เตือน 7 พรรคเลือกคนคุณสมบัติต้องห้าม

รัฐสภา 10 ก.ค. –“เสรี” ส.ว. ยันไม่หนุนนายกฯ ที่มีคุณสมบัติต้องห้าม เตือน 7 พรรคคิดรอบคอบ อาจมีปัญหาถึงขั้นยุบพรรค พร้อมติงนักการเมืองต้องไม่ยุประชาชนลงถนน ส.ว.ไม่สนเสียงกดดันหน้าสภาฯ ทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ


นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) กล่าวถึงกรณีสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ส่งศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบสถานภาพของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล จะเป็นปัจจัยการตัดสินใจโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีของส.ว.หรือไม่ ว่า มีผลต่อการตัดสินใจคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรีด้วยอยู่แล้ว โดยส.ว.จะหารือทำความเข้าใจกัน การที่กกต. จะยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นแนวทางที่จะทำให้เกิดความชัดเจน ถูกต้องและแก้ปัญหาเกี่ยวกับความเห็นที่แตกต่างทั้งในสภาฯ และนอกสภาฯ  ซึ่งถือว่าทำถูกแล้ว ซึ่งกกต.ควรยื่นคดีอาญาตามมาตรา 151 ตั้งนานแล้วด้วย ซึ่งการยื่นศาลรัฐธรรมนูญเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหา

นายเสรี กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่การสกัดกั้นนายพิธาให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่เรื่องเหล่านี้เป็นบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญที่กำหนดว่าให้บุคคลที่ต้องเป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องมึคุณสมบัติ ไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังนั้น การทำหน้าที่ของส.ส.และสว.ตามรัฐธรรมนูญ ที่จะต้องทำหน้าที่เลือกคนที่มีคุณสมบัติไม่มีลักษณะต้องห้าม คือต้องไม่ถือหุ้นสื่อไอทีวีตามที่ปรากฏในสื่อ เพราะฉะนั้นการทำหน้าที่ไม่จำเป็นต้องรอศาลรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นคุสมบัติที่มีความผิดในตัวของมันเอง เพียงเเต่ส่งสารรัฐธรรมนูญให้เกิดข้อยุติเท่านั้นเอง ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นขัดต่อรัฐธรรมนูญแล้ว


 “ผมยังเป็นห่วง 8 พรรคร่วมที่ไปร่วมเซ็น MOU กันไว้ จะกล้าตัดสินใจเลือกคนที่คุณสมบัติไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะจะกลายเป็นว่าเลือกคนที่ขาดคุณสมบัติซึ่งจะขัดรัฐธรรมนูญ 8 พรรคการเมืองที่ว่าไปแล้วก็เหมือนปลาในข้องเดียวกัน หากยังเลือกคนที่ขาดคุณสมบัติ มีลักษณะต้องห้าม จะมีปัญหากับ 7 พรรคการเมืองเหล่านั้น ก็ฝากให้พิจารณาข้อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญในส่วนนี้ ฝากแต่ละพรรคการเมืองที่สนับสนุนนายพิธาเป็นนายกฯ ดูรัฐธรรมนูญตามมาตรา 159 หรือยังว่าคนที่จะเลือกได้นั้น ต้องเป็นคนที่มีคุณสมบัติไม่มีลักษณะต้องห้าม นายพิธาถือหุ้นสื่อมา 17 ปี ก็เข้าข่ายที่จะถูกวินิจฉัยว่าถือหุ้นสื่อและขัดรัฐธรรมนูญ พรรคการเมืองต้องไปดูตรงนี้ มิเช่นนั้นจะกลายเป็นว่ากระทำการขัดรัฐธรรมนูญเสียเอง ในส่วนที่ไปเลือกคนที่ไม่มีคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้าม ไปเป็นนายกรัฐมนตรีจนกลายเป็นว่าล้มล้างระบบการปกครองหรือไม่ เเต่ก็ยังพยายามที่จะเลือกกัน โดยไม่คำนึงถึงมาตรา 159 และเมื่อขัดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 159 จะถูกตีความไปไกลอีกเยอะ และท้ายที่สุดแล้วจะทำร้ายตัวคุณเอง ส่วนที่กลัวว่า 188 กว่าเสียง แล้วจะไปตั้งรัฐบาล มันไม่ได้ เกิดจากที่ไหน แต่เกิดจากพวกคุณที่ไปไกลถึงถูกยุบพรรค ผมไม่อยากให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น” นายเสรี กล่าว

ส่วนที่พูดกันว่าส.ว.ไม่เคารพเสียงของประชาชน นายเสรี กล่าวว่า การที่ประชาชนลงคะแนนให้กับพรรคการเมืองการเมืองที่ตนเองเลือกไม่ได้แปลว่าให้พรรคที่เลือกสนับสนุนพรรคอื่นเป็นนายกรัฐมนตรี  เท่ากับขัดต่อเจตนารมณ์ของประชาชนที่เลือกพรรคการเมืองนั้น ๆ แต่การทำหน้าที่ในการเลือกนายกรัฐมนตรีคือหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภา ทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นคนละส่วนกับคะแนนที่ประชาชนเลือกมา ขอให้ทำความเข้าใจตรงนี้

นายเสรี กล่าวว่า ในวันที่ 13 ก.ค.จะมีการนัดชุมนุมนั้น ซึ่งตนมองว่าไม่ควรยุยงให้ประชาชนลงถนนสร้างความปั่นป่วน เกิดความไม่สงบเรียบร้อย การเป็นนักการเมือง ต้องมีความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองประชาชน อย่าไปพูดว่าถ้าไม่เลือกแล้วประชาชนจะออกมาชุมนุม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคนเหล่านี้ไม่เหมาะสมที่จะขึ้นมาบริหารประเทศหรือเป็นผู้นำประเทศ เพราะถือว่าไม่มีความรับผิดชอบ ยุยงส่งเสริมให้คนทำผิดกฎหมาย สร้างความไม่สงบเรียบร้อยก็ไม่ควรทำ


“ส.ว.ไม่กังวลเพราะทำตามกฎหมาย ถ้าเราเห็นว่าสิ่งใดไม่ถูกต้อง หากเกรงหรือหวาดหวั่นสิ่งที่มากดดัน เราก็ไม่รับผิดชอบ และเราก็คล้อยตามไป ทั้งที่เห็นว่าไม่ถูกต้อง เราก็ถือว่าเป็นคนที่ใช้ไม่ได้ สำหรับในกลุ่มส.ว.ของผม ยืนยันที่จะไม่สนับสนุน พรรคการเมืองที่กระทบกับสถาบัน แก้มาตรา 112 และทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่  โดยไม่เว้นหมวด 1 หมวด 2 และเชื่อว่าเสียงที่จะสนับสนุนนายพิธาบอกลบไม่เกิน 5 เสียง” นายเสรี กล่าว

นายเสรี กล่าวว่า ไม่กังวลพลังเงียบของกลุ่มส.ว. เพราะว่าพลังเงียบก็คือเงียบ  เงียบหมดไม่มีหรอก ที่บอกว่ามีแต่ไม่ออกมาแสดงตน  มีแต่รายชื่อที่บอกว่าจะสนับสนุนแต่กลับถอย  แล้วที่บอกว่าปัจจุบันได้เพิ่มขึ้น หากมีจริงก็ขอให้แสดงตัว ส่วนจะงดออกเสียงหรือไม่เห็นชอบอยู่ที่กระบวนการ ขึ้นอยู่กับแต่ละคนจะเลือก ยืนยันว่าพรรคก้าวไกลไม่ได้ติดต่อมาที่ตน แต่ติดต่อส.ว.คนอื่น.-สำนักข่าวไทย   

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ทบ.ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน

กรุงเทพฯ 9 ส.ค. – โฆษก ทบ. ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวนเส้นทาง พื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จ.ศรีสะเกษ บาดเจ็บ 3 นาย สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า วันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 กรณีกำลังพลของหน่วยกองร้อยทหารราบที่ 111 เหยียบกับระเบิด ขณะทำการลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ 1. จ่าสิบเอก ธานี พาหา ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ป้องกัน บาดเจ็บรุนแรง ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด2. พลทหาร ภาคภูมิ ไชยสุระ ตำแหน่งพลปืนเล็ก บาดเจ็บบริเวณแขนและด้านหลัง3. พลทหาร ธนันชัย ไกรวงค์ […]

จับผับรังสิต

สั่งเด้งผู้การปทุมธานี ขาดจากตำแหน่งเดิม เซ่นจับผับดังรังสิต

8 ส.ค. – โดนด้วย! สั่งเด้งผู้การปทุมธานี โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมพวกอีก 5 นาย เซ่นจับผับดังรังสิต พบฉี่ม่วงเพียบเฉียด 200 คน พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงนามในคำสั่งตำรวจภูธรภาค 1 ที่ 209/2568 เรื่อง ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ ใจความว่า ด้วย ตำรวจภูธรภาค 1 มีคำสั่งที่ 208/2568 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2568 แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 01.00 น. ชุดปฏิบัติการ พิเศษกรมการปกครอง ได้มีการจัดระเบียบสังคม โดยเปิดปฏิบัติการ (Zero Drug) โดยนำกำลังเข้าทำการ ตรวจสอบและจับกุมสถานบริการ ชื่อ ร้าน “Skin […]

ข่าวแนะนำ

นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องชาติมากถึง 75%

กทม. 10 ส.ค.-นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องผลประโยชน์ชาติ จากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา มากถึง 75% แนะเปิดเจรจาทางการทูตสองฝ่ายจริงจัง รวมทั้งเห็นว่าไม่ควรรับผู้ป่วยชาวกัมพูชาทุกคน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ไปต่อแบบไหนดี” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 4-5 สิงหาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เกี่ยวกับความไว้วางใจและความพอใจต่อบทบาทของภาคส่วนต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา พบว่า -กองทัพ ตัวอย่าง ร้อยละ 75.73 ระบุว่า ไว้วางใจมาก รองลงมา ร้อยละ 19.31 ระบุว่า ค่อนข้างไว้วางใจ ร้อยละ 3.66 ระบุว่า ไม่ค่อยไว้วางใจ ร้อยละ 1.07 ระบุว่า ไม่ไว้วางใจเลย และร้อยละ 0.23 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ -กระทรวงการต่างประเทศ ตัวอย่าง ร้อยละ 41.76 […]

พบหลุมระเบิดที่กัมพูชายิงใส่ไทย 824 หลุม ใน 4 จังหวัดชายแดน

กทม. 10 ส.ค.-เพจกองทัพบก ทันกระแส โพสต์เจ้าหน้าที่ EOD เข้าเก็บกู้ระเบิด พบหลุมระเบิดที่เกิดจากฝีมือกัมพูชามากถึง 824 หลุม ใน 4 จังหวัดชายแดนไทย ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่พลเรือนและโรงพยาบาล เพจเฟซบุ๊ก “กองทัพบก ทันกระแส” โพสต์ว่า เจ้าหน้าที่ EOD เข้าพื้นที่เก็บกู้ระเบิด พบหลุมระเบิดที่เกิดจากฝีมือกัมพูชามากถึง 824 หลุม ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่พลเรือนและโรงพยาบาล ซึ่งสร้างความเสียหายและความหวาดกลัวให้ประชาชน ที่กำลังทยอยกลับเข้าพื้นที่เพื่อสำรวจความเสียหายของบ้านพักอาศัย ข้อมูลที่เพจโพสต์แสดงให้เห็นถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นใน 4 จังหวัดชายแดน ได้แก่ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ซึ่งเป็นผลจากการยิงอาวุธของกัมพูชาใส่เป้าหมายพลเรือน ทำให้ประชาชนในพื้นที่ต้องอพยพหนีภัยสงคราม และหากสถานการณ์เริ่มคลี่คลายลง ประชาชนเริ่มกลับเข้าสู่พื้นที่ตนเอง แต่ต้องเผชิญกับอันตรายจากระเบิดที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ EOD ทำงานอย่างหนัก เพื่อเร่งเก็บกู้ระเบิดให้แล้วเสร็จ เพื่อให้ประชาชนได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยในบ้านของตนเองอีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย

ชวนชมดวงไฟประดับรอบกรุงเทพฯ วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม

ทำเนียบ 10 ส.ค.-รัฐบาลเชิญชวนชมความงดงามของดวงไฟประดับรอบกรุงเทพฯ ในโอกาสเฉลิมพระเกียรติ วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง วันที่ 12 สิงหาคมของทุกปี (วันแม่แห่งชาติ) กรมทางหลวงชนบท (ทช.) และ MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง ร่วมใจกัน ติดตั้งไฟประดับทั้ง 2 ข้างทาง เพื่อเฉลิมพระเกียรติและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ขอเชิญชวนประชาชนได้ร่วมสัมผัสความงดงามของดวงไฟประดับ เนื่องในโอกาสมหามงคลนี้ โดยการไฟฟ้านครหลวง ได้ดำเนินการติดตั้งไฟประดับจำนวนกว่า 2 ล้านดวง เพื่อประดับในสถานที่ต่าง ๆ ได้แก่ พระที่นั่งอัมพรสถาน วังศุโขทัย พระบรมมหาราชวัง บริเวณท้องสนามหลวง รอบพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน วังสระปทุม พระที่นั่งอนันตสมาคม ลานพระบรมรูปทรงม้า สนามเสือป่า ทำเนียบองคมนตรี กระทรวงมหาดไทย ถนนราชดำเนินใน ถนนราชดำเนินกลาง ถนนราชดำเนินนอก ถนนศรีอยุธยา ตั้งแต่วันนี้ – […]

ไทยฝนเพิ่มขึ้น ตกหนักบางแห่ง

กทม. 10 ส.ค.-กรมอุตุฯ รายงานไทยฝนเพิ่มขึ้น ตกหนักบางแห่งบริเวณภาคอีสาน ตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก คลื่นลมทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% ของพื้นที่ กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาวตอนบนและประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนจะมีกำลังค่อนข้างแรง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06:00 น. วันนี้ ถึง 06:00 น. วันพรุ่งนี้ ภาคเหนือ […]