13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน
จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน 3 นัดออกหมายเรียกพยาน 20 ปาก มาไต่สวน แบ่งเป็นหมอ พยาบาลเวร และอดีต ผบ.เรือนจำ ในขณะนั้น และเรียกเอกสารเพิ่มเติม ประวัติการรักษาตัวที่ต่างประเทศของนายทักษิณ ให้ส่งภายใน 15 วัน และเอกสารการเบิกจ่ายการอยู่เวรของบุคลกรในวันส่งตัว และรายงานผลการสอบของ กสม. และมติแพทยสภาที่เกี่ยวข้องกับการส่งตัวไปโรงพยาบาลตำรวจ แต่ทั้งนี้ ยังไม่มีหมายเรียกนายทักษิณ
นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ เเละผู้รับมอบอำนาจนายทักษิณ กล่าวว่าศาลไต่สวนพยาน 1 ปาก ไม่สามารถบอกได้ การไต่สวนเป็นคุณเป็นโทษ ต่อนายทักษิณ ยืนยันว่าป่วยและบังคับโทษตามหมายศาล ถูกจำคุกตามมาตรา 55 การพักโทษ และการปล่อยตัวคุมประพฤติก็เป็นกระบวนการที่ดำเนินการกับผู้ที่ถูกจำคุก
การเรียกเอกสารมติแพทยสภา เป็นการตรวจสอบมาตรฐานปฏิบัติ เป็นคนละกรณีกับที่ศาลไต่สวน เชื่อแพทย์ใช้ดุลพินิจในการตรวจรักษา และขอไม่เปิดเผยพยานในส่วนของตน แต่จะไม่ซ้ำกับ 20 คน ที่ศาลเรียก แต่พยานที่นำมาเพื่อยืนยันให้ข้อมูลที่จะนำเสนอ พร้อมยืนยันป่วยจริง ส่วนการไม่ยื่นประวัติการรักษา เป็นเรื่องที่ผู้ป่วยจะสงวนสิทธิ์ได้.-สำนักข่าวไทย