]

นายกฯ ร่วมพิธีวางพวงมาลาอนุสาวรีย์วีรชนและผู้เสียสละบั๊กเซิน

เวียดนาม 16 พ.ค.-นายกฯ ร่วมพิธีวางพวงมาลาอนุสาวรีย์วีรชนและผู้เสียสละบั๊กเซิน รวมทั้งสุสานโฮจิมินห์ เน้นย้ำไทยให้ความสำคัญประวัติศาสตร์และมิตรภาพกับเวียดนาม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมพิธีวางพวงมาลา ณ อนุสาวรีย์วีรชนและผู้เสียสละบั๊กเซิน ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานสำคัญที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงวีรกรรมของนักปฏิวัติผู้เสียสละชีวิต เมื่อปี ค.ศ. 1940 ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของขบวนการต่อสู้ของเวียดนามภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดีโฮจิมินห์ โดยตั้งอยู่บนถนนบั๊กเซิน (Bạch Sơn Street) ในพื้นที่ใกล้กับจัตุรัสบาดิ่งห์ โดยออกแบบในสไตล์ศิลปะสังคมนิยม ที่ประกอบด้วยกลุ่มรูปปั้นนักรบปฏิวัติ แสดงถึงความกล้าหาญและความสามัคคีของนักต่อสู้เพื่อเอกราชของเวียดนาม หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีเดินทางต่อไปยังสุสานโฮจิมินห์ ตั้งอยู่ที่จัตุรัสบาดิ่งห์ สถานที่ซึ่งอดีตผู้นำโฮจิมินห์เคยอ่านคำประกาศเอกราชของเวียดนามในปี ค.ศ.1945 ออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมทรงอนุสรณ์สถาน โดยใช้หินอ่อนและหินแกรนิตคุณภาพสูง ผสมผสานระหว่างศิลปะสังคมนิยม กับเอกลักษณ์เวียดนาม โดยโฮจิมินห์เป็นบุคคลสำคัญของเวียดนาม ผู้ได้รับการยกย่องในฐานะ “บิดาแห่งชาติ” ที่นำพาประเทศสู่การประกาศเอกราช และเป็นผู้ประกาศก่อตั้งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ทั้งนี้ การเข้าร่วมพิธีวางพวงมาลา ณ สถานที่สำคัญของเวียดนามครั้งนี้ แสดงถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยและเวียดนาม ตลอดจนการให้ความสำคัญต่อประวัติศาสตร์และการเมืองของประเทศพันธมิตรที่สำคัญของไทยอย่างเวียดนาม จากนั้น เวลา 10.00 น. นายกรัฐมนตรีและคณะจะเข้าร่วมประชุมหารือทวิภาคีกลุ่มเล็ก กับนายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ณ ทำเนียบรัฐบาล.-314.-สำนักข่าวไทย

“เปรมชัย” นั่งวีลแชร์ เข้ามอบตัว กรณีตึกกำลังสร้าง สตง. ถล่ม

กทม. 16 พ.ค.-“เปรมชัย” ผู้บริหารบริษัทอิตาเลียนไทย นั่งวีลแชร์ เข้ามอบตัวพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ กรณีตึกกำลังสร้าง สตง. ถล่ม ด้านวิศวกร ผู้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้าง ทยอยเข้ามอบตัวเช่นกัน เวลา 08.00 น. นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการผู้จัดการบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ผู้ประมูลโครงการก่อสร้างหลัก อาคาร สตง.แห่งใหม่ ซึ่งพังถล่มเมื่อวันที่ 28 มีนาคม จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว และตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ฐาน “เป็นผู้มีวิชาชีพในการออกแบบ ควบคุม หรือทำการก่อสร้าง ซ่อมแซมหรือรื้อถอนอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใดๆ ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ หรือวิธีการอันพึงกระทำการนั้นๆ โดยประการที่น่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่น เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย” อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 227 , 238 นายเปรมชัย นั่งวีลแชร์ มีพยาบาลส่วนตัวประกบ เดินทางมาที่ สน.บางซื่อ พร้อมทนายความและญาติ เพื่อเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผู้บริหารบริษัทกิจการร่วมค้า รวมถึงกลุ่มวิศวกร อีก 13 […]

“บิ๊กเต่า” นำค้นวัดไร่ขิง 3 จุด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด

นครปฐม 16 พ.ค.-“บิ๊กเต่า” นำกำลังตำรวจกองปราบบุกค้นวัดไร่ขิง 3 จุด หาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เอี่ยวคดียักยอกเงินวัด 300 ล้าน พร้อมนำหมายค้นบ้านประชาชน 1 จุด ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่วัด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด เวลา 07.00 น. พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ป.ป.ช. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ตรวจค้นภายในวัดไร่ขิงพระอารามหลวง มีทั้งหมด 3 จุด และบริเวณโดยรอบอีก 1 จุด ซึ่งจุดแรกในวัดไร่ขิงคือกุฏิของพระธรรมวชิรานุวัตร หรือเจ้าคุณแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงและเจ้าคณะภาค 14 โดยมีผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงเป็นผู้ที่นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในกุฎิ พร้อมสังเกตการณ์ ทันทีที่เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการถึงบริเวณหน้ากุฎิเจ้าอาวาส ได้ให้ตำรวจอ่านหมายค้น เพื่อเข้าตรวจสอบและยึดสิ่งของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในการกระทำความผิด ทั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือและเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปใช้ประกอบหลักฐานการสอบสวนไต่สวนมูลฟ้องในการพิจารณาความผิด ขณะที่พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากการอ่านหมายค้น ว่า วันนี้เป็นการตรวจค้นเกี่ยวกับเส้นเงินที่ไหลไปตามบัญชีต่างๆ มีใครเกี่ยวข้องบ้าง ต้องมีการเรียกสอบรายบุคคลพร้อมกับการตรวจค้น โดยหลักๆ ส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับเส้นเงินที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ โดยมุ่งเน้นไปยังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ […]