นิด้า 3 พ.ค.- ผู้สมัคร ส.ส.ก้าวไกล-ไทยสร้างไทย เขตบางกะปิย้ำจุดยืน ไม่จับมือพรรคการเมืองที่มีทหารจำแลง ไม่เอา “ลุง” ที่เคยรัฐประหาร ขณะที่ พปชร.ย้ำนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้ง ส่วนรวมไทยสร้างชาติ ขอสานต่อการทำงานสร้างคุณภาพชีวิตให้คนในพื้นที่ พร้อมให้ประชาชนมีส่วนร่วมตรวจสอบการทำงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะนิติศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒน บริหารศาสตร์ (นิด้า) จัดแสดงวิสัยทัศน์ ของผู้สมัคร ส.ส. กรุงเทพฯเขต 14 เขตบางกะปิ -แขวงคลองเจ้าคุณสิงห์ ภายใต้หัวข้อจุดขาย-จุดแข็ง-จุดยืน ของผู้สมัคร ส.ส.เขต 14 โดยมีผู้สมัครจาก 9 พรรคเข้าร่วม ยกเว้นพรรคเสรีรวมไทยที่ติดภารกิจ
ศ.ดร.วิสาขา ภู่จินดา รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ นิด้า กล่าวว่า การจัดเวทีในวันนี้ เพื่อต้องการเปิดวิสัยทัศน์ของผู้สมัครเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่รับรู้แนวนโยบายของแต่ละพรรคการเมืองในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ถือเป็นโอกาสอันดีที่นิด้าจะได้มีส่วนสนับสนุนในการเลือกตั้งและการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
น.ส.สิริลภัส กองตระการ หรือ “หมิว” ผู้สมัครจากพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ก้าวไกลมีนโยบายเลือกตั้งนายกเขต กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นเพื่อให้คนที่ทำงานในพื้นที่รู้ปัญหาของคนในพื้นที่อย่างแท้จริง โดยทำงานร่วมกับสภาเขต เสนอเพิ่มงบประมาณให้กับท้องถิ่นและกระจายให้ทั่วถึง มีนโยบายดูแลเรื่องของสภาพการจราจรถนนหนทาง และมีนโยบายปรับโครงสร้างพลังงาน เพื่อให้ค่าไฟราคาถูกลง ปฏิรูปการศึกษาลดชั่วโมงเรียน ให้ เรียนในสิ่งที่อยากเรียน จริงๆ มีโครงการส้วมสะอาด การเมืองดีปากท้องดี เพื่ออนาคต ลองยำจุดยืนทางการเมืองตัดวงจร ของการรัฐประหารที่แช่แข็งประเทศไทยมา 8-9 ปี โดยไม่ให้ทหารเข้ามาอยู่ในการเมือง และไม่จับมือกับพรรคการเมืองที่มีทหารจำแลง และขอทะลายนายทุนผูกขาด
นายธาม สมุทรานนท์ ผู้สมัครจากพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่าพรรคชาติพัฒนากล้าเป็นพรรคที่ทำเพื่อเศรษฐกิจ จึงมีจุดยืนเพิ่มโอกาสให้คนตัวเล็กในสังคม สามารถขึ้นไปยืนคู่กับคนตัวใหญ่ได้ และหารายได้เข้าประทศ ผลักดันนโยบายที่อยู่อาศัยเพื่อผู้สูงอายุ
น.ส.ฐิติภัตร์ โชติเดชาชัยนันต์ ผู้สมัคร ส.ส.จากพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า ตนเป็นอดีต ส.ส.เขตนี้ ในช่วงที่ผ่านมาประสบกับปัญหาโควิด 19 ได้พยายามมุ่งมั่นตั้งใจดูแลประชาชนในพื้นที่อย่างเต็มกำลังโดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ ได้ดูแลประสานงานประชาชนในพื้นที่ รับเคสผู้ป่วยเองตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ ขณะเดียวกันได้ผลักดันเรื่องของการดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ดูแลไฟฟ้าส่องสว่างให้ทั่วถึงทุกพื้นที่ ผลักดันโครงการบำบัดบ่อน้ำดี ลอกท่อน้ำเสีย ปรับปรุงฟุตบาททางเท้า เพื่อแก้ปัญหาการจราจรและอุบัติเหตุ
ขณะเดียวกันพรรครวมไทยสร้างชาติมีนโยบายสานต่อโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โครงการรถไฟฟ้า เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับคนในพื้นที่ และยังมีโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐพลัส การเพิ่มเบี้ยยังชีพให้กับผู้สูงอายุ และยังมีโครงการหารายได้ให้กับผู้สูงอายุ ซึ่งหลายโครงการทำไปแล้วและยังทำต่อ และส่งต่อบ้านเมืองดีๆให้กับลูกหลานในอนาคต พร้อม ยินดีตั้งคณะทำงานตรวจสอบการทำงาน โดยเชิญชวนพี่น้องประชาชนมีส่วนร่วมในการติดตาม ตรวจสอบการทำงาน และช่วยคิดนโยบาย ในการพัฒนาพื้นที่ร่วมกัน
นายอำพล ขำวิลัย ผู้สมัครส.ส. ภูมิใจไทย กล่าวว่าจุดแข็งของพรรคภูมิใจไทยอยู่ตรงกลางไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดทำงานรับใช้พี่น้องประชาชน และจะผลักดันให้มีโรงพยาบาลรัฐในเขตพื้นที่บางกะปิ เพื่อดูแลสุขภาพประชาชนในพื้นที่ ซึ่งจะมีโรงพยาบาล 200 เตียงในพื้นที่ คุรุสภาเก่า รวมกันนี้ยัง มีนโยบาย One Day Pass เพื่อให้ประชาชนเดินทาง โดยระบบสาธารณะได้อย่างสะดวกและราคาถูก ยืนยัน พรรคภูมิใจไทยพูดแล้วทำ
น.ส.นฤมล รัตนาภิบาล ผู้สมัครส.สพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า จุดแข็งของพรรคพลังประชารัฐคือ การมีผู้บริหารภาพที่เข้มแข็งและมีเศรษฐกิจที่มั่นคง โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้นำที่ก้าวข้ามความขัดแย้งไม่ทะเลาะกับใครและที่สำคัญเป็นผู้ประสานสิบทิศ และพักมีนโยบายเศรษฐกิจประชารัฐ สร้างโอกาสที่เท่าเทียม มีสวัสดิการประชารัฐเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ
นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส ผู้สมัครจากพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า พรรคมีนโยบายลดค่าไฟเพื่อค่าครองชีพ ย้ำจุดยืนยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย โดย “ลุง” คนไหนที่เคยปฏิวัติรัฐประหารเขียนรัฐธรรมนูญของตัวเอง ตั้งส.ว. 250 คนเข้ามาเอง ขอประกาศชัดเจนว่า “ลุงหน้าไหนเราก็ไม่เอาเป็นรัฐบาล” เพราะนายใหญ่ของพรรคคือประชาชน และทำการเมืองดีๆเพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง มีนโยบายดูแลตั้งแต่เด็ก จนถึงคนแก่.-สำนักข่าวไทย