“ชลน่าน” กังวลหากเสนอ “บิ๊กป้อม” แข่ง อาจได้เกิน 375 เสียง

พรรคเพื่อไทย 14 ก.ค.- “ชลน่าน” รับกังวลขั้วรัฐบาลเดิมอาจเสนอชื่อ “บิ๊กป้อม” แข่งโหวตนายกฯ รอบ 2 ชี้มีโอกาสได้เกิน 375 เสียง รอคุย 8 พรรคร่วมฯ ยังเสนอ “พิธา” ชิงนายกฯ หรือไม่ เชื่อไม่มีทางตัน


นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความกังวลว่าจะมีการเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ขึ้นมาแข่งในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 2 ว่า เป็นความกังวลและห่วงใยของตัวเอง ถ้ามีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริง มีข้อกังวลถึงผลโหวตที่จะให้กับคู่แข่งอาจเกิดผลสัมฤทธิ์ขึ้นมาทันทีจาก 188 เสียง ถ้าเขารวมกันแน่น แล้วบวกกับเสียง ส.ว. ก็มีโอกาสเกิน 375 เสียง

ส่วนจะดันชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยยังเคารพสิทธิของก้าวไกล ในฐานะเป็นพรรคอันดับหนึ่งในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะฉะนั้นจะดันหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับพรรคก้าวไกล ที่จะเสนอในการพูดคุยระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย และระหว่างการพูดคุย 8 พรรคร่วมฯ


เมื่อถามว่า ดูแล้วเสียง ส.ว. ท่าจะยาก นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ไม่มีอะไรง่าย โดยเฉพาะการเมืองที่ไม่ปกติอย่างที่พรรคก้าวไกลพูด แต่บนพื้นฐานของความเป็นไปได้ ถ้าคาดการณ์ว่าอะไรจะเกิดขึ้นแล้ว เราสูญเสียไป คงเป็นสิ่งที่ต้องมาปรึกษาหารือกัน ว่าจะป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอย่างไร เปรียบเสมือนว่า รู้อยู่แล้วว่าจะมีการโหวตในวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ โดยไม่มีหลักหรือไม่มั่นใจ แล้วมีคนแข่ง ก็จะเป็นอย่างที่ตั้งสมมติฐานกันว่า เราอาจจะแพ้ ดังนั้น ต้องมาพูดคุยกันว่าจะทำอย่างไร

ส่วนในการพูดคุยระหว่างพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย จะมีข้อเสนอเปลี่ยนชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในการโหวตครั้งที่ 2 หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า อยู่ที่ข้อเสนอและการพูดคุย

ส่วนหากพรรคก้าวไกล ยังยืนยันจะเสนอชื่อนายพิธา พรรคเพื่อไทยจะแสดงท่าทีอย่างไร นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ต้องให้สิทธิกับพรรคก้าวไกล พรรคอันดับหนึ่งที่เป็นแกนนำ พรรคเพื่อไทยลง MOU ไปแล้ว และชัดเจนจะสนับสนุนจนสุดความสามารถ ซึ่งยังยืนยันอยู่


เมื่อถามถึงนิยามคำว่า สุดความสามารถ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ไม่มีคำนิยาม ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจ ความเป็นเหตุเป็นผล ถ้าทำถึงที่สุดแล้วก้าวไกลเห็นชอบ ภาพรวมไม่มีผลกระทบ ไม่มีผลเสียหาย ถ้าจบได้นั่นคือนิยามคำว่าถึงที่สุด พร้อมย้ำว่า ขณะนี้ที่ยังไม่พูดคุยกันว่าจะยังเสนอชื่อนายพิธาในรอบสอง แต่หากมีข้อสรุปแล้วก็จะเป็นไปตามสิ่งที่พูดคุยกัน ขณะเดียวกันมองว่า เรื่องเงื่อนไขข้อบังคับที่ว่า ญัตติที่ตกไปแล้วจะเสนอซ้ำไม่ได้ ในมุมเราคิดว่าไม่ใช่เรื่องจำเป็นและสำคัญ แต่หากท่านอื่นจะยกมาก็เป็นเรื่องที่สภาฯ จะต้องพิจารณา ส่วนฝ่ายเราที่มีความมุ่งมั่นจะเสนอในญัตติเดิม ก็ต้องหาเหตุผลมาหักล้างให้ได้

ส่วนความพอใจที่ว่า จุดของความพอใจอยู่ตรงไหน และความพอใจหลักยังอยู่ที่ประชาชนอยู่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เรื่องนิยามความพึงพอใจของนักการเมืองและพรรคการเมืองจะอยู่เหนือประชาชนและประเทศชาติไปไม่ได้ จะทำอะไรจนเป็นเหตุให้ประชาชนเดือดร้อน ประเทศเสียหายคงไม่ได้ ไม่ใช่ว่าผมพอใจที่จะทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ และเกิดความเสียหาย คงเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม คงไม่น่าจะเป็นสิ่งที่ต้องสนับสนุนกันในเรื่องอย่างนั้น

ทั้งนี้ ถึงเวลาของพรรคอันดับสองแล้วหรือไม่ หลังพรรคอันดับหนึ่งดูเหมือนว่าน่าจะไม่ได้เสียงสนับสนุนถึงเป้า นพ.ชลน่าน กล่าวว่า 8 พรรคร่วมฯ คำนึงถึงผลที่จะเกิดขึ้น ถ้าโหวตวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ ไม่ใช่ชื่อนายพิธา แต่เป็นชื่ออื่น ไม่ได้อยู่ในนาม 8 พรรคร่วมฯ นั่นคือความต้องการ ความคาดหวังของประชาชนถูกทำลายทันที ทั้งนี้ ไม่มีคำว่า 8 พรรคร่วมฯ “อาจจะ” เสนอชื่ออื่น อยู่ที่การพูดคุย

เมื่อถามถึงข้อเสนอของนายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า หากแก้ไขมาตรา 272 ไม่ได้ ให้ถอยไปเป็นฝ่ายค้าน นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ก็เป็นความเห็นของผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคก้าวไกล เขาจะปฏิบัติหรือไม่ เราไม่ทราบ แต่เราไม่มีข้อผูกมัดอะไร ที่จะเป็นหรือไม่เป็นฝ่ายค้าน เพราะประชาชนเสียงข้างมากเลือกให้มาเป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาล ไม่ได้เลือกให้มาเป็นฝ่ายค้าน และไม่ขอให้ความเห็น หรือวิพากษ์วิจารณ์ สิ่งที่นายปิยบุตร ระบุว่า ให้ยอมเป็นแกะดำใน 4 ปีนี้ เพื่อให้ 4 ปีข้างหน้าจะได้คะแนนเสียงมากกว่า 20 ล้านเสียง

ส่วนการพูดคุยระหว่างพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย จะชัดเจนหรือไม่ว่า 8 พรรคร่วมฯ จะส่งชื่อใครชิงนายกรัฐมนตรี นพ.ชลน่าน กล่าวว่า คงต้องรอข้อสรุปก่อน เพราะถ้าเราไม่ชัดเจน เมื่อถึงวันที่ 19 กรกฎาคม อีกฝ่ายหนึ่งมีเจตนาที่จะเสนอคู่แข่ง และเดินเข้าไปสู่กับดักตรงนั้น เท่ากับเรายอมรับความพ่ายแพ้ เราเอาความหวังของประชาชน 25 ล้านเสียง ไปทลายอยู่ตรงนั้น เชื่อว่าประชาชนรับไม่ได้

เมื่อถามว่า 25 ล้านเสียงของประชาชน เป็นฉันทามติให้ 8 พรรคจัดตั้งรัฐบาล หรือเป็นฉันทามติเพื่อให้นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี นพ.ชลน่าน กล่าวว่า นายพิธาเป็นหัวหน้าพรรคอันดับหนึ่ง เป็นผู้รวบรวมได้ 312 เสียง และในเชิงสัญลักษณ์ ประชาชน 14 ล้านเสียง สนับสนุนเขา และ 27 ล้านเสียง ที่รวมตัวแทนประชาชนที่เลือกเข้ามา นั่นหมายความว่า ประชาชนเลือกนายพิธา

ส่วนที่มีการพูดกันว่า ถ้ามีก้าวไกล ยังไง ส.ว.ก็ไม่เลือก นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เท่าที่รู้เป็นเพียงความคิดเห็นของ ส.ว.บางคน พร้อมปฏิเสธไม่ทราบกระแสข่าวว่า พรรคเพื่อไทยไปดิว ส.ว.ได้ประมาณ 40 เสียง

เมื่อถามว่า ขณะนี้ยังมีทางไปต่อ หรือเป็นทางตัน สำหรับการโหวตนายกรัฐมนตรี นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ไม่มีทางตัน ประเทศชาติต้องมีนายกรัฐมนตรี ต้องมีรัฐบาล ประชาชนต้องมีโอกาส

“เชื่อว่า ทุกฝ่ายไม่ปิดทางตันให้กับประเทศและประชาชน ส่วนจะมีแนวโน้มในการพูดคุยกับ ส.ส. ขั้วรัฐบาลเดิมหรือไม่นั้น สิ่งที่เกิดขึ้นจากการประชุมเมื่อวานเป็นเหตุนำเข้าแห่งการพูดคุย เพราะเรามุ่งหวังเสียง 376 เสียง เป็นรัฐบาลของประชาชน และอะไรที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้ไปไม่ถึง ก็ต้องนำมาวิเคราะห์พูดคุย ว่าจะแก้เหตุตรงนั้นได้อย่างไร” นพ.ชลน่าน กล่าว

ส่วนที่พรรคก้าวไกลไม่ลดเพดานแก้มาตรา 112 และจะเสนอแก้มาตรา 272 ปิดสวิตช์ ส.ว. นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เรื่องมาตรา 112 เป็นเรื่องที่ประกาศชัดเจนเป็นนโยบาย ดังนั้นเขาต้องมีจุดยืนในตรงนี้ เราต้องเคารพสิทธิเสรีภาพในการดำเนินการนโยบาย เราคงไม่ก้าวล่วง ที่จะขอให้ลดหรือไม่ลดอย่างไร ส่วนเรื่องแก้มาตรา 272 นั้น ยังไม่ได้พูดคุย ซึ่งต้องมาพูดคุยหาแนวทางร่วมกัน และคงต้องไปถาม ส.ว. ว่าเรื่องนี้จะยิ่งสร้างความไม่พอใจให้หรือไม่ เพราะอาจจะมี ส.ว.บางคนที่สบายใจก็ได้ เพราะมีช่องทางที่จะปลดเขาออกจากพันธนาการ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ ตามยิงซ้ำที่ รพ. ดับ 2

ปทุมธานี 5 มิ.ย.- จับแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ รัวกระสุนใส่หน้าบ้าน ก่อนตามไปยิงซ้ำที่ รพ. เสียชีวิต 2 ราย สารภาพอ้างแค้นถูกตีท้ายครัว ความคืบหน้าเหตุมือปืนชายแต่งกายไรเดอร์ ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นชายหญิง ที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่หน้าบ้าน ในพื้นที่ ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย หลังเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนได้นำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล แต่คนร้าย ได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ ใช้อาวุธปืนตามยิงซ้ำถึงในโรงพยาบาล ส่งผลให้ผู้ได้รับบาดเจ็บที่อยู่ท้ายกระบะเสียชีวิต 2 ราย ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวมือปืน ทราบชื่อนายสมยศ อายุ 32 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยให้การรับสารภาพว่าตนเองจะมายิงนายมานะ หรือไอซ์ อายุ 33 ปี เพียงคนเดียว ซึ่งก่อนเกิดเหตุตนได้นั่งกินเบียร์มาก่อน และที่ทำไปนั้น เพราะจับได้ว่าผู้ตายเป็นชู้กับภรรยาตน หลังก่อเหตุขับรถหนีไปจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 ม. จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land

ทำเนียบ 5 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 เมตร จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land ย้ำใช้เวที JBC เจรจา บอกไม่ใช่เรายอมศิโรราบ แต่ไทยมีข้อมูลหลักฐาน รอชัดเจน 14 มิ.ย. ขณะที่กองทัพเตรียมพร้อมตรึงกำลังแนวชายแดน ลั่นไม่ยอมใคร ยืนยันไทยเริ่มต้นจากสันติ ชี้หากประกาศกฏอัยการศึก แม่ทัพภาค 2 มีอำนาจสั่งได้ทันที นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวานนี้ ว่า ตนได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่สอง ถึงข้อมูลที่ออกไปในปัจจุบัน ผิดไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันมากพอสมควร จึงอยากให้ระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร ยืนยันว่า ในพื้นที่ไม่ได้มีการวางทุ่นระเบิด จะเป็นภาพเก่าในอดีต ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างความสับสน และทำลายศรัทธาความร่วมมือของประชาชน นายภูมิธรรม กล่าวถึงการรุกล้ำ 200 เมตร ว่า ทั้งหมดนี้อยู่ที่คณะกรรมการ JBC ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนกำหนดแต่ละฝ่ายมีจุดที่ค่อมกัน ดังนั้นจึงกำหนดให้เป็น […]

ดรามานิติไล่ไรเดอร์รับลูกค้าหน้าคอนโดฯ

5 มิ.ย. – สาวเรียกรถผ่านแอปฯ มารับหน้าคอนโดฯ หัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์ถือวิทยุสื่อสารพร้อมไล่ให้ลงรถ ขู่ไม่อนุญาตให้เรียกรถผ่านแอปฯ ด้านไรเดอร์รู้ข่าวบุกรวมตัว ลั่นถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย คลิปจากผู้โดยสารคนหนึ่งถ่ายไว้ขณะเรียกรถมารับบริเวณด้านหน้าคอนโดฯ ย่านสาทร แต่กลับถูกชายรายหนึ่งถือวิทยุสื่อสาร ไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดขู่ว่าไม่ใช่วินห้ามเข้า แฟนเพจเฟซบุ๊กอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกบ้านคอนโดฯ แห่งหนึ่ง โพสต์ไว้หลังจากเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน แต่กลับถูกขัดขวาง ระบุว่า “เราได้เรียกรถจักรยานยนต์ผ่านแอปพลิเคชันเพื่อไปทำงานตามปกติ แต่มีชายคนหนึ่ง (คาดว่าเป็นวินในหมู่บ้าน มีวิทยุสื่อสารด้วย) เข้ามาไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดในลักษณะข่มขู่ว่า “ไม่ให้เรียกผ่านแอปฯ เพราะที่นี่มีวินอยู่แล้ว” และยังไล่คนขับกลับไปทันที เหตุการณ์นี้ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและเสียเวลาในการเดินทาง รบกวนช่วยตรวจสอบ ขอความชัดเจนว่าในหมู่บ้านมีข้อกำหนดห้ามเรียกรถผ่านแอปฯ หรือไม่ หากมีรบกวนขอเอกสารหรือประกาศที่เป็นทางการด้วย หากไม่มีรบกวนช่วยดำเนินการกับบุคคลดังกล่าว เพราะพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเข้าข่ายคุกคามและไม่เหมาะสม” หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ปรารกฏว่าวานนี้ (4 มิ.ย.) มีไรเดอร์จำนวนมานัดรวมตัวกันและเดินทางไปยังคอนโดฯ ดังกล่าว โดยมีตำรวจเข้ามาพูดคุย ขณะที่ทางตัวแทนไรเดอร์ระบุว่า ถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย และนิติคอนโดฯ ต้องออกมาพูดให้ชัดเจนว่าไรเดอร์เข้าไปรับผู้โดยสารได้ไหม” ต่อมาที่ สน.บางขุนเทียน เจ้าหน้าที่เรียกตัวนายพงษ์ อายุ 52 […]

คนขับหลับใน รถทัวร์เสียหลักตกร่องถนน ดับ 2 สาหัส 5

ประจวบคีรีขันธ์ 4 มิ.ย. – รถทัวร์ตกร่องกลางถนนชนเสาไฟ บนถนนเพชรเกษม อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ผู้โดยสารเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 5 คน คนขับยอมรับหลับใน วงจรปิดจับภาพขณะเกิดเหตุรถทัวร์ขับมาดีๆ จู่ๆ ไถลลงร่องกลางถนน โดยไม่มีคู่กรณี เหตุเกิดประมาณตี 04.30 น.ที่ผ่านมา (4 มิ.ย.) บนถนนเพชรเกษม บริเวณหน้าค่ายพระมงกุฎเกล้า อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รถที่เกิดเหตุเป็นรถบัสโดยสารปรับอากาศ สายระยอง-มุกดาหาร พลิกตะแคงอยู่ในร่องกลาง มีร่องรอยชนกับเสาไฟและการ์ดเลนถนน สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน กระจกหน้าและด้านข้างแตกร้าว หลังคาฉีกขาด ที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นชาย และอาการสาหัส 5 คน นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและเร่งนำตัวนำส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้โดยสารต่างอยู่ในอาการตกใจ บอกว่าก่อนเกิดเหตุรู้สึกว่ารถส่ายไปมา คนขับรถคือ นายทศพร อายุ 51 ปี ให้การว่า ในรถมีผู้โดยสารรวมคนขับแล้ว 28 คน รับผู้โดยสารจาก จ.ระยอง […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ โพสต์หารือประเมินปมชายแดนไทย-กัมพูชา

ทำเนียบ 5 มิ.ย.-นายกฯ โพสต์หารือประเมินปมชายแดนไทย-กัมพูชา ยึดหลักการสันติวิธี ยันไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก ชี้ต้องคุยเฉพาะพื้นที่เป็นปัญหา ไม่ขยายประเด็น นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ถึงการหารือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า “จากกรณีที่ทางรัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ดิฉันได้หารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และท่านรองนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งได้โทรศัพท์เข้ามารายงานเรื่องการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ณ จังหวัดอุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินภาพรวมอย่างรอบด้าน รัฐบาลไทยขอยืนยันในหลักการแก้ไขปัญหาด้วยแนวทางสันติวิธี ภายใต้ความเคารพในอธิปไตยและดินแดนของกันและกัน ในกรณีที่กัมพูชาประสงค์จะเสนอให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เข้ามามีบทบาท รัฐบาลไทยขอเรียนว่า ประเทศไทยไม่ได้ให้การยอมรับเขตอำนาจศาล ICJ ในกรณีพิพาทต่างๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 จนถึงปัจจุบัน และขอย้ำว่า ประเด็นที่เกิดขึ้นควรได้รับการแก้ไขปัญหาในบริเวณที่มีการกระทบกระทั่งกันเท่านั้น ไม่ขยายประเด็นปัญหาออกไป ประเทศไทยยังยึดมั่นในกลไกการหารือทวิภาคีที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้มาโดยตลอด เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศค่ะ.-315.-สำนักข่าวไทย

ไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลก ย้ำขอใช้กรอบ JBC

ทำเนียบ 5 มิ.ย.-รัฐบาลออกแถลงการณ์กรณีไทย-กัมพูชา ยืนยันประเทศไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลกมาตั้งแต่ พ.ศ. 2503 จนถึงปัจจุบันแล้ว ย้ำขอใช้กรอบ JBC ในทุกระดับแก้ปัญหาระหว่างกัน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภายหลังเกิดแหตุการณ์ที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมานั้น เวลา 16.30 น. รัฐบาลได้ออกแถลงการณ์กรณีดังกล่าว เป็นฉบับที่ 2 ดังนี้ นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ปะทะที่บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ทั้งสองฝ่ายได้หารือและตกลงกันที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา ได้แก่ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Border Commission: JBC) คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (General Border Committee: GBC) และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee: RBC) บนพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นผลมาจากการหารือระหว่างผู้บัญชาการทหารบกของทั้งสองฝ่าย เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม […]

อัยการสั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหา คดีนอมินี ตึกสตง.

5 มิ.ย. – พนักงานอัยการคดีพิเศษ สั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหา คดีตึก สตง.ถล่ม ในส่วนความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวฯ นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เผยว่า วันนี้ พนักงานอัยการคดีพิเศษ มีความเห็นสั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหา คดีพิเศษที่เกี่ยวข้องกับตึก สตง.ถล่ม ในส่วนของความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวฯ มาตรา 36 มาตรา 37 และมาตรา 41 ในทุกข้อหา ยกเว้น นายประจวบ ศิริเขตร ซึ่งอัยการสั่งไม่ฟ้อง 1 ข้อหา ตามมาตรา 41 ผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ประกอบด้วย นายโสภณ มีชัย, นายประจวบ ศิริเขตร, นายมานัส ศรีอนันท์,นายชวนหลิง จาง ชาวจีน กรรมการบริษัท ไชน่า เรลเวย์ และ […]

กัมพูชาจะไม่นำเรื่องพื้นที่พิพาทเข้าสู่วาระการประชุมเจบีซีกับไทย

กรุงเทพ 5 มิ.ย. – รัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์ลงวันที่ 4 มิถุนายนตำหนิเหตุการณ์ยิงปะทะกับทหารไทย พร้อมประกาศนำข้อพิพาทเรื่องดินแดนในพื้นที่ 4 จุดต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ โดยจะไม่นำเข้าวาระการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Committee- JBC) หรือ เจบีซี ไทย-กัมพูชา กลางเดือนนี้ แถลงการณ์ของรัฐบาลกัมพูชา รัฐบาลกัมพูชาได้ดำเนินนโยบายต่างประเทศบนรากฐานแห่งสันติภาพ มิตรภาพ และความร่วมมือระหว่างประเทศ เสมอมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนร่วมกันตามที่กำหนดไว้ตั้งแต่สมัยอาณานิคมฝรั่งเศส นับตั้งแต่ได้รับเอกราช ยกเว้นช่วงระบอบการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของเขมรแดง กัมพูชายังคงยึดมั่นอย่างแน่วแน่ในการเปลี่ยนชายแดนร่วมเหล่านี้ให้เป็นเขตแห่งสันติภาพ มิตรภาพ ความร่วมมือ และการพัฒนา แม้จะมีความท้าทายเกิดขึ้นตลอดเส้นทางที่ผ่านมา กัมพูชาได้ให้ความสำคัญกับการยุติปัญหาชายแดนอย่างสันติ แม้ในช่วงเวลาที่มีความตึงเครียดเป็นครั้งคราวและมีการสูญเสียชีวิตของทหารผู้กล้าหาญที่ยืนหยัดปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของชาติ ความมุ่งมั่นที่ไม่เปลี่ยนแปลงของรัฐบาลกัมพูชา ในการแก้ไขปัญหาอย่างสันติเป็นที่ประจักษ์ในการดำเนินงานในอดีตที่ผ่านมา รวมถึงการส่งข้อพิพาทไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ICJ ซึ่งมีคำวินิจฉัยเป็นคุณแก่กัมพูชาในปี 2505 และอีกครั้งหนึ่งในปี 2556 ในข้อพิพาทชายแดนกับประเทศไทย การกระทำเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของกัมพูชาต่อกฎหมายระหว่างประเทศและการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งอย่างสันติ อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจ ที่ในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 28 พฤษภาคม 2565 เวลาประมาณ 05:30 น. เกิดเหตุการณ์ที่ทหารไทยได้เปิดฉากยิงเข้าใส่ทหารกัมพูชาในพื้นที่หมู่บ้านเตโชมรกต ตำบลมรกต […]