“ชลน่าน” กังวลหากเสนอ “บิ๊กป้อม” แข่ง อาจได้เกิน 375 เสียง

พรรคเพื่อไทย 14 ก.ค.- “ชลน่าน” รับกังวลขั้วรัฐบาลเดิมอาจเสนอชื่อ “บิ๊กป้อม” แข่งโหวตนายกฯ รอบ 2 ชี้มีโอกาสได้เกิน 375 เสียง รอคุย 8 พรรคร่วมฯ ยังเสนอ “พิธา” ชิงนายกฯ หรือไม่ เชื่อไม่มีทางตัน


นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความกังวลว่าจะมีการเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ขึ้นมาแข่งในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 2 ว่า เป็นความกังวลและห่วงใยของตัวเอง ถ้ามีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริง มีข้อกังวลถึงผลโหวตที่จะให้กับคู่แข่งอาจเกิดผลสัมฤทธิ์ขึ้นมาทันทีจาก 188 เสียง ถ้าเขารวมกันแน่น แล้วบวกกับเสียง ส.ว. ก็มีโอกาสเกิน 375 เสียง

ส่วนจะดันชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยยังเคารพสิทธิของก้าวไกล ในฐานะเป็นพรรคอันดับหนึ่งในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะฉะนั้นจะดันหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับพรรคก้าวไกล ที่จะเสนอในการพูดคุยระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย และระหว่างการพูดคุย 8 พรรคร่วมฯ


เมื่อถามว่า ดูแล้วเสียง ส.ว. ท่าจะยาก นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ไม่มีอะไรง่าย โดยเฉพาะการเมืองที่ไม่ปกติอย่างที่พรรคก้าวไกลพูด แต่บนพื้นฐานของความเป็นไปได้ ถ้าคาดการณ์ว่าอะไรจะเกิดขึ้นแล้ว เราสูญเสียไป คงเป็นสิ่งที่ต้องมาปรึกษาหารือกัน ว่าจะป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอย่างไร เปรียบเสมือนว่า รู้อยู่แล้วว่าจะมีการโหวตในวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ โดยไม่มีหลักหรือไม่มั่นใจ แล้วมีคนแข่ง ก็จะเป็นอย่างที่ตั้งสมมติฐานกันว่า เราอาจจะแพ้ ดังนั้น ต้องมาพูดคุยกันว่าจะทำอย่างไร

ส่วนในการพูดคุยระหว่างพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย จะมีข้อเสนอเปลี่ยนชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในการโหวตครั้งที่ 2 หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า อยู่ที่ข้อเสนอและการพูดคุย

ส่วนหากพรรคก้าวไกล ยังยืนยันจะเสนอชื่อนายพิธา พรรคเพื่อไทยจะแสดงท่าทีอย่างไร นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ต้องให้สิทธิกับพรรคก้าวไกล พรรคอันดับหนึ่งที่เป็นแกนนำ พรรคเพื่อไทยลง MOU ไปแล้ว และชัดเจนจะสนับสนุนจนสุดความสามารถ ซึ่งยังยืนยันอยู่


เมื่อถามถึงนิยามคำว่า สุดความสามารถ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ไม่มีคำนิยาม ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจ ความเป็นเหตุเป็นผล ถ้าทำถึงที่สุดแล้วก้าวไกลเห็นชอบ ภาพรวมไม่มีผลกระทบ ไม่มีผลเสียหาย ถ้าจบได้นั่นคือนิยามคำว่าถึงที่สุด พร้อมย้ำว่า ขณะนี้ที่ยังไม่พูดคุยกันว่าจะยังเสนอชื่อนายพิธาในรอบสอง แต่หากมีข้อสรุปแล้วก็จะเป็นไปตามสิ่งที่พูดคุยกัน ขณะเดียวกันมองว่า เรื่องเงื่อนไขข้อบังคับที่ว่า ญัตติที่ตกไปแล้วจะเสนอซ้ำไม่ได้ ในมุมเราคิดว่าไม่ใช่เรื่องจำเป็นและสำคัญ แต่หากท่านอื่นจะยกมาก็เป็นเรื่องที่สภาฯ จะต้องพิจารณา ส่วนฝ่ายเราที่มีความมุ่งมั่นจะเสนอในญัตติเดิม ก็ต้องหาเหตุผลมาหักล้างให้ได้

ส่วนความพอใจที่ว่า จุดของความพอใจอยู่ตรงไหน และความพอใจหลักยังอยู่ที่ประชาชนอยู่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เรื่องนิยามความพึงพอใจของนักการเมืองและพรรคการเมืองจะอยู่เหนือประชาชนและประเทศชาติไปไม่ได้ จะทำอะไรจนเป็นเหตุให้ประชาชนเดือดร้อน ประเทศเสียหายคงไม่ได้ ไม่ใช่ว่าผมพอใจที่จะทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ และเกิดความเสียหาย คงเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม คงไม่น่าจะเป็นสิ่งที่ต้องสนับสนุนกันในเรื่องอย่างนั้น

ทั้งนี้ ถึงเวลาของพรรคอันดับสองแล้วหรือไม่ หลังพรรคอันดับหนึ่งดูเหมือนว่าน่าจะไม่ได้เสียงสนับสนุนถึงเป้า นพ.ชลน่าน กล่าวว่า 8 พรรคร่วมฯ คำนึงถึงผลที่จะเกิดขึ้น ถ้าโหวตวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ ไม่ใช่ชื่อนายพิธา แต่เป็นชื่ออื่น ไม่ได้อยู่ในนาม 8 พรรคร่วมฯ นั่นคือความต้องการ ความคาดหวังของประชาชนถูกทำลายทันที ทั้งนี้ ไม่มีคำว่า 8 พรรคร่วมฯ “อาจจะ” เสนอชื่ออื่น อยู่ที่การพูดคุย

เมื่อถามถึงข้อเสนอของนายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า หากแก้ไขมาตรา 272 ไม่ได้ ให้ถอยไปเป็นฝ่ายค้าน นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ก็เป็นความเห็นของผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคก้าวไกล เขาจะปฏิบัติหรือไม่ เราไม่ทราบ แต่เราไม่มีข้อผูกมัดอะไร ที่จะเป็นหรือไม่เป็นฝ่ายค้าน เพราะประชาชนเสียงข้างมากเลือกให้มาเป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาล ไม่ได้เลือกให้มาเป็นฝ่ายค้าน และไม่ขอให้ความเห็น หรือวิพากษ์วิจารณ์ สิ่งที่นายปิยบุตร ระบุว่า ให้ยอมเป็นแกะดำใน 4 ปีนี้ เพื่อให้ 4 ปีข้างหน้าจะได้คะแนนเสียงมากกว่า 20 ล้านเสียง

ส่วนการพูดคุยระหว่างพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย จะชัดเจนหรือไม่ว่า 8 พรรคร่วมฯ จะส่งชื่อใครชิงนายกรัฐมนตรี นพ.ชลน่าน กล่าวว่า คงต้องรอข้อสรุปก่อน เพราะถ้าเราไม่ชัดเจน เมื่อถึงวันที่ 19 กรกฎาคม อีกฝ่ายหนึ่งมีเจตนาที่จะเสนอคู่แข่ง และเดินเข้าไปสู่กับดักตรงนั้น เท่ากับเรายอมรับความพ่ายแพ้ เราเอาความหวังของประชาชน 25 ล้านเสียง ไปทลายอยู่ตรงนั้น เชื่อว่าประชาชนรับไม่ได้

เมื่อถามว่า 25 ล้านเสียงของประชาชน เป็นฉันทามติให้ 8 พรรคจัดตั้งรัฐบาล หรือเป็นฉันทามติเพื่อให้นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี นพ.ชลน่าน กล่าวว่า นายพิธาเป็นหัวหน้าพรรคอันดับหนึ่ง เป็นผู้รวบรวมได้ 312 เสียง และในเชิงสัญลักษณ์ ประชาชน 14 ล้านเสียง สนับสนุนเขา และ 27 ล้านเสียง ที่รวมตัวแทนประชาชนที่เลือกเข้ามา นั่นหมายความว่า ประชาชนเลือกนายพิธา

ส่วนที่มีการพูดกันว่า ถ้ามีก้าวไกล ยังไง ส.ว.ก็ไม่เลือก นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เท่าที่รู้เป็นเพียงความคิดเห็นของ ส.ว.บางคน พร้อมปฏิเสธไม่ทราบกระแสข่าวว่า พรรคเพื่อไทยไปดิว ส.ว.ได้ประมาณ 40 เสียง

เมื่อถามว่า ขณะนี้ยังมีทางไปต่อ หรือเป็นทางตัน สำหรับการโหวตนายกรัฐมนตรี นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ไม่มีทางตัน ประเทศชาติต้องมีนายกรัฐมนตรี ต้องมีรัฐบาล ประชาชนต้องมีโอกาส

“เชื่อว่า ทุกฝ่ายไม่ปิดทางตันให้กับประเทศและประชาชน ส่วนจะมีแนวโน้มในการพูดคุยกับ ส.ส. ขั้วรัฐบาลเดิมหรือไม่นั้น สิ่งที่เกิดขึ้นจากการประชุมเมื่อวานเป็นเหตุนำเข้าแห่งการพูดคุย เพราะเรามุ่งหวังเสียง 376 เสียง เป็นรัฐบาลของประชาชน และอะไรที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้ไปไม่ถึง ก็ต้องนำมาวิเคราะห์พูดคุย ว่าจะแก้เหตุตรงนั้นได้อย่างไร” นพ.ชลน่าน กล่าว

ส่วนที่พรรคก้าวไกลไม่ลดเพดานแก้มาตรา 112 และจะเสนอแก้มาตรา 272 ปิดสวิตช์ ส.ว. นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เรื่องมาตรา 112 เป็นเรื่องที่ประกาศชัดเจนเป็นนโยบาย ดังนั้นเขาต้องมีจุดยืนในตรงนี้ เราต้องเคารพสิทธิเสรีภาพในการดำเนินการนโยบาย เราคงไม่ก้าวล่วง ที่จะขอให้ลดหรือไม่ลดอย่างไร ส่วนเรื่องแก้มาตรา 272 นั้น ยังไม่ได้พูดคุย ซึ่งต้องมาพูดคุยหาแนวทางร่วมกัน และคงต้องไปถาม ส.ว. ว่าเรื่องนี้จะยิ่งสร้างความไม่พอใจให้หรือไม่ เพราะอาจจะมี ส.ว.บางคนที่สบายใจก็ได้ เพราะมีช่องทางที่จะปลดเขาออกจากพันธนาการ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน-ตอ.-ใต้ตะวันตก ฝนฟ้าคะนอง

กรุงเทพฯ 14 ส.ค. – กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณ จ.บึงกาฬ สกลนคร นครพนม จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชน โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดบึงกาฬ สกลนคร นครพนม จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาว และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร […]

EOD ลุยค้นหาจรวด หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง

13 ส.ค. – EOD ลุยค้นหา-เก็บกู้จรวดในพื้นที่บุรีรัมย์-ศรีสะเกษ หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง ขณะที่คณะ ICRC ลงพื้นที่เก็บข้อมูลผลกระทบเหตุปะทะ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด EOD ลงพื้นที่ตรวจสอบไร่ยางพาราของชาวบ้านและอีกหลายจุด ในเขต ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบหลุมต้องสงสัยอยู่ในที่ดินของตัวเอง จากการตรวจสอบพบสะเก็ดระเบิด และอีกหลายจุดพบเป็นหลุมคล้ายหลุมจรวด BM21 ที่ตกลงมา เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และต้องใช้ความระมัดระวัง ขณะที่ชาวบ้านที่เพิ่งเข้ามาอยู่บ้าน ยังไม่มั่นใจกับสถานการณ์ โดยเฉพาะหลังมีทหารเหยียบทุ่นระเบิดเป็นรายที่ 5 EOD เร่งตรวจสอบ–กู้ระเบิดกระสุนปืนใหญ่ชายแดน ส่วนที่ศรีสะเกษเจ้าหน้าที่ EOD สนธิกำลัง ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีพบกระสุนปืนใหญ่ตกในเขต ต.เสาธงชัย และ ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดน เบื้องต้นพบ 7 จุด บริเวณสวนยางพาราและใกล้เขตชุมชน โดยส่วนใหญ่เป็นลูกกระสุนปืนใหญ่ขนาด 100 มิลลิเมตร เจ้าหน้าที่ได้ทำการขุดตรวจพิสูจน์ พบว่าหลายลูกระเบิดไปแล้ว เหลือเพียงเศษซาก และยังพบอีก 1 จุดในพื้น […]

อึ้งพระอยู่กับสีกา เปิดบนรถเจอกองทิชชูใช้แล้ว

สกลนคร 13 ส.ค. – วงการผ้าเหลืองฉาวอีก ตำรวจตรวจรถเก๋งคันหนึ่งจอดอยู่ข้างทาง พบพระกับสีกาอยู่ด้วยกัน 2 ต่อ 2 คุยไปคุยมา สุดท้ายไปจบที่ลาสิกขา หลังตำรวจ สภ.ขมิ้น จ.สกลนคร ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน พบรถเก๋งต้องสงสัยสีดำ จอดผิดปกติบริเวณ ริมคลอง บ.พาน ต.ขมิ้น อ.เมือง จ.สกลนคร เมื่อเข้าไปตรวจสอบ ตำรวจต้องอึ้ง เมื่อเจอพระอยู่กับสีกา 2 ต่อ 2 ในรถ ต่อมาทราบว่า คือ พระชัยณรงค์ อายุ 53 ปี สังกัด วัดแห่งหนึ่ง อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ จึงเชิญตัวไปยังวัดใกล้เคียงที่เกิดเหตุ เพื่อทำพิธีลาสิกขา และนำตัวมาตรวจปัสสาวะ ผลไม่พบสารเสพติด แต่รถที่พระเเละสีกาดังกล่าวอยู่ด้วยกัน พบเป็นรถที่ถูกสวมทะเบียน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบ คืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยัง สภ.ขมิ้น พบรถเก๋งคันดังกล่าวจอดอยู่บริเวณสถานที่เก็บของกลาง กระจกด้านข้างและด้านหลังติดฟิล์มดำสนิท แต่ด้านหน้าฟิล์มใสมองเห็นถึงภายใน ที่เบาะนั่งข้างคนขับ ยังพบกองจีวรของทิดชัยณรงค์ […]

สถานการณ์ชายแดนสุ่มเสี่ยงปะทะรอบ 2

สุรินทร์ 13 ส.ค. – กระแสข่าวจากหลายฝ่ายยืนยันตรงกันว่าระยะ 2 วันนี้ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จะเพิ่มความตึงเครียด สุ่มเสี่ยงที่จะมีการปะทะรอบ 2 ฝ่ายปกครอง จ.สุรินทร์ จึงแจ้งเตือนไปยังกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ให้ลูกบ้านเตรียมพร้อมรองรับเหตุฉุกเฉิน ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศ ในหมู่บ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือน พบว่า หลายครอบครัวเพิ่งกลับเข้าพื้นที่ 1-2 วัน หลังอพยพหนีภัยการสู้รบในห้วงวันที่ 24 – 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ได้รับข่าวไม่สู้ดีนัก เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง แจ้งให้เตรียมความพร้อม เก็บสัมภาระไว้เพื่อรองรับสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงการปะทะ รอบ 2 ซึ่งอาจรุนแรงมากกว่ารอบแรก ทำให้ชาวบ้านหลายคนต่างตื่นตระหนก ต้องการอพยพไปอยู่นอกพื้นที่ แต่เมื่อผู้นำหมู่บ้านทำความเข้าใจ ก็คลายความกังวลลงบ้าง โดยสื่อสารข้อความจากนายอำเภอพนมดงรักว่า รอให้มีเสียงปะทะกันเกิดขึ้นก่อน จึงให้อพยพ ซึ่งชาวบ้านก็เชื่อฟัง เพราะส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าจะอพยพไปที่ไหน เพราะยังไม่มีการเปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว ขณะที่หญิงคนหนึ่งติดอยู่ในพื้นที่สู้รบ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือนตลอดห้าวัน เพราะเป็นห่วงวัวที่เลี้ยงไว้ จึงอาศัยอยู่ในกระต๊อบพร้อมญาติรวมสี่คน และประเมินสถานการณ์ว่า น่าจะปลอดภัย เพราะวิถีกระสุนไปตกไกลกว่า จึงได้ยินเสียงปะทะอย่างชัดเจน […]