เดินหน้าประเทศหลังโควิด ต้องมีแผนบูรณาการทุกภาคส่วน

กทม. 8 ม.ค. – ปชป. ชี้ประเทศจะเดินหน้าได้หลังวิกฤติโควิด ต้องมีแผนบูรณาการทุกภาคส่วน เพื่อสร้างเสถียรภาพให้ประเทศ


นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ กทม. กล่าวเปิดงานเสวนา “เดินหน้าประเทศอย่างไร ในวันที่โควิด(ยัง) กลายพันธุ์” ซึ่งจัดโดยคณะกรรมการยุทธศาสตร์ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ว่า ประเทศไทยมีบทเรียนจากการต่อสู้กับวิกฤติการณ์โควิดมาแล้ว ทำให้คนไทยได้เรียนรู้ และใช้ชีวิตร่วมกับโควิดได้ในระดับหนึ่งแม้จะมีการกลายพันธุ์อยู่บ้าง ขณะที่เมื่อจีนเปิดประเทศให้ทั้งคนจากประเทศต่างๆ เดินทางท่องเที่ยวในจีน และคนจีนเดินทางท่องเที่ยวได้ทั่วโลก ทำให้หลายประเทศตั้งเงื่อนไขและมีปฏิกริยาต่อจีน ซึ่งในวันที่ 12 มกราคมนี้ จะมีคนจีนชุดแรกเดินทางเข้าประเทศไทย และประเทศไทยมีแนวทางปฏิบัติต่อนักท่องเที่ยวจีนเหมือนกับนักท่องเที่ยวอื่นๆ ทั่วโลก ดังนั้นวันนี้จึงชวนทุกคนช่วยกันขบคิดว่าจะเปิดประเทศอย่างไรเพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้า และทุกคนอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข

น.พ.อนุพงษ์ สุจริยากุล ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค ได้ชี้ให้เห็นถึงภาพรวมสถานการณ์การติดเชื้อโควิดในประเทศไทยว่า ที่ผ่านมามีผู้ป่วยจากการติดเชื้อโอไมครอนทั่วโลกจำนวนกว่า 660 ล้านคน เสียชีวิต 6 ล้านกว่าคน ขณะที่เครื่องมือสำคัญในการจัดการโควิดของไทยคือวัคซีน ปัจจุบันคนไทยได้รับวัคซีนไปแล้วกว่า 170 ล้านเข็ม โดยเข็มที่ 1 และ 2 เป็นซิโนแวค เข็มที่ 3 เป็นแอสตร้าฯ หรือวัคซีน MRNA ที่สามารถลดความรุนแรงได้ประมาณ 80% เมื่อเทียบกับประเทศในกลุ่มอาเซียน ถือว่าเราอยู่ในอันดับที่ 6 ส่วนเรื่องของวัคซีนเวอร์ชั่นใหม่ที่มีการคาดการณ์ว่าจะมี แต่สุดท้ายไม่มีนั้น ก็มองว่า ผู้ผลิตยังเฝ้าดูการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด ก่อนที่จะตัดสินใจผลิตวัคซีนเวอร์ชั่นใหม่ ดังนั้นหากประชาชนที่ยังไม่ได้ฉีดเข็มกระตุ้น หรือได้รับวัคซีนเข็มล่าสุดมานานกว่า 4 เดือน จำเป็นต้องไปฉีดกระตุ้น และอย่าลดการ์ด ต้องใส่หน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ เว้นระยะห่าง


พ.ญ.ชุลีพร จิระพงษา นักระบาดวิทยา ระบุว่าในวิกฤติโควิดที่ผ่านมานั้น การที่คนไทยเสียชีวิตเป็นเพราะได้รับวัคซีนน้อย ซึ่งพบว่าส่วนใหญ่มีการฉีดวัคซีนเพียงเข็ม 2 ประมาณ 80% ส่วนเข็ม 3 มีประมาณ 30 % และการฉีดวัคซีนนั้นเมื่อเวลาผ่านไปภูมิคุ้มกันจะลดลง ดังนั้นโดยเฉพาะกลุ่ม 608 จึงมีความจำเป็นที่ต้องได้รับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นด้วย และจากมติการประชุมคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคครั้งที่ 8/2565 วันที่ 9 ธันวาคม 2565 ประเทศไทยเปิดทางเลือกให้กับผู้ฉีดวัคซีนมากที่สุด โดยมีให้เลือกแบบฉีดเข้ากล้ามเนื้อ หรือใต้ผิวหนัง นอกจากนี้ยังมองว่าโควิดที่จีนประสบอยู่นั้นมีสายพันธุ์ไม่แตกต่างจากไทย ดังนั้นจึงสามารถปฏิบัติกับนักท่องเที่ยวจีนและประเทศอื่นๆ ได้เหมือนกัน ผู้ประกอบการท่องเที่ยว โรงแรมควรแนะนำให้นักท่องเที่ยวตั้งการ์ด ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 2 เข็ม สวมหน้ากากอนามัย ฉีดแอลกอฮอลล์ สถานที่ท่องเที่ยว โรงแรมต้องทำความสะอาดพื้นผิว และหากพบนักท่องเที่ยวมีอาการต้องรีบแจ้งสถานพยาบาลซึ่งประเทศไทยก็มีระบบสาธารณสุขที่ดีมากอยู่แล้ว

ในขณะที่ ดร.อรณิชา สว่างฟ้า ในฐานะนักเศรษฐศาสตร์ กล่าวว่า ในส่วนของเศรษฐกิจไทยในขณะนี้นับว่ากลับสู่ภาวะปกติ แต่ถือว่ายังมีวิกฤตเรื่องภูมิรัฐศาสตร์เข้ามาเป็นตัวแปร ทำให้คาดการณ์ลำบาก เพราะเมื่อดูตัวเลขปี 2565 เศรษฐกิจโต 3.5 ปี 2566 เศรษฐกิจเติบโต 3.8 มีนักท่องเที่ยว 21.5 ล้านคน ในจำนวนนี้คาดว่ามีนักท่องเที่ยวจีนเพียง 2 ล้านคน ถือว่าการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนไม่ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทย ฉะนั้นประเทศไทยต้องมีความสมดุล ไม่เร่งรีบจนเกินไป เนื่องจากประเทศไทยมีพื้นฐานเครดิตที่ดี ความมีเสถียรภาพจึงเป็นตัวช่วยให้ไทยมีทรัพยากรในการต่อสู้ปัญหาได้ ซึ่งหากมองในระยะยาวเรื่องการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจะเป็นตัวที่พัฒนาต่อได้ในระยะยาวและยั่งยืนได้ อาทิ เรื่องการเตรียมการรองรับสังคมผู้สูงอายุ สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ ดิจิทัล เป็นต้น

ด้านนางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ อดีตส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ได้สะท้อนเสียงประชาชนว่าจากช่วงโควิดระบาด พี่น้องประชาชนมีความเดือดร้อนอย่างมาก เนื่องจากภาครัฐมีการสื่อสารไม่ชัดเจน ขณะที่ในภาคปฏิบัติก็ไม่สามารถรองรับผู้ป่วยติดเชื้อได้อย่างทันท่วงที จึงอยากให้ภาครัฐและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือกัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ภาครัฐต้องตั้งรับและต้องชี้แจงให้ชัดเจน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่ต้องได้รับการดูแลพิเศษ ดังนั้นเมื่อประเทศไทยต้องเปิดรับนักท่องเที่ยว ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีมาตรการรับมือที่ชัดเจน รวดเร็ว และอยากให้ทุกคนระมัดระวัง ตั้งการ์ด ออมสุขภาพให้ดี


ทางด้านนางดรุณวรรณ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ นักสื่อสารการตลาด มองว่า การที่จะเดินหน้าประเทศต่อไปได้ ในขณะที่โควิดยังกลายพันธุ์ ประเทศต้องมีแผนการสื่อสารในภาวะวิกฤติแบบบูรณาการ ที่ต้องเกิดจากการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วน ซึ่งต้องครบทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา สาธารณสุข และต้องมีรูปแบบการสื่อสารที่เป็นระบบเพื่อไม่ให้วิกฤติด้านการสื่อสารมาส่งผลกระทบต่อวิกฤติใหม่ๆ การจัดการในภาวะวิกฤตินั้น นอกจากต้องมีการบัญชาการแบบศูนย์รวม (Single Command) แล้ว ยังจำเป็นต้องมีการสื่อสารด้วยชุดข้อความเดียวจากแหล่งที่ถูกต้อง (Single Message) เพื่อป้องกันความสับสน และไม่ทำให้วิกฤติด้านการสื่อสารไปสร้างวิกฤติเพิ่มเติมให้กับวิกฤติด้านอื่นๆ ท้ายที่สุดแล้ว ประเทศไทยต้องนำวิกฤติโควิดมาถอดบทเรียนเพื่อนำไปสู่การเดินหน้าแก้ไขประเทศชาติได้อย่างแท้จริง .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กั้นแนวถนนบ้านหนองจาน ตามประกาศเคอร์ฟิว

สระแก้ว 27 ส.ค. – มวลชนชาวไทยร่วมร้องเพลงชาติ ที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว เมื่อเวลา 18.00 น. จากนั้นทหารขอความร่วมมือให้ออกนอกพื้นที่ ตามประกาศเคอร์ฟิว ก่อนนำลวดหนามและเครื่องกีดขวาง กั้นแนวขอบถนนศรีเพ็ญ ห้ามผู้ใดข้ามไป เพื่อความปลอดภัย. – สำนักข่าวไทย

ดินถล่มหมู่บ้าน อ.แม่แจ่ม ตาย 3 สูญหาย 6

เชียงใหม่ 27 ส.ค. – ฝนที่ตกหนักจากฤทธิ์ของพายุ “คาจิกิ” ทำให้เกิดดินถล่มในหมู่บ้านปางอุ๋ง ซึ่งอยู่บนดอยสูง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย บาดเจ็บ 15 ราย และยังสูญหายอีก 6 ราย สภาพหมู่บ้านเต็มไปด้วยดินโคลนที่ถล่มลงมาทับบ้านเรือนเสียหายนับร้อยหลัง. – สำนักข่าวไทย

“มาริษ” แจงข้าหลวงใหญ่ UN ปมกัมพูชา

สวิตเซอร์แลนด์ 27 ส.ค.-“มาริษ” เผยคุยรองข้าหลวงใหญ่ UN ปมไทย-กัมพูชา สัญญาณบวก เข้าใจไทยไม่ทำผิดกติการะหว่างประเทศ ไม่เห็นด้วย “ฮุน เซน” อัดเสียงคุยนายกฯ และการใช้สงครามข่าวปลอม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าพบหารือกับนางนาดา อัล-นาชิฟ (Nada Al-Nashif) รองข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เพื่อแสดงข้อมูลหลักฐานและชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา นายมาริษ เปิดเผยภายหลังการหารือว่า ได้เล่าให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ฟังถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนของกัมพูชาในหลายประเด็น ซึ่งรองข้าหลวงใหญ่ฯมีความเห็นที่สนับสนุนประเทศไทยในหลายเรื่อง และมีท่าทีที่เป็นห่วงประเทศไทยมาก ซึ่งตนได้ชี้แจงข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการที่กัมพูชาใช้โซเชียลมีเดียโจมตีไทยมานานแล้ว มีการให้ข้อมูลว่าไทยลอกเลียนแบบวัดและประวัติศาสตร์ของกัมพูชา ซึ่งไทยพยายามแก้ไขปัญหานี้ด้วยความอดทนอดกลั้น และพยายามชี้แจงให้เห็นว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่ก่อตั้งกันมาจากรากเหง้าทางวัฒนธรรมเดียวกัน ไทยต้องการแก้ไขปัญหาไม่ต้องการแสดงความร้าวฉานระหว่างชุมชนและ ประชาชนของทั้งสองประเทศ และเมื่อปัญหาคุกรุ่นมากขึ้นไทยก็พยายาม แก้ปัญหาด้วยการให้กัมพูชามาพูดคุยแบบทวิภาคี เป็นการอธิบายให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ได้เข้าใจว่าไทยปฏิบัติตามกติกา ยึดถือกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ และพยายามหาทางให้กัมพูชามาพูดคุยกับไทย ซึ่งไทยกับกัมพูชามีข้อตกลง MOU43 ที่ทั้งสองประเทศจะต้องแก้ปัญหาร่วมกันอย่างสันติวิธี และด้วยความจริงใจ นับเป็นกลไกที่องค์การสหประชาชาติให้ความสำคัญ คือการเจรจาทวิภาคีโดยสันติและจริงใจ โดยไทยยึดมั่นมาโดยตลอด และเป็นเป้าหมายที่สำคัญของไทย นายมาริษ กล่าวว่าตนได้หยิบยกประเด็นที่สมเด็จฮุน เซน อัดเสียงพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีของไทย และนำมาเผยแพร่ในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง […]

“ทิดอลงกต-หมอบี” นอนคุก ศาลไม่ให้ประกันตัว

ศาลอาญาฯ 27 ส.ค. – “ทิดอลงกต-หมอบี” นอนคุก ศาลไม่ให้ประกันตัว เหตุคดีมีอัตราโทษสูง และมีทรัพย์สินมูลค่าความเสียหายสูง พนักงานสอบสวน กองกำกับการ 5 กองบังคับการป้องกันปราบปราม ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ขอฝากขังครั้งแรก พระราชวิสุทธิประชานาถ หรือนายอลงกต พูลมุข ผู้ต้องหาที่ 1 และนายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล ผู้ต้องหาที่ 2 ความผิดกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 1 ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยินยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าโดยทุจริต, ฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ความผิดกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 2 ฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่รักษาทรัพย์ใดฯ, เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ, ฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางอนุญาตให้ฝากขัง 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค.- 7 ก.ย.นี้ โดยผู้ต้องหาที่ 1 ไม่ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นนี้ ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 […]