สำนักงานกกต. 28 มิ.ย.-“กิตติศักดิ์” ฟันธง “พิธา” ชวดนายกฯ ส.ว.หนุนไม่เกิน 5 คน ย้ำจุดยืนไม่โหวตพรรคแตะสถาบัน หยุดอ้าง 151 ส.ส.เป็นเสียงข้างมาก ลั่นพร้อมขยายพื้นที่รับทัวร์ลง
นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา กล่าวถึงความเห็นของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในการโหวตนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ว่า ขณะนี้คลื่นลมสงบได้ข้อยุติแล้ว กลุ่ม ส.ว.ที่สนับสนุนนายพิธาน่าจะน้อยกว่า 5 คน สิ่งที่ ส.ว.ส่วนใหญ่ตัดสินใจน่าจะปิดสวิตช์ตนเองคืองดออกเสียง ทั้งนี้ ส.ว.มีเอกสิทธิ์ส่วนตัวจะลงมติอย่างไรก็ได้ วันเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีเชื่อว่าจะมีแคนดิเดตฯ มากกว่า 1 คน เพราะตามกฎหมายพรรคการเมือง พรรคที่ได้ ส.ส.เกิน 25 คน สามารถเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้
ส่วนมีพรรคอื่นที่ไม่ใช่พรรคก้าวไกลมาขอเสียง ส.ว.โหวตสนับสนุนนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ตอนนี้ไม่มีพรรคใดมาเจรจาพูดคุยกับ ส.ว.แล้ว เพราะ ส.ว.มีคำตอบในใจแล้ว อย่างไรก็ตาม เป็นความเห็นส่วนตัว ส่วนถ้าทัวร์จะมาลงก็ขยายพื้นที่ไว้มาลงที่ตนได้ ที่บอกมีคนโหวตให้นายพิธาน้อยกว่า 5 คน คือโลกความเป็นจริง เพราะเราประเมินแล้วว่า ส.ว.ได้รับการโปรดเกล้าฯ ถ้าสนับสนุนนักการเมืองที่ต้องการแตะสถาบัน ตนไม่ทราบว่าจะตอบสังคมและประชาชนอย่างไร
เมื่อถามย้ำว่า ส.ว.ถูกใจฝ่ายที่เป็นประชาธิปไตยหรือฝ่ายรัฐบาลรักษาการปัจจุบันมากกว่ากัน นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ส.ว.กิตติศักดิ์ อยู่ฝ่ายประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพราะฉะนั้นการอ้างประชาธิปไตยคิดว่าอาจเป็นประชาธิปไตยปลอมก็ได้
เมื่อถามว่าถ้าพรรคก้าวไกลเสนอชื่อนายพิธาไม่ผ่าน พรรคเพื่อไทยจะมีโอกาสหรือไม่ นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า เดี๋ยวจะหาว่า ส.ว.อะไรก็ไม่เอา เรามองแล้วว่าบ้านเมืองต้องเดินไปได้ หากนายพิธาไปไม่ได้พรรคอันดับ 2 ก็ต้องขึ้นมา เพราะเราต้องการให้บ้านเมืองเดินไปได้ ตนตอบตรงนี้ชัดเจนไม่ได้ว่าพรรคเพื่อไทยจะได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่ บอกได้เพียงว่าจะมีการเสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีมากกว่า 1 พรรค ส่วนพรรคใดจะได้หรือไม่ได้ ส.ว.ไม่ก้าวก่าย ส่วนที่มีชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีกคน ไม่ทราบ ก็ต้องไปดูก่อนว่าเป็นไปได้หรือไม่ ส.ว.ไม่ก้าวก่ายเรื่องจัดตั้งรัฐบาล
ส่วนที่ระบุว่าจะเสนอมากกว่า 1 พรรค มองว่าสถานการณ์ขณะนี้จะถึงขั้นการเมืองพลิกขั้วหรือไม่ นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า มีฝ่ายประชาธิปไตยที่อ้างกันมา และขณะนี้ยังมีฝ่ายประชาธิปไตยอันทรงมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอีกฝ่ายหนึ่ง
เมื่อถามย้ำถึงหลักการของ ส.ว.จะยกมือให้พรรคที่รวมเสียง ส.ว.ได้เกินครึ่งของสภาฯ ไม่ยกมือให้รัฐบาลเสียงข้างน้อยใช่หรือไม่ นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า เคยพูดแล้วว่ารัฐบาลเสียงข้างน้อย ไม่น่าจะเกิดขึ้นแล้ว บ้านเมืองเดินไปไม่ได้ บริหารประเทศไม่ได้ แต่ถ้าจะเป็นรัฐบาลต้องรวบรวมเสียงให้ได้เกินครึ่งคือ 376 เสียง บ้านเมืองจึงจะเดินไปได้ แต่หากมีส.ส.อยู่ 100 กว่าเสียงแล้วจัดตั้งรัฐบาล ไม่เห็นด้วย
ส่วนผลการโหวตของ ส.ว.จะนำไปสู่การลงถนนหรือเกิดความวุ่นวายหรือไม่ นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ตนพูดนานแล้วไม่ว่าใครจะมาจัดตั้งรัฐบาล ไม่ว่าจะฝ่ายพรรคก้าวไกล หรือฝ่ายอื่น ในสถานการณ์แบบนี้ความวุ่นวายมีแน่นอน ยังมีความขัดแย้ง แต่ถ้าเป็นพรรคอื่นที่ไม่ใช่พรรคก้าวไกล ความขัดแย้งยังมี แต่น้อยลง
เมื่อถามว่า ส.ว.จะตอบกองเชียร์พรรคก้าวไกลอย่างไร เพราะเป็นการโหวตฝืนมติของประชาชนที่เลือกตั้งมา นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ถ้าพูดเรื่องตัวเลข ทราบกันอยู่ว่าไม่ได้บ่งชี้ว่าถ้าพรรคอันดับ 1 ได้ไม่เกินครึ่งของสภาฯ คือ 250 เสียง จะบอกว่าได้เสียงข้างมากเลยก็ไม่ได้ เพราะปี 2562 พรรคเพื่อไทยได้อันดับ 1 แต่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้คือข้อเท็จจริง ปี 2566 อาจกลับไปคล้ายปี 2562 ก็ได้ นายกิตติศักดิ์ปฏิเสธให้ความเห็นกรณีพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลยังตกลงตำแหน่งประธานสภาฯ ไม่ได้ จะเป็นชนวนให้แตกกันหรือไม่ว่า ไม่มีความเห็น เป็นเรื่องของ ส.ส.-สำนักข่าวไทย
