กองบัญชาการกองทัพไทย 11 ต.ค.- “สุทิน” ยันทอ.พร้อมส่งแอร์บัส 340รับคนไทย 15 ต.ค. ขอฝ่ายค้านเข้าใจอิสราเอลอยู่ในภาวะสงคราม การเข้าไปอพยพต้องได้รับอนุญาต ส่วนที่ถูกจับเป็นตัวประกัน ยังไม่ได้รับการปล่อยตัว แต่ปลอดภัยทุกคน
นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมตรวจเยี่ยมกองบัญชาการกองทัพไทย โดยมีพล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พร้อมผู้บัญชาการทหารเหล่าทัพ ผู้แทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายทหารชั้นผู้ใหญ่ร่วมการต้อนรับ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมตรวจแถวกองทหารเกียรติยศผสมทั้ง 3 เหล่าทัพ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวต้อนรับพร้อมบรรยายสรุปการปฏิบัติงานที่สำคัญของกองบัญชาการกองทัพไทย และหารือในประเด็นต่าง ๆ ซึ่งโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้มอบนโยบายการปฏิบัติงาน
นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอลว่า การจะเข้าไปในพื้นที่อิสราเอลได้ต้องได้รับอนุญาตจากทางการอิสราเอลก่อน ซึ่งขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศได้ประสานกับทางการอิสราเอลอยู่ตลอด และได้รับอนุญาตแล้ว โดยวันที่ 12 ต.ค. จะมีคนไทยล็อตแรก กลับมาถึงไทยจำนวน 15 คนด้วยเครื่องบินพาณิชย์ และวันที่ 15 ต.ค. กองทัพอากาศได้วางแผนกับทางการอิสราเอลส่งเครื่องบิน แอบัส A340 ไปรับคนไทยอีก 140 คน
“คณะทำงานระดับนโยบายของทุกกระทรวงได้หารือแล้วเห็นตรงกันว่าอาจมีความจำเป็นต้องผสมผสานการช่วยเหลือทั้งจากเครื่องบินกองทัพและเครื่องบินพาณิชย์แบบเช่าเหมาลำ เพราะลำพังเพียงกองทัพอากาศอาจจะทำให้การช่วยเหลือล่าช้าไม่ทัน เพราะตอนนี้มีคนไทยในอิสราเอลที่แสดงความต้องการเดินทางกลับร่วม 3,000 คน แต่ตอนนี้ได้รับการยืนยันให้ส่งเครื่องบินเข้าอิสราเอล 1 เที่ยว ในวันที่ 15 ต.ค. ตอนแรกวางแผนว่าผมและนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จะเดินทางไปด้วย แต่หลังจากการพิจารณารอบด้านแล้วเห็นว่าควรต้องพักไว้ก่อน เนื่องจากเกรงว่าจะไปเป็นภาระและแย่งที่นั่งผู้โดยสาร” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าว
ส่วนที่ฝ่ายค้านวิจารณ์ว่าแรงงานภายในอิสราเอลส่วนใหญ่เป็นคนอีสานแต่การช่วยเหลือกลับเป็นไปยังล่าช้า ทั้งที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมก็เป็นส.ส.อีสาน นายสุทิน กล่าวว่า การเข้าไปช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอลจะช้าหรือเร็วไม่ได้ขึ้นอยู่กับฝั่งไทยเท่านั้น อยากให้ฝ่ายค้านและสังคมเข้าใจว่ากองทัพเตรียมพร้อมเครื่องบินมาหลายวันแล้ว และรัฐมนตรีหลายคนพร้อมเดินทางไปด้วย แต่ไปไม่ได้
“ต้องเห็นใจรัฐบาลอิสราเอลที่ตอนนี้อยู่ในภาวะสงคราม หากไปก็อาจจะเกะกะในทางยุทธการได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ และแม้ว่ารัฐบาลจะยังไม่สามารถส่งเครื่องบินไปรับคนไทยได้ แต่ผู้ช่วยทูตทหาร รวมถึงสถานเอกอัครราชทูตของไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้ให้การช่วยเหลือเคลื่อนย้ายคนไทยในพื้นที่เสี่ยงภัยที่มีความอันตรายมากไปยังจุดที่อันตรายน้อยอยู่” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าว
ส่วนการช่วยเหลือคนไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกันนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมยืนยันว่ามีความคืบหน้า มีการประสานอยู่ตลอด และได้รับการยืนยันที่น่าเชื่อถือในระดับหนึ่งว่าตัวประกันทุกคนยังปลอดภัย แต่ยังไม่ได้รับการปล่อยตัว ซึ่งเรื่องนี้เป็นหน้าที่หลักของอิสราเอลที่การดำเนินการ ส่วนรัฐบาลไทยก็ทำทุกทาง บางเรื่องก็พูดได้บางเรื่องก็พูดไม่ได้ แต่ช่วยอย่างเต็มที่.-สำนักข่าวไทย