ก.ต่างประเทศ 10 ต.ค.-กต. เผยคนไทยลอตแรกถึงสุวรรณภูมิ 12 ต.ค. รอบสอง ทอ.ส่ง Airbus-340 อพยพ 140 คนถึงไทย 16 ต.ค.นี้ ส่วนลอตสามสายการบินพาณิชย์รับ 80 คนถึง 18 ต.ค. แจ้งประสงค์กลับกว่า 3 พัน อยู่ทำงานต่อ 52 ส่วนที่กลับมาก่อนเป็นการเดินทางกลับเอง
นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยผลการประชุมศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉินร่วมกับเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล โดยมีนายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุม ว่า รัฐบาลและกองทัพอากาศเตรียมส่งเครื่องบินของกองทัพอากาศชนิดแอร์บัส-340 ถึงกรุงเทลอาวีฟ ในวันอาทิตย์ที่ 15 ตุลาคมนี้ สามารถรองรับแรงงานที่จะกลับประเทศไทยได้ 140 คน โดยจะยังไม่รับร่างผู้เสียชีวิต เนื่องจากต้องรอทางการอิสราเอลพิสูจน์อัตลักษณ์ เพื่อการชดเชยเยียวยาก่อน หลังจากนี้กองทัพอากาศได้เตรียมเครื่องบินลำเลียง C 130 ไว้ 5 เครื่อง พร้อมจัดทำตารางกำหนดเที่ยวบินไว้แล้ว โดยจะประสานกับสถานเอกอัครราชทูตไทย กรุงเทลอาวีฟ และกระทรวงการต่างประเทศ จะขออนุญาตบินข้ามน่านฟ้าประเทศต่าง ๆ ต่อไป โดยคาดหวังว่าจะดำเนินการให้ลุล่วงได้โดยเร็ว
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ส่วนการอพยพในวันที่ 18 ตุลาคม จะเดินทางโดยสายการบินพาณิชย์ จำนวน 80 คน ซึ่งการดำเนินการเรื่องอพยพ จะให้ความช่วยเหลือพลเมืองไทยในอิสราเอลที่อยู่ในพื้นที่สีแดงก่อน โดยคำนึงถึงความจำเป็น และความปลอดภัยในการอพยพเป็นหลัก จะต้องจัดให้คนไทยที่อยู่ในอิสราเอล เดินทางมาที่กรุงเทลอาวีฟให้ได้ ขณะนี้มีผู้แสดงความประสงค์เดินทางกลับประเทศไทย 3,862 คนแล้ว ส่วนที่ไม่ขอเดินทางกลับ 52 คน บางคนเปลี่ยนใจประสงค์อยู่ในอิสราเอลเพื่อทำงานต่อ
สำหรับการช่วยเหลือคนไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกัน จำนวน 11 คน นางกาญจนา กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศได้ประสานขอความช่วยเหลือจากทูตประเทศต่าง ๆ รวมถึงประสานองค์กรและองค์การระหว่างระเทศ เช่น สหประชาชาติ โดยจะพยายามดำเนินการให้รอบด้าน เพื่อช่วยเหลือคนไทยที่ถูกจับตัวเป็นประกันให้ได้
ส่วนกรณีที่มีคนไทยเดินทางกลับมาก่อนในวันนี้(10 ต.ค.) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงว่า เป็นการเดินทางกลับมาเองโดยสายการบินพาณิชย์ แต่ขณะนี้ ในอิสราเอลเป็นภาวะสงคราม จึงลดและยกเลิกเที่ยวบิน ซึ่งผู้ที่อยู่ในพื้นที่ปลอดภัย และสามารถเดินทางกลับได้ จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายการเดินทางกลับได้เอง แต่หากเดินทางกลับพร้อมกับสถานเอกอัครราชทูตไทย จะไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ เนื่องจากกระทรวงการต่างประเทศจะขออนุมัติงบประมาณกลางของนายกรัฐมนตรี
“ส่วนที่หลายประเทศทยอยเดินทางเข้าไปรับพลเมืองของตนกลับประเทศได้ก่อนนั้น เนื่องจากพลเมืองดังกล่าวส่วนใหญ่ไม่ใช่แรงงาน แต่เป็นนักท่องเที่ยว ซึ่งรัฐบาลพยายามประสานอิสราเอลมาโดยตลอด และจะต้องทำเรื่องไปยังประเทศต่าง ๆ เพื่อขอผ่านน่านฟ้าประเทศนั้น ๆ ด้วย
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า สรุปแผนการอพยพคนไทยจากอิสราเอล ชุดแรก 15 คน เดินทางโดยสายการบินอิสราเอลแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ LY083 ออกจากกรุงเทลอาวีฟวันที่ 11 ต.ค.2566 เวลา 21.45 น. ถึงประเทศไทย 12 ต.ค. 2566 เวลา 10.45 น. ที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ชุดที่ 2 จำนวน 140 คน ออกจากกรุงเทลอาวีฟวันที่ 15 ต.ค.2566 และถึงประเทศไทยโดยเครื่องบิน Air Bus-340 ของกองทัพอากาศวันที่ 16 ต.ค.2566 ชุดที่ 3 จำนวน 80 คน เดินทางโดยสายการบินพาณิชย์ ออกจากกรุงเทลอาวีฟวันที่ 18 ต.ค. 2566 ถึงประเทศไทยวันที่ 19 ต.ค. 2566 ทั้งนี้ ในส่วนของกองทัพอากาศเตรียมเครื่องบิน C-130 จำนวน 5 ลำ พร้อมรับคนไทยกลับประเทศ โดยรอการประสานขอบินผ่านน่านฟ้าประเทศต่าง ๆ .-สำนักข่าวไทย