โรงแรมเรเนซองส์ 26 พ.ค. – “พิธา” นำทีมเศรษฐกิจก้าวไกล พบนักธุรกิจรุ่นใหม่ เชื่อมั่นพรรคก้าวไกลเป็นความหวังที่จะพาเศรษฐกิจไทยเดินหน้าสู่อนาคต
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคและทีมเศรษฐกิจ เข้าพบตัวแทนสภาอุตสาหกรรมรุ่นใหม่ (Young FTI) ที่โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ เพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะทางนโยบายจากนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่จะเป็นอนาคตของภาคอุตสาหกรรมไทย
กิจกรรมภายในงาน เริ่มต้นด้วยตัวแทนนักธุรกิจจากสภาอุตสาหกรรมรุ่นใหม่นำเสนอปัญหาและข้อเสนอนโยบายเพื่อแก้ปัญหาที่นักธุรกิจเจอในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายการพัฒนาสินค้าเกษตร การผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมภาคการผลิต ลิขสิทธิ์ ประสิทธิภาพการทำงานของรัฐ การคอร์รัปชัน นวัตกรรม และโอกาสในอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนอากาศยานของประเทศไทย
เมื่อตัวแทนนักอุตสาหกรรมรุ่นใหม่นำเสนอจบแล้ว นายพิธา กล่าวกับที่ประชุมว่า สิ่งแรกที่เราต้องแสดงให้เห็นก่อน คือ ไม่ทำงานเป็นแท่งๆ เป็นไซโล แต่ต้องมองภาพใหญ่ว่า การบริหารเศรษฐกิจที่เราต้องการคืออะไร สิ่งที่พรรคก้าวไกลมองเห็นบทเรียนจากเศรษฐกิจไทยที่เติบโตมา 40 ปี คือในอนาคตต้องเป็นการเติบโตแบบ inclusive growth เศรษฐกิจโตด้วย และลดความเหลื่อมล้ำ เปิดโอกาสให้ทุกคนเติบโตด้วย
นายพิธา ยังย้ำถึงนโยบายในการปฏิรูปภาคอุตสาหกรรมไทยผ่าน 3F ได้แก่ 1. Fair Game ความเท่าเทียมที่จะแข่งกันระหว่างทุนใหญ่กับทุนเล็ก ทุนไทยกับทุนต่างชาติ ยกตัวอย่างเช่น ผลิตภาพการผลิตภาคเกษตร ต้นเหตุของปัญหาอยู่ที่ที่ดิน เมื่อเกษตรกรส่วนใหญ่ในประเทศไม่มีกรรมสิทธิ์ที่ดินของตัวเองก็ไม่สามารถพัฒนาผลิตภาพการผลิตของตัวเองได้ ดังนั้น ต้องแก้ที่กระดุมเม็ดแรก มองให้เห็นโครงสร้างทั้งระบบ เช่นเดียวกับการขอใบอนุญาตต่างๆ ที่ปัญหาความล่าช้า เกิดขึ้นจากกระบวนการที่ไม่มีประสิทธิภาพ การรวมศูนย์อำนาจ ถ้าประเทศไทยมีการกระจายอำนาจ จะทำให้ท้องถิ่นกว่า 7,000 แห่งทั่วประเทศ ระเบิดศักยภาพในการเติบโต สามารถสร้างเศรษฐกิจของประเทศได้อีกมหาศาล
2. Firm ground หมายถึง ต้องสู้กันด้วยผลิตภาพ (productivity) ไม่ใช่สู้กันด้วยการกดค่าแรง อยากทำความเข้าใจว่า ค่าแรง 450 บาท ไม่ใช่นโยบายที่เราคิดเอาเอง แต่เราเอาตัวเลขไม่ว่าจะเป็นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ ผลิตภาพแรงงาน ถ้าคิดตั้งแต่ปี 2556 มาจนถึงปัจจุบัน ค่าแรงที่ควรจะเป็นคือเท่าไร ตัวเลขอยู่ที่ใกล้เคียงกับ 450 บาท ซึ่งพรรคก้าวไกลไม่ได้มีแค่นโยบายเพิ่มค่าแรง แต่มาพร้อมกับแพ็กเกจนโยบายเพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจด้วย ไม่ว่าจะเป็นการลดภาษีเอสเอ็มอี และมาตรการเพิ่มสภาพคล่องอื่น ให้ไม่น้อยกว่าในสมัยที่มีการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท
และสุดท้าย Fast growth industries ประเทศไทยต้องเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้ และหาช่องว่างโอกาสในการพัฒนาอุตสาหกรรมของไทยไปพร้อมกับโลก เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมยาเพื่อต่อสู้กับโรคอุบัติใหม่ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนเครื่องบิน อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งอุตสาหกรรมชิปและซิลิคอนคาร์ไบด์ ที่ประเทศไทยยังมีโอกาส
“ผมคิดว่าเรื่องการบริหารนวัตกรรม สรุปได้เป็นหนึ่งประโยค คือ สร้างงานซ่อมประเทศที่เราจะเปลี่ยนจุดอ่อนของประเทศและปัญหาของประชาชนมาเป็นโอกาสของอุตสาหกรรม เพื่อแก้ปัญหาของอนาคต เช่น กฎหมายรถเมล์อนาคต การทำน้ำประปาดื่มได้ ถ้าทำสิ่งเหล่านี้ที่เกิดขึ้นได้ทั้งประเทศ คุณคิดว่าจะเป็นโอกาสสำหรับนวัตกรรมมากแค่ไหนของประเทศไทย” นายพิธา กล่าว
นายพิธา ยังกล่าวถึงอุตสาหกรรมโดรนและการป้องกันประเทศว่า ถ้าประเทศไทยสามารถส่งเสริมนโยบาย offset policy ได้ แทนที่จะซื้ออาวุธจากต่างชาติ เปลี่ยนเป็นการซื้อพร้อมทำให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยี เพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ใช้แรงงานและชิ้นส่วนในประเทศ แทนที่จะนำเข้า 100%
หลังจากนายพิธาได้แสดงวิสัยทัศน์ สภาอุตสาหกรรมรุ่นใหม่ได้มอบเสื้อที่มีสัญลักษณ์ Young FTI และโลโก้พรรคก้าวไกล แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างกันในอนาคต บรรยากาศการพบปะพูดคุยเป็นไปอย่างชื่นมื่น นักธุรกิจรุ่นใหม่ฝากความหวังในการสร้างความเปลี่ยนแปลง การทำงานร่วมกับภาครัฐไว้กับทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล ว่าจะทำให้กระบวนการทำงานรวดเร็ว เปิดกว้างการส่งเสริมนวัตกรรมใหม่ๆ และทำงานด้วยความโปร่งใส ไม่มีการทุจริตคอร์รัปชัน-สำนักข่าวไทย