“ไทยสร้างไทย” มั่นใจแจงนโยบายใช้จ่ายเงินได้

สถานีขนส่งหมอชิต 12 เม.ย.-“คุณหญิงสุดารัตน์” ส่งประชาชนเดินทางกลับบ้าน ขอให้เดินทางปลอดภัยและใช้เวลากับครอบครัวในช่วงสงกรานต์ มั่นใจชี้แจงนโยบายใช้จ่ายเงินได้ ยันไม่แจกเงิน แต่เป็นการให้ตามสิทธิและจ้างงาน หมุนเวียนกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและมั่นคง


คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย น.ส.ณิชชา บุญลือ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 8 หลักสี่-จตุจักร เดินทางมายังสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (หมอชิต) พบปะประชาชน และส่งประชาชนกลับบ้าน ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยคุณหญิงสุดารัตน์ได้สอบถามถึงการเดินทางของประชาชน พร้อมถ่ายรูปกับประชาชนอย่างเป็นกันเอง

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า วันนี้มาส่งประชาชนเดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ และใช้เวลาอยู่กับครอบครัวและคนที่รักในช่วงสงกรานต์อย่างมีความสุข ขอให้เดินทางโดยปลอดภัย อย่าประมาท และให้ฉลองในช่วงเทศกาลด้วยความระมัดระวัง ซึ่งการรณรงค์เรื่องการเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ จะเป็นถนนสายหลัก แต่การสูญเสียที่เกิดขึ้นมากที่สุด เกิดในถนนสายรอง จึงอยากให้ตั้งด่านตรวจในถนนสายรองเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งอยากให้รัฐบาลเข้มงวดเรื่องของการจำหน่ายสุรา และขอความร่วมมือจากภาคเอกชน


“มีความห่วงใย 2 เรื่อง คือ เรื่องอุบัติเหตุในการเดินทาง และเรื่องตั๋วเดินทางเต็มและมีตั๋วผี ที่โดนเอกชนโก่งราคา จึงอยากให้ทางกระทรวงคมนาคม เข้ามาดูอย่างจริงจัง ซึ่งบางคนไม่มีโอกาสที่จะจองตั๋วล่วงหน้า หรือไม่สะดวกจองทางออนไลน์ ทำให้ไม่มีตั๋วเดินทางกลับบ้าน” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ปีนี้การเดินทางน่าจะคึกคักมากขึ้น เพราะประชาชนสามารถเดินทางได้ ไม่เหมือนปีที่ผ่านมาที่ติดสถานการณ์โควิด-19 ดังนั้น การตั้งรับของหน่วยงานรัฐในแต่ละพื้นที่ถือว่ามีความสำคัญ

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ให้พรรคการเมืองชี้แจงนโยบายหาเสียงที่เกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายเงิน โดยยืนยันว่าไม่มีความกังวล มั่นใจว่าสามารถชี้แจงได้หมด เพราะไม่ได้ใช้งบประมาณจำนวนมาก เนื่องจากนโยบายพรรคไทยสร้างไทย ไม่เน้นการแจกเงิน แต่เน้นการจ้างงานและให้ได้รับประโยชน์ตามสิทธิที่ควรได้รับ และทุกนโยบายมีผลตอบแทนกลับมาทางด้านเศรษฐกิจจำนวนมาก เช่น นโยบายบำนาญประชาชน 3,000 บาท ที่จะต้องมีให้กับคนไทยที่ทุกคนควรจะได้รับเมื่อเกษียณอายุ เพื่อให้เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพ เพราะในอนาคตประเทศไทยจะเป็นสังคมผู้สูงอายุ และลดภาระลูกหลาน ซึ่งถือเป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนอย่างยั่งยืนและมั่นคง เพราะเงิน 3,000 บาท จะทำให้ผู้สูงอายุเข้าไปมีกำลังซื้อภายในชุมชน


“เราไม่ได้แจกผ่านบัตร เราโอนเงินสดเข้าบัญชีผู้สูงอายุ เบิกมาใช้อะไรก็ได้ ใช้ใกล้บ้าน ซึ่งผู้สูงอายุก็จะใช้ทั้งหมด จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งตามทฤษฎีของแบงก์ชาติ หมุนเวียน 3 รอบ เงินเราใช้ 3 แสนล้านบาท/ปี เท่ากับเพิ่มกำลังซื้อใหม่ ปีละ 1.2 ล้านล้านบาท ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก นี่คือนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจ และไม่ได้ให้ฟรี แต่ให้พร้อมหน้าที่ เป็นการให้บำนาญ 3,000 บาท ที่คนได้รับไปต้องไปสร้างสุขภาพให้แข็งแรง ถ้ารับไปแล้วไปเล่นไพ่ กินเหล้า ตรวจเจอจะต้องถูกตัดเงิน เราต้องให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง เพื่อลดค่ารักษาพยาบาลของรัฐและของครอบครัว ถ้าเปรียบเทียบกับนโยบายที่แจกเงินเฉยๆ ของหลายพรรค ถึงแม้จะแจกน้อยหรือแจกมาก 600 / 700 / 1,000 หรือ 10,000 บาท และแจกครั้งเดียว แต่ของพรรคจะเป็นการแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดและแก้อย่างยั่งยืน ทำให้เศรษฐกิจฐานรากฟื้นตัวอย่างมั่นคง นี่คือสิ่งที่ยืนยันว่าเราคิดอย่างครบวงจร” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว

ส่วนในช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้งจะมีกลยุทธ์อะไรพิเศษหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า พรรคไทยสร้างไทยย้ำว่า มาเพื่อสร้างชัยชนะให้กับประชาชน และให้ประชาชนออกจากความทุกข์ที่มีมาจากการรัฐประหาร การแย่งอำนาจกันของสองขั้ว และการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นสงครามครั้งสุดท้ายของสองขั้วที่แพ้ไม่ได้ ดังนั้น เมื่อจบการเลือกตั้ง ไม่อยากพาประเทศไปเสี่ยงกับสงครามความขัดแย้งทางการเมืองครั้งใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม และถ้าแก้ปัญหาการเมืองไม่ได้ ก็ไม่มีทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้

“พรรคไทยสร้างไทยเป็นพรรคใหม่ แต่หัวใจเดิม ยืนยันไม่เอาเผด็จการอย่างเด็ดขาด และจะไม่สร้างเงื่อนไขที่ทำให้ประเทศไปสู่วิกฤติ ขอให้ประชาชนคิดนอกกรอบว่า อยากจะกลับไปมีชีวิตเหมือนที่ผ่านมาหรือไม่ และถ้าไม่อยากเป็นเช่นนั้นก็ต้องไม่เลือกขั้วเดิม”

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า พรรคไทยสร้างไทยมีประสบการณ์ในการทำงานบริหารประเทศมายาวนาน และรู้กลไกว่าจะผลักดันนโยบายอย่างไร ยืนยันจะปราบคอร์รัปชันอย่างจริงจัง ให้คนที่โกง ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง ข้าราชการ มาติดคุกให้ได้ จะทำให้ประชาชนมีเศรษฐกิจที่ดี ดูแลประชาชนตั้งแต่เกิดจนแก่ให้มีศักดิ์ศรีและมีชีวิตที่ดี” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทหารกัมพูชาขุด “คูเลต” ลากยาว 650 เมตร

อุบลราชธานี 28 พ.ค.- เปิดภาพ! “คูเลต” ทหารกัมพูชาขุดลากยาว 650 เมตร จากต้นสัตบรรณถึงสามแยกลาว จุดปะทะทหารไทย เมื่อวันที่ 28 พ.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน ภายหลังเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี หลังพบขุดคูเลต จากจุดต้นสัตบรรณถึงสามแยกลาว ระยะทาง 650 เมตร ซึ่งเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยก่อนจะเกิดเหตุปะทะกัน ทหารไทยได้เข้าไปเจรจา เพราะเป็นการละเมิด MOU 2543 เป็นครั้งที่ 2 แต่ทางทหารกัมพูชากับยิงสวนออกมา จึงเกิดการปะทะกัน โดยช่วงนี้อยู่ระหว่างการเจรจาของผู้นำในพื้นที่ทั้งสองฝ่าย โดยฝ่ายทหารไทยยืนยันว่าให้ทหารกัมพูชา ออกจากพื้นที่อ้างสิทธิพร้อมกัน-313 .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ย้ำกัมพูชาต้องยึด MOU 43 หลังละเมิดขุดคูเลต 2 รอบ

อุบลราชธานี 28 พ.ค.- มทภ.2 ย้ำกัมพูชาต้องยึด MOU 43 หลังละเมิดขุดคูเลต 2 รอบ ทหารไทยเข้าเจรจากลับยิงสวน ลั่นปกป้องอธิปไตยตามแผนที่ 1:50,000 เต็มที่ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึง เหตุปะทะระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมา กำลังพลของกองกำลังสุรนารีได้ลาดตระเวนและพบว่า ทหารกัมพูชาขุดคูเลต เช่นเดียวกับเนิน 745 ช่องบก ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยก่อนจะเกิดเหตุปะทะกัน ทหารไทยได้เข้าไปเจรจา แต่ทางกัมพูชา ยิงสวนออกมา จึงเกิดการปะทะกัน อย่างที่เป็นข่าว สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาต่อจากนี้ ผู้บังคับบัญชาในระดับพื้นที่กำลังพูดคุยเจรจา “ยืนยันว่าทหารไทยทำหน้าที่รักษาอธิปไตยตามแผนที่ 1:50,000 ซึ่งในพื้นที่ทับซ้อนของทั้ง 2 ประเทศ จะมีการออกลาดตระเวนอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายล้ำเข้ามา ซึ่งทุกฝ่ายต้องยึดตาม MOU 2543”.-313.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารกัมพูชา

ทบ.แจงเหตุปะทะทหารกัมพูชาบริเวณช่องบก คลี่คลายแล้ว

กองทัพบก 28 พ.ค.-ทบ.แจงเหตุปะทะทหารกัมพูชาบริเวณชายแดนช่องบก จ.อุบลราชธานี ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว อยู่ระหว่างรอการเจรจา พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เผยถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา โดยระบุว่าได้รับรายงานจาก กองกำลังสุรนารีเกี่ยวกับเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 เวลา 05.30 น. โดย หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี ได้รับการรายงานว่ามีทหารกัมพูชาเข้ามาวางกำลังในพื้นที่อ้างสิทธิ์ ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อตกลง ฝ่ายไทยจึงจัดชุดประสานงานเพื่อเข้าพูดคุยเจรจาตามแนวทางการปฏิบัติที่เคยกระทำมา เมื่อถึงบริเวณดังกล่าว กำลังส่วนระวังเหตุของทหารกัมพูชา ได้เข้าใจผิด และเริ่มใช้อาวุธ ฝ่ายไทยจึงใช้อาวุธตอบโต้กลับไป โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที ต่อมาเวลา 05.55 น. พลตรี ทล โซะวัน รองผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ฝ่ายกัมพูชา ได้โทรศัพท์ประสานงานกับ พันเอก บุญเสริม บุญบำรุง รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายยุติ โดยทั้งสองฝ่ายได้ตกลงหยุดยิงและตรึงกำลังบริเวณจุดปะทะ ปัจจุบันทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการเจรจาผ่านกลไกทวิภาคี เพื่อจัดการกรณีอ้างสิทธิในพื้นที่ และกำหนดแนวทางร่วมกันในการปฏิบัติอย่างสันติ ตามข้อตกลงที่มีอยู่ […]

มติเอกฉันท์ สภาอนุมัติ “พ.ร.ก.ไซเบอร์-สินทรัพย์ดิจิทัล”

รัฐสภา 28 พ.ค.- สภาเอกฉันท์อนุมัติ “พ.ร.ก.ไซเบอร์-สินทรัพย์ดิจิทัล” ให้ธนาคารร่วมชดใช้ค่าเสียหายจาก “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” เร่งคืนเงินผู้เสียหาย ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ วาระการพิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 และ พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ ซึ่งแบ่งเวลาในการอภิปรายฝ่ายละ 2 ชั่วโมง รวม 4 ชั่วโมง และจะเป็นการรวมพิจารณา และแยกลงมติทีละฉบับ โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เสนอหลักการว่า เนื่องจากปัจจุบัน มี พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญกรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ยังมีมาตรการบังคับทางกฎหมายที่ยังไม่เพียงพอ กับรูปแบบอาชญากรรม กลุ่มมิจฉาชีพ จึงต้องแก้ไขปรับปรุงให้ทันสมัย เช่น การเร่งคืนเงินให้ผู้เสียหาย, การอาญัติบัญชีม้า, การกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของสถาบันการเงิน ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ และมาตรการการโอนเงินผิดกฎหมาย ผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล จากนั้น ได้เปิดโอกาสให้ สส.อภิปรายอย่างกว้างขวาง โดยนายจุติ […]

ข่าวแนะนำ

จับแล้ว “เกม” มือยิงยัดถังถ่วงอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ตะคร้อ

นครสวรรค์ 29 พ.ค. – เมื่อสัปดาห์ก่อน เกิดเหตุสะเทือนขวัญ พบศพถูกยัดใส่ถังพลาสติกขนาด 200 ลิตร โยนทิ้งในอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ตะคร้อ จ.นครสวรรค์ วันนี้จับผู้ต้องหาได้แล้ว จากเหตุสยองอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ตะคร้อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ เมื่อมีผู้พบศพชายปริศนา ถูกยัดอยู่ภายในถังพลาสติกขนาด 200 ลิตร ลอยอยู่ใกล้กับตลิ่ง เมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ตำรวจ สภ.ตะคร้อ ต้องทำงานกันอย่างหนัก เพื่อหาคำตอบให้กับเหตุการณ์อันโหดเหี้ยมนี้ เบื้องต้นสามารถยืนยันได้ว่าชายดังกล่าวเสียชีวิตมาแล้ว 3-5 วัน และมีร่องรอยถูกยิงด้วยปืนลูกซอง จากการตรวจสอบในถังพลาสติกยังพบก้อนหินขนาดใหญ่ ถุงปุ๋ย และกระเป๋าสะพายข้าง ไปจนถึงโทรศัพท์มือถือ ทำให้สามารถค้นหาและทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นายจุฑาเพชร หรืออ้วน อายุ 44 ปี ที่รับจ้างทำไร่ในพื้นที่ อ.โคกเจริญ จ.ลพบุรี จากการสืบสวนและแกะรอยจากกล้องวงจรปิดมานานกว่า 1 สัปดาห์ ทำให้พบว่านายปารวี หรือเกม อายุ 35 ปี เป็นผู้ก่อเหตุ เมื่อตรวจสอบรถกระบะและห้างนาของนายเกม ยิ่งพบหลักฐานสำคัญที่ยืนยันได้ว่านายเกมคือคนร้าย […]

ตั้ง 2 ประเด็น เหตุบุกยิง ครู-อส. งานแข่งตะกร้อ

นราธิวาส 29 พ.ค. – เจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานเหตุคนร้ายยิงถล่ม สภ.จะแนะ จ.นราธิวาส คาดผู้ก่อเหตุมีไม่ต่ำกว่า 10 คน ด้านภรรยาตำรวจที่เสียชีวิต ร่ำไห้ทำใจไม่ได้ ส่วนเหตุบุกยิง ครู-อส. กลางงานแข่งตะกร้อ จนท.ตั้ง 2 ปมก่อเหตุ “ปัญหาส่วนตัว-ความมั่นคง” จากเหตุคนร้ายลอบยิงตำรวจขณะเข้าแถวเคารพธงชาติ ที่สถานีตำรวจภูธรจะแนะ ต.จะแนะ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส และยิงใส่ป้อมรักษาการประตู กระทั่งเกิดการยิงตอบโต้กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงประมาณ 15 นาที จนกลุ่มผู้ก่อเหตุหลบหนีไป หลังเกิดเหตุ ส.ต.อ.อับดุลเลาะ มะกาเซ็ง อายุ 30 ปี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และสิบตำรวจเอก เจษฎา พรหมรัตน์ อายุ 33 ปี บาดเจ็บสาหัส เมื่อวานนี้ (28 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านตำรวจที่เสียชีวิต เป็นสถานที่จัดงานให้ชาวบ้านมาร่วมทำบุญและแสดงความเสียใจกับครอบครัว หลังนำร่าง ส.ต.อ.อับดุลเลาะ ประกอบพิธีฝังศพที่กูโบร์บ้านบาเร๊ะบาโร๊ะ เมื่อคืนที่ผ่านมา (28 พ.ค.) นางสาวนุชฮูดา […]

ทางออก 3 ข้อ ไทย-กัมพูชา ตกลงร่วมคลี่คลายสถานการณ์ช่องบก

อุบลราชธานี 29 พ.ค. – สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา เช้าวานนี้ (28 พ.ค.) บริเวณช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ขณะนี้เข้าสู่วันที่ 2 แม้ไม่มีการปะทะเพิ่มเติม แต่เจ้าหน้าที่ยังตรึงกำลังแน่นหนา ส่วนชาวบ้านในพื้นที่เริ่มเตรียมความพร้อมสำหรับการอพยพ หากเกิดเหตุฉุกเฉิน แต่การแก้ปัญหาที่สำคัญคือ ผู้บัญชาการทหารบกของทั้งสองประเทศได้คุยกันแล้ว เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เบื้องต้นได้ข้อสรุป 3 ข้อ.-สำนักข่าวไทย

จับแล้ว! “สามีภรรยา” คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง

29 พ.ค.- จับแล้ว! สองสามีภรรยา คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง มือคุมบัญชีประมูลร้านค้างานประจำปี – ร้านค้าสวัสดิการ หลังศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับ วันนี้ ( 29 พ.ค.68) เวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปปป. สนธิกำลังร่วมเจ้าหน้าที่ กก.5 บก.ป. นำกำลังเข้าจับกุม สองสามีภรรยา คนสนิทนายแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง หลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับ ในความผิดฐาน ข้อหาฟอกเงิน และ เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ซื้อหรือการรักษาทรัพย์ แต่กลับเบียดบังหรือทุจริตทรัพย์นั้นมาเป็นของตน, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบและเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” โดยสามารถจับกุมตัวทั้งสองได้ภายในค่ายลูกเสือพระพุทธศาสนา มูลนิธิหลวงพ่อวัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย มาสอบปากคำยัง กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ขณะเดียวมีรายงานว่า นอกเหนือจากผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้ พนักงานสอบสวนยังได้ขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับอดีตพระลูกวัดคนสนิท ทิดแย้ม ซึ่งถูกจับกุมก่อนหน้านี้ และถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดย พนักงานสอบสวน เตรียมประสานไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ […]