มธ.รังสิต 28 ม.ค. – “พิธา” ชี้ประชาชนเลือกแบบเดิมได้แบบเดิม แต่ถ้าเลือก “ก้าวไกล” ยันจะเป็นนายกฯ ที่มีปัญญาแก้ปัญหา ย้ำขอไม่รวมกับพรรคสืบทอดอำนาจ คสช.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่อาคารอุทยานการเรียนรู้ป๋วย 100 ปี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีการประชุมสมัชชาใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ (28 ม.ค.) ว่า เป็นการประชุม 3 อย่าง เพื่อเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง อย่างแรกคือ การเตรียมข้อบังคับให้เข้ากับกฎหมายใหม่ เตรียมองคาพยพ โครงสร้างของแต่ละจังหวัด และเป็นการเปิดตัวแอปพลิเคชัน “ก้าวไกลทูเดย์” พร้อมเปิดตัวยุทธศาสตร์ให้ประชาชนกาก้าวไกล ให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต ตนคิดว่าประเทศไทยเศรษฐกิจโต แต่ต้องลดความเหลื่อมล้ำไปด้วย จะเอาปัญหาในประเทศไทยมาสร้างเป็นโอกาส สร้างเป็นอุตสาหกรรม เป็นงาน ตนจะเป็นนายกรัฐมนตรีที่เมื่อปัญหามาปัญญามี ปัญหามีไว้ให้แก้ ไม่ได้มีไว้ให้กลุ้ม และไม่ได้มีไว้ให้ดองเหมือนเดิมๆ ซึ่งทั้งหมดจะเกิดได้ ประชาชนต้องปิดสวิตช์ 3 ป. เพื่อเปิดความหวังให้ประเทศ
ส่วนที่มีการพูดว่า พรรคก้าวไกลเป็นพรรคเอ็กซ์ตรีม นายพิธา กล่าวยืนยันว่า สิ่งที่พรรคก้าวไกลกำลังทำอยู่เป็นเรื่องปกติ แต่ต้องยอมรับว่า สถานการณ์โลกตอนนี้สุดโต่งมาก เพราะฉะนั้น เราต้องการองคาพยพของรัฐที่พร้อม ที่จะสามารถคืนสามัญสำนึกให้กับการเมืองไทยให้ได้ก่อน เพื่อจะให้มีรัฐบาลที่พร้อมจะต่อสู้กับความท้าทายที่สุดโต่งของโลกในปัจจุบัน
“การที่การเมืองไทย เศรษฐกิจไทย ยังย่ำอยู่กับที่เหมือนเดิม บริหารด้วยระบบราชการแบบรวมศูนย์ เหมือน 130 ปีที่แล้ว ตรงนี้ต่างหากที่เป็นสุดโต่ง และเป็นความเสี่ยงที่มากที่สุดของประชาชน ที่จะเลือกพรรคการเมือง นักการเมืองแบบเดิมๆ แล้วคาดว่าจะได้รับผลใหม่ๆ นี่ต่างหากเป็นเรื่องที่สุดโต่ง” นายพิธา กล่าว
ส่วนคำว่าประชาธิปไตยที่เหมาะสมนั้น นายพิธา กล่าวว่า ประชาชนจะเป็นคนตอบได้ดี สำหรับก้าวไกล คำว่าประชาธิปไตย ไม่ใช่มีแค่การเลือกตั้งอย่างเดียว แต่เป็นการที่ยึดโยงกับประชาชน การเมืองที่ประชาชนเป็นใหญ่ ไม่ต้องมานั่งคิดว่าพลังของรากตั้ง หรือเลือกตั้งมากกว่ากัน การเลือกตั้งสู้กันด้วยนโยบาย สู้กันด้วยผู้สมัคร ไม่มีการรัฐประหารทุก 5 ปี ไม่มีการยุบพรรคเมื่อใกล้จะแพ้การเลือกตั้ง นี่คือสิ่งที่พรรคก้าวไกลมองว่าเป็นประชาธิปไตย การที่ประชาชนจะมาควบคุมวาระทางสังคมมีสิทธิเสรีภาพ ชุมนุมกันอย่างสงบ ไม่มีกฎหมายกดขี่ ใครจะมองเหมาะสมไม่เหมาะสม ประชาชนเป็นคนเลือก
สำหรับการลงพื้นที่ของพรรคก้าวไกลนั้น การปราศรัยของพรรคก้าวไกลจะเน้นไปที่การปราศรัยย่อย เน้นการเดินเข้าหามวลชน พูดคุยกันเป็นกลุ่มเล็กๆ ส่วนในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่เป็นพื้นที่เป้าหมายของหลายพรรค นายพิธา กล่าวว่า พื้นที่กรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ที่ประชาชนไว้วางใจตั้งแต่ปี 2562 จนถึงการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ซึ่งนโยบายหลักของกรุงเทพฯ คือ การเปลี่ยนรถเมล์ควันดำให้เป็นรถเมล์ไฟฟ้า เพื่อทำให้สุขภาพของพี่น้องกรุงเทพฯ ดีขึ้น ทำให้ระบบสาธารณะเหมาะสมมากขึ้น ลด PM 2.5 ไปได้ 10% ทันที รวมถึงการสร้างงานสร้างอาชีพที่พี่น้องกรุงเทพฯ น่าจะจับต้องได้
พร้อมกันนี้ นายพิธา กล่าวถึงกระแสการดีลกันระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคสร้างอนาคตไทย ว่า เป็นเรื่องที่ดีที่พรรคการเมืองแต่ละพรรคมีการพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมา โปร่งใสกับประชาชน ในส่วนของพรรคก้าวไกล ยืนยันชัดเจนว่า ต้องการจะปิดสวิตช์ 3 ป. เอาพรรค คสช. ออกจากการเมืองไทย เพราะฉะนั้น พรรคก้าวไกลจะไม่ร่วมรัฐบาลกับทั้งพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ และตนยืนยันขั้วพรรคฝ่ายค้านปัจจุบัน เป็นชุดคำตอบที่ดีที่สุดของความท้าทายในประเทศไทยตอนนี้. – สำนักข่าวไทย