กรุงเทพฯ 10 มิ.ย. – “ชำนาญ” ระบุกรณี “พิธา” ถ้า กกต. เอาผิดจริง เป็นอำนาจศาลยุติธรรม ชี้อีกนานกว่าคดีจะจบ
นายชํานาญ จันทร์เรือง อดีตรองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และกรรมการบริหารคณะก้าวหน้า โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กแสดงความเห็นกรณี กกต. มีมติตั้งกรรมการไต่สวนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 42(3) และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 151 มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง รู้ว่าไม่มีสิทธิแต่ยังฝืนลงเลือกตั้ง ว่าจากการที่ กกต. มีมติเป็นเอกฉันท์ไม่รับคำร้องกรณีนายพิธามีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ในการรับสมัครเลือกตั้ง ด้วยเหตุการถือหุ้นไอทีวี 42,000 หุ้น
โดยให้เหตุผลว่าเป็นคำร้องที่ยื่นเกินระยะเวลาตามระเบียบ กกต. แต่สั่งให้ไต่สวนว่านายพิธา เป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งฯ อันเข้าข่ายเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนมาตรา 42(3) และมาตรา 151 ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ฯ จึงเห็นควรพิจารณาไต่สวนเป็นกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยหรือความปรากฏนั้น
ตนขอให้ความเห็นว่า กรณีตามมาตรา 42(3) และมาตรา 151 ตามพ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส.ฯ ซึ่งมีโทษโทษจําคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น มีกำหนด 20 ปีนั้น จะต้องใช้เวลาอีกยาวนาน เพราะเรื่องจะอยู่ในอำนาจของศาลยุติธรรม ไม่ใช่อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่ง กกต. สอบสวนเสร็จจึงจะต้องไปดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน ซึ่งมีขั้นตอนต่อไปยังพนักงานอัยการและอีก 3 ชั้นศาล
สรุปว่าเรื่องนี้อีกนาน หมดสมัยสภาชุดที่ 26 แล้วจะเสร็จหรือเปล่าก็ไม่รู้”.-สำนักข่าวไทย