สัตหีบ 29 พ.ค. – ผบ.ทร. เผยปากีสถานยอมรับเครื่องยนต์ CHD-620 ที่จีนผลิตแล้ว ชี้เป็นปมสำคัญ ควบคู่ ขีดความสามารถ – ความปลอดภัย
พล.ร.อ. เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมการทดสอบขีดความสามารถของเรือหลวงช้างว่า การปฏิบัติในเรื่องของยุทโธปกรณ์ที่สนับสนุน เช่นเรือระบายพล ยานรบ ยังมีข้อขัดข้องอยู่บ้าง ซึ่งทางกองเรือยกพลขึ้นบกจะได้นำไปแก้ปัญหา เพื่อปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ขณะนี้เรือหลวงช้างมีความพร้อมในการปฎิบัติภารกิจในการช่วยเหลือประชาชนแล้วโดยเฉพาะการตั้งโรงพยาบาลระดับที่2 พร้อมให้การรักษาพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉิน วิกฤตได้ในระดับหนึ่ง อีกทั้งสามารถขนส่งลำเลียงอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ในภัยพิบัติขนาดใหญ่ พื้นที่ห่างไกลได้ เนื่องจากเรือมีความทนทะเลสูง ระดับ sea sate 9 รับคลื่นสูง 14 เมตร ซึ่งเคยเกิดขึ้นในช่วงที่เกิดพายุไต้ฝุ่นเกย์ สำหรับการติดอาวุธ หรือการติดตั้งปืนนั้นเป็นเพียงระบบป้องกันตนเอง ส่วนระบบอำนวยการบ ระบบตรวจการณ์ก็ติดตั้งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเรือในการทำการรบได้อย่างเต็มรูปแบบเท่านั้น
ทางด้านภารกิจสนับสนุนเรือดำน้ำนั้นก็ต้องรอความชัดเจนในการจัดหาเรือดำน้ำจากประเทศจีนให้ได้ก่อน หลังจากนั้นก็จะเพิ่มขีดความสามารถในภายหลัง
เมื่อถามว่าได้มีการสอบถามทางปากีสถานซึ่งสั่งต่อเรือดำน้ำจากจีนในประเด็นเครื่องยนต์ว่าพร้อมจะเปลี่ยน เครื่องยนต์เป็น CHD620ที่จีนผลิตหรือไม่ พล.ร.อ.เชิงชาย กล่าวว่า กองทัพเรือได้ส่งคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ไปประเทศจีนเพื่อไปดูไลน์การผลิตเครื่องยนต์รุ่นดังกล่าวที่ทางการจีนนำมาใช้แล้ว ปัจจุบัน เครื่องยนต์รุ่นนี้เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าของเรือผิวน้ำของจีนเป็นหลักและใช้อยู่กับเรือรบของจีนทั้งหมด การที่จะดัดแปลงมาใช้กับเรือดำน้ำก็จะต้องมีการติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมไม่กี่ส่วน
“เครื่องยนต์ที่ผลิตให้ปากีสถานได้มีการเริ่มไลน์การผลิตแล้ว นั่นหมายความว่า จีนได้ผลิตเครื่องยนต์ถ้า CH620ให้เรือดำน้ำปากีสถาน ทางการจีนเองก็ต้องใช้เครื่องยนต์รุ่นนี้กับเรือดำน้ำจีนเช่นเดียวกัน ในการต่อเรือดำน้ำในอนาคตซึ่งจีนก็ได้มีการผลิตเรือดำน้ำอยู่ทุกปีเพื่อใช้ในกองทัพเรือจีน”พล.ร.อ.เชิงชาย กล่าว
เมื่อถามว่าส่วนนี้จะเป็นเหตุผลสำคัญในการตัดสินใจของกองทัพเรือหรือไม่ พล.ร.อ.เชิงชาย กล่าวว่า ก็เป็นเหตุผลสำคัญที่จะดูในเรื่องของประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ ความปลอดภัยของเครื่องยนต์ และขั้นสุดท้ายคือขีดความสามารถในการปฎิบัติการทางยุทธวิธีที่จะใช้กับเรือดำน้ำ ซึ่งเราได้พิจารณาทั้ง3หัวข้อเพื่อมาเป็นข้อมูลในการตัดสินใจว่าเราจะรับเครื่องยนต์ดังกล่าวติดตั้งกลับเรือดำน้ำที่เราสั่งต่อจากจีนหรือไม่ โดยเรื่องทั้งหมดนี้ได้มีการนำเสนอรัฐบาลผ่านกระทรวงกลาโหมอย่างต่อเนื่องเป็นการรายงานให้กระทรวงกลาโหมรับทราบข้อมูลและความคืบหน้าในการเจรจาและแนวทางการตัดสินใจเพื่อเป็นผู้ตัดสินใจในขั้นสุดท้าย
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่รัฐบาลใหม่เข้ามาอาจจะไม่เข้าใจการดำเนินการของกองทัพเรือ ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวว่า กองทัพเรือก็ต้องสรุปข้อมูลเข้าชี้แจงให้กับรัฐบาลใหม่ได้รับทราบถึงเหตุผลความจำเป็น และสิ่งที่กองทัพเรือทำมาตลอดในการแก้ไขปัญหา ซึ่งก็เป็นอำนาจการตัดสินใจอยู่ที่รัฐบาลชุดใหม่ ส่วนแผนรองรับนั้น เราได้ชะลอโครงการเรือดำน้ำลำที่2-3ออกไปอยู่แล้ว โดยยกโครงการเรือฟริเกตลำที่2มาทดแทนในช่วงที่เรามีปัญหาเรือดำน้ำลำที่ 1ได้ข้อสรุปว่าเราจะต่อในประเทศเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมต่อเรือ และการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับส่วนต่อเรือในประเทศไทย
พล.ร.อ.เชิงชาย กล่าวอีกว่า เราอยู่ระหว่างการตัดสินใจระหว่างเดินหน้าต่อไปหรือยกเลิกสัญญา และยังไม่ได้ข้อสรุปซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจากับจีนทั้งเรื่องการจ่ายค่าชดเชยหลังจากที่โครงการล่าช้าไป ไม่ว่าจะเป็นการให้รับประกันการใช้เครื่องยนต์รุ่นดังกล่าวหรืออะไหล่ชดเชย สิ่งอุปกรณ์ต่างๆ ที่จะมาชดเชยให้ทร.ไทย”
“กำหนดการที่จะได้ข้อสรุปทั้งหมดยังเป็นช่วงสิ้นเดือนมิถุนายนเหมือนเดิม ที่ทางการจีนจะรวบรวมข้อมูลมาให้เรา เพื่อจะได้ตรวจสอบขั่นสุดท้ายแล้วนำเสนอรัฐบาลต่อไป จะเปลี่ยนแปลงจากที่เสนอหรือไม่ขึ้นอยู่อยู่กับ ครม. พิจารณาเพราะเป็นอำนาจของ ครม. ส่วนถ้ายกเลิกแล้วทางการจีนจะคืนเงินให้เราหรือไม่นั้นในส่วนนี้เป็นเรื่องของการเจรจาระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาลที่ต้องพูดจากัน” ผู้บัญชาการทหารเรือกล่าว .-สำนักข่าวไทย