“พล.อ.ประยุทธ์” แคนดิเดตนายกฯ รทสช.

ทำเนียบรัฐบาล 23 ธ.ค.-นายกฯ ประกาศชัดร่วมงานรวมไทยสร้างชาติ พร้อมเป็นแคนดิเดตนายกฯ ยันสัมพันธ์พี่น้องทหาร “พล.อ.ประวิตร” ตัดไม่ขาด อนาคตจับมือร่วมกันหรือไม่ ให้รอผลเลือกตั้ง


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานพิธีมอบโล่เชิดชูเกียรติของกระทรวงวัฒนธรรม โดยนายกรัฐมนตรีเดินลงมาจากตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อไปตึกสันติไมตรี สถานที่จัดงาน แต่ระหว่างทางเชื่อม ซึ่งมีผู้สื่อข่าวยืนรออยู่ตามปกติ นายกรัฐมนตรีหันมาทักทายสื่อมวลชน พร้อมถามว่า  “อยากถามอะไรนายกฯ ถึงมากันเยอะ จะมาดูงานวันนี้ใช่หรือไม่ แล้วออกข่าวให้หรือไม่ อะไรที่เป็นประโยชน์กับส่วนรวมก็ช่วยออกให้ด้วย” ก่อนระบุว่า วันนี้หลายพรรคการเมืองออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ของแต่ละพรรค ที่ผ่านมา ตนพิจารณาด้วยหลักการและเหตุผล

“วันนี้พรรครวมไทยสร้างชาติเสนอมาแล้วว่าจะสนับสนุนผมเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ผมจึงจำเป็นต้องทำให้เกิดความชัดเจน เพราะมีการวิพากษ์วิจารณ์หลายอย่าง ทำให้เกิดความเสียหาย ที่ผ่านมาผมได้รับการสนับสนุนจากพรรคพลังประชารัฐ แต่ตอนนี้พรรคพลังประชารัฐได้เสนอชื่อหัวหน้าพรรคเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีไปแล้ว เพราะฉะนั้นผมก็เลยตัดสินใจ ซึ่งจริง ๆ ก็ได้ตัดสินใจมาระยะหนึ่งแล้วว่าจะไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็แล้วแต่ประชาชนจะให้การสนับสนุน การที่ผมตัดสินใจแบบนี้ เพราะอยากสานต่องานที่ยังไม่สำเร็จหลายอย่างที่เคยทำมาหลายปี หากว่าผมอยู่ได้ในระยะเวลาที่กำหนด” นายกรัฐมนตรี กล่าว


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนดูแลทุกพื้นที่ ไม่ได้แบ่งแยกว่าเป็นของใคร หลายจังหวัดที่ไปก็ไม่มีส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐและพรรครัฐบาล เช่นเดียวกับที่ไปจังหวัดเชียงรายล่าสุดก็ไม่มีส.ส.รัฐบาล แต่ตนก็ยังไป เพราะมองประชาชนเป็นหลัก อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ก็เสนอเข้าครม. จัดสรรงบประมาณให้ แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปด้วยความโปร่งใสตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนยึดมั่นมาโดยตลอด ไม่เคยแสวงหาผลประโยชน์ใด ๆ แม้แต่เล็กน้อย

“ผมได้กราบเรียนพล.อ.ประวิตรไปแล้วว่าอาจจะมีความจำเป็น กราบเรียนท่านไปหลายครั้งแล้ ว จนครั้งสุดท้ายก็ได้ตัดสินใจไปแล้วและคุยกับท่านแล้ว​ ไม่ได้มีปัญหาอะไร​ ไม่มีความขัดแย้งอะไรทั้งสิ้น ​การเมืองก็ว่ากันไปตามการเมือง ตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งไม่ได้จากกันไปไหน​ ยังพูดคุยกันเหมือนเดิม​ อย่าลืมว่าความสัมพันธ์ของทหารกับทหารด้วยกัน​มันลึกซึ้งกว่า​ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผมจบมาในการดูแลของท่าน ท่านเป็นพี่ชายของผม หลังจากที่ผมจบจากโรงเรียนนายร้อย รับราชการตั้งแต่ร้อยตรี​ จนกระทั่งอยู่ด้วยกันมาตลอดชีวิต รับราชการจนถึงวันนี้​ ความผูกพันธ์นี้​ ไม่มีใครลบล้างได้​ ท่านเองก็รู้สึกเหมือนกัน​ ท่านไม่ได้ว่าอะไรผม ผมก็บอกท่านจะได้สบายใจเพราะมีแรงกดดันหลายประการ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ส่วนจะสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็คงต้องสมัคร ​ส่วนเรื่องเวลาต้องรอดูอีกครั้ง ส่วนจะเป็นแคนดิเดตนายกคนเดียวของพรรคเลยหรือไม่นั้น​ เท่าที่ทราบมีเพียงคนเดียว​


เมื่อถามย้ำว่าจะยังจับมือกับพล.อ.ประวิตรในทางการเมืองหรือไม่นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นอีกเรื่องหนึ่ง​ ขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้ง​ ประชาชนจะเลือกใครก็ยังไม่รู้​ ถึงเวลานั้นภาษาการเมืองเรียกว่าการจับคู่ทางการเมือง​ ใครจะเป็นฝ่ายค้าน​ ฝ่ายรัฐบาลก็เหมือนครั้งที่แล้ว​ ที่มีพรรคร่วมรัฐบาล​ ฝ่ายค้าน ถ้าคะแนนเสียงรวมกันได้มากกว่าก็เป็นรัฐบาล​ คราวที่แล้วตนก็มาแบบนั้น​

เมื่อถามว่าการประกาศในวันนี้ถือเป็นการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้าชัดเจนเลยหรือไม่​ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ยังไม่ชัดอีกหรือ​”

ส่วนครอบครัวสนับสนุนเต็มที่หรือไม่นั้น​ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็เข้าใจกัน​ว่า ตนทำเพื่ออะไร​

เมื่อถามว่า การมาทำพรรคการเมืองถือเป็นความท้าทายหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เขามีหัวหน้าพรรคอยู่แล้ว​​ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องคุยกันว่าอะไรที่รัฐบาลนี้ทำไว้ต้องสานต่อไปสู่อนาคตอย่างยั่งยืน ​มั่นคง​ ไม่ใช่เป็นนโยบายที่จับต้องไม่ได้​ ถ้าประกาศว่าจะทำโน่นทำนี่​ จะทำได้จริงหรือไม่​ ถ้าจะให้โน่นให้นี่ จะเอาเงินจากที่ไหน ​ตนพยายามทำมาตลอด​ ตลอดเวลาที่ผ่านมาทั้ง​ 4 ปีแรก​และ ​4 ปีหลัง​ พยายามหารายได้เข้าประเทศ เราต้องดูแลประชาชน​แต่ต้องมีกติกาพอสมควร​

“ส่วนจะจับมือกับพรรคใด ต้องรอผลการเลือกตั้งก่อน เหมือนการเลือกตั้งที่ผ่านมา หลังจากนี้ก็ต้องมาพูดคุยกับพรรครวมไทยสร้างชาติว่า สิ่งไหนที่รัฐบาลทำไว้ก็ต้องมาสานต่อ การประกาศนโยบายต้องดูเรื่องของงบประมาณ ที่ผ่านมารัฐบาลแก้ไขปัญหาต่าง ๆ มากมายทั้งสถานการณ์โควิด ยืนยันต้องการทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อยให้ดีที่สุด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะทำคนเดียวไม่ได้ ต้องขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ซึ่งทุกคนต้องมีหลักคิดว่าจะเลือกใครเข้ามาบริหารประเทศ และเมื่อเลือกตั้งมาแล้วก็ต้องมารวมคะแนนเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ใครได้คะแนนเสียงข้างมากก็เป็นรัฐบาล และจะถูกเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีต่อไป” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทั้งหมดเป็นเรื่องของการเลือกตั้ง ในอนาคตไม่มีอะไรที่แน่นอน อยู่ที่ประชาชน ซึ่งถือว่าการเลือกตั้งที่จะถึงนี้เป็นการเลือกตั้งที่มีความสำคัญที่สุด จึงขอให้ประชาชนคิดไตร่ตรองให้รอบคอบ มีเหตุมีผล มีหลักคิดในการเลือกพรรคการเมือง ดูนโยบายหาเสียงที่จะต้องไม่เกินงบประมาณของประเทศชาติ จนทำให้ประเทศชาติเสียหาย จึงขอให้ประชาชนคิดให้ดี ซึ่งตนเองใช้หลักการบริหาร เฉลี่ยดูแลประชาชนทุกกลุ่มมาโดยตลอด

“จำเป็นต้องพูดวันนี้ เนื่องจากเกรงว่า ถ้าไม่พูด จะวิพากษ์วิจารณ์ไปเรื่อย ผมจึงตัดสินใจแล้ว ขอบคุณพรรคพลังประชารัฐที่ให้การสนับสนุนผมเป็นนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมา ยืนยันว่าไม่ใช่ศัตรูกัน ที่ผ่านมารักษามารยาทกับทุกพรรค รวมถึงพรรคพลังประชารัฐ แต่เมื่อเปิดตัวแล้วก็ จำเป็นต้องพูดให้ชัดเจน จะได้ไม่เกิดความสับสนและเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง แต่ขออย่างเดียวว่าจะต้องสงบวันนี้ เลือกตั้งได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ส่วนรัฐบาลชุดนี้จะอยู่ครบเทอมหรือยุบสภานั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้ดูจังหวะเวลา แต่ทุกอย่างจะเป็นไปตามกฏหมาย การย้ายพรรคจะต้องไม่มีปัญหา ซึ่งจะต้องหารือกับฝ่ายการเมืองและพรรคร่วมรัฐบาลด้วย งานหลักของตนคือการดูแลชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ประชาชนไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม ก็จะทำหน้าที่ตรงนี้ ที่ผ่านมาย้ำมาตลอดว่าการมายืนอยู่ตรงนี้ มาจากสาเหตุอะไร

“มีการออกมาพูดจาเสียหายตำหนิหลายอย่าง จนลืมไปว่าที่ผ่านมาทำความเสียหายอะไรไปบ้าง ทุกวันนี้ได้เข้ามาแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้ดีขึ้นแต่ยังมีปัญหาอยู่ ซึ่งการแก้ปัญหาจะต้องสร้างความเข้าใจ แต่สิ่งสำคัญในตอนนี้มากกว่าการเลือกตั้ง คือการทำให้ประชาชนเกิดความรักความสามัคคี ซึ่งผมให้ความสำคัญเรื่องนี้มาโดยตลอด ไม่ว่าจะอยู่ในสถานศึกษา การบิดเบือนข้อมูลข่าวสารและการบูลลี่ในสถานศึกษา ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่อันตราย โดยเฉพาะครูที่จะต้องทำให้ผ้าขาวเป็นผ้าขาวที่บริสุทธิ์ ขอร้องให้หยุด รัฐบาลใช้กฎหมายดูแลมาตลอด เมื่อเกิดการลงโทษตามกระบวนการกฎหมาย ผมไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวและเข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย    

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังข้อเท็จจริง​ปมทุ่นระเบิดช่องบก

กองทัพบก 22 ก.ค.- ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร​ 47 ประเทศ​ รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​-กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ พบ เป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​วางใหม่​ โดยมีหลายชาติ สนใจรับฟังขณะ​ พลจัตวา​ ฮอม​ คิม ผู้ช่วยทูตทหารดัมพูชา ร่วมด้วย กองบัญชาการ​กองทัพ​บก​ เชิญผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย​ รับฟังการชี้แจงสถานการณ์​ชายแดนไทย​-กัมพูชา​ ถึงข้อเท็จจริงกรณีไทยโดนรุกล้ำอธิปไตย​ และมีการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​ ทำให้ทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย​ และมีการตรวจสอบว่าเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่​ ที่วางในเขตไทย​ ซึ่งขัดต่ออนุสัญญา​ออตตาวา​ ที่ทั้งไทยและกัมพูชาเป็นประเทศภาคี​ที่ให้สัตยาบัน​​ บรรดาทูต​ทหาร​ ทยอยเดินทางมายังห้อง ศรีสิทธิสงคราม​ ภายในกองทัพบก ตั้งแต่เวลา​ 13.20 น.​ อาทิทูตทหารจากเวียดนาม เมียนมา อินเดีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อังกฤษ บูรไน ออสเตเรีย สหรัฐอเมริกา อินโดนิเซีย จีน กัมพูชา เยอรมันนี แคนนาดา […]

พายุวิภากระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านอาหารถล่ม

จันทบุรี 22 ก.ค. – พายุกระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านข้าวมันไก่ถล่ม กระแทกหลังแม่เจ้าของร้านได้รับบาดเจ็บ ส่วนที่ภูเก็ตพายุถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต หลังคาร้านข้าวมันไก่ บริเวณตลาดศิริการ อ.เมือง จ.จันทบุรี ถูกพายุพัดร่วงลงมาทั้งแผง ท่ามกลางความตื่นตระหนกของลูกค้าและพนักงานในร้าน เหตุดังกล่าวเกิดช่วงเที่ยงพอดี จึงมีลูกค้ามานั่งกินข้าวเต็มร้าน กระทั่งมีฝนเทลงมา ทางร้านและลูกค้าจึงช่วยกันขนย้ายโต๊ะเก้าอี้เข้าข้างในเพื่อหลบฝน ก่อนพายุจะซัดเข้ามาอย่างรุนแรง จนหลังคาถล่ม เบื้องต้นไม่มีลูกค้าได้รับบาดเจ็บ มีเพียงแม่เจ้าของร้านข้าวมันไก่อีกร้าน ที่อยู่ติดกัน ถูกหลังคากระแทกหลังได้รับบาดเจ็บ นำส่งโรงพยาบาลแล้ว พนักงานร้านข้าวมันไก่ บอกว่า ปกติบริเวณนี้มีฝนตกบ่อย หลังคาแข็งแรงดี ไม่ได้ชำรุดอะไร แต่วันนี้ ลมแรงมาก มาแบบวูบเดียว พัดหลังคาลอยขึ้นก่อนพังลงมา ทั้งนี้ลมพายุได้พัดหลังคาของตึกที่อยู่ในละแวกร้านข้าวมันไก่พังเสียหายจำนวน 15 คูหา เบื้องต้นกำลังทหารและตำรวจ ได้เข้าตรวจสอบ พร้อมให้การช่วยเหลือ ขนย้ายเศษซากหลังคาเคลียร์พื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว พายุโซนร้อนวิภาถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต ที่หน้าหาดเกาะเฮ จังหวัดภูเก็ต นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ หอบข้าวของวิ่งหนีลมพายุ จังหวะนั้นต้นไม้ขนาดใหญ่ถูกลมพัดโค่นลงมา ในคลิปจะได้ยินเสียงคนพูดว่า “เห็นไหม คน ๆ อยู่ใต้นั้น” หลังเหตุการณ์สงบ […]

รถบรรทุกพุ่งชน จยย.พ่วงข้างรับส่ง นร. ตาย 3 เจ็บ 6

พระนครศรีอยุธยา 22 ก.ค. – สลด รถบรรทุก 6 ล้อ พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน มีผู้เสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บ 6 คน เกิดอุบัติเหตุรถบรรทุก 6 ล้อ ทะเบียนพระนครศรีอยุธยา พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน โรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ ก่อนตกลงไปในร่องน้ำ บนถนนชนบทเลียบคลองระพีพัฒน์ หมู่ 5 ตำบลวังน้อย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และอัดกับรั้วบ้านจนรถพังยับ มีผู้ติดอยู่ในรถ 2 คน เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้อุปกรณ์ตัดช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทั้ง 2 คนออกมา แต่ผู้โดยสารเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนคนขับบาดเจ็บสาหัส ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง สภาพรถเสียหายยับเยิน คนบนรถ 7 คน เป็นนักเรียนโรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ 6 คน ผู้ปกครอง 1 คน บาดเจ็บทั้งหมด เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาลวังน้อย และมีนักเรียน 2 คนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธสวรรย์ จุดกิตติวังน้อย […]

โฆษก ทบ. เผยนานาชาติเข้าใจไทยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด

กองทัพบก 22 ก.ค.- โฆษก ทบ. เผยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด นานาชาติเข้าใจไทย ขณะผู้ช่วยทูตทหารกัมพูชานั่งนิ่งไม่โต้แย้ง – ให้กองทัพภาคที่ 2 ประเมินสถานการณ์หลังคนไทยนัดรวมตัวปราสาทตาเมือนธม ปลายเดือนนี้ พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวภายหลังการเชิญผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​- กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ ว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ส่วนใหญ่เป็นการรับฟังและมีคำถามบ้าง ถือว่าน้อย เนื่องจากทุกท่านอาจจะได้รับข่าวสารจากช่องทางอื่นมาบ้างแล้ว ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก ที่พยายามบอกกล่าวและชี้แจงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในเรื่องข้อเท็จจริง พลตรีวินธัย เปิดเผยว่า ทูตทหารของกัมพูชา ไม่ได้ชี้แจงหรือมีคำถามอะไร คำถามส่วนใหญ่มาจากท่านอื่นมากกว่า ที่ถามเรื่องของความมั่นใจและยืนยันใช่หรือไม่ ซึ่งทางเรา ก็ให้เหตุผลไป และจะให้เอกสารชี้แจง ส่วนท่าทีของประเทศมหาอำนาจ ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งการเชิญมาในวันนี้เราก็ทำตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก คือทำให้เป็นทางการ ส่วนการหารือได้ชี้แจงเรื่องของการละเมิด บูรณภาพดินแดน และเอ็มโอยู 2543 และอนุสัญญาออตตาวา ด้วยหรือไม่ พลตรีวินธัย ระบุว่า มีการพูดถึงประเด็นดังกล่าว และได้อธิบายตามหลักอนุสัญญา ที่ทั้งสองประเทศเป็นสมาชิก และเล่าถึงกลไกการแก้ไขปัญหา […]

ข่าวแนะนำ

น้ำท่วมตัวเมืองน่าน-เขตเศรษฐกิจขยายวงกว้าง

น่าน 23 ก.ค. – ตอนนี้น้ำท่วมตัวเมืองน่าน รวมทั้งเขตเศรษฐกิจ ยังเพิ่มสูงขึ้นและแผ่ขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ หลังระดับน้ำท่วมสูงเกิน 9 เมตร และทะลักเข้าท่วม .-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

ตอบโต้เขมร! ปิด 4 ด่าน หลังทหารเหยียบกับระเบิดขาขาดอีก 1 ราย

23 ก.ค.- ศบ.ทก. เห็นชอบให้ทัพภาค 2 ปิดด่านชายแดน-สถานที่ท่องเที่ยว 4 จังหวัดอีสานใต้ ตั้งแต่พรุ่งนี้ (24 ก.ค.) หลังล่าสุดทหารไทยเหยียบกับระเบิดขาขาดอีกราย จากกระแสข่าวมีทหารไทยเหยียบกับระเบิดขาขาดบริเวณแนวชายแดนไทยกัมพูชาเมื่อเวลา 16.55 น. นั้น ล่าสุด แหล่งข่าวจากศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริงโดยกองทัพภาคที่ 2 ได้ปรึกษามาที่ ศบ.ทก. เพื่อขออนุญาตปิดด่านในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีษะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวตามแนวชายแดน เพื่อเป็นการประท้วงกัมพูชา จากการลักลอบวางทุ่นระเบิดที่เกิดขึ้น ซึ่ง ศบ.ทก. เห็นชอบ ขณะเดียวกันจะส่งหนังสือประท้วงโดยใช้กลไก RBC และรายงานกระทรวงต่างประเทศ เพื่อประท้วงต่อไป ดังนั้นตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) จะปิดด่านชายแดนทั้งหมดในพื้นที่ 4 จังหวัดอีสานใต้ของไทย หลังจากที่ฝั่งไทยมีการกำหนดเวลาเปิด-ปิด และในส่วนสถานที่ท่องเที่ยวอย่าง 3 ปราสาท คือ ตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด และตาควาย […]

พายุวิภาทำเชียงรายอ่วม-รพ.เทิง งดรับผู้ป่วยชั่วคราว

เชียงราย 23 ก.ค. – พายุวิภาทำ อ.เทิง จ.เชียงราย อ่วม น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือน พื้นที่การเกษตร โรงพยาบาลเทิง ประกาศงดให้บริการผู้ป่วยทั่วไปชั่วคราว รับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ด้านนายอำเภอสั่งการเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง อพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุไปยังที่ปลอดภัย ฝนตกหนักจากอิทธิพลพายุวิภา ทำให้น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรหลายอำเภอใน จ.เชียงราย โดยเฉพาะ อ.เทิง สถานที่ราชการ ได้แก่ สภ.เทิง ศาลจังหวัด และโรงพยาบาลเทิง เกิดน้ำท่วมขัง โรงพยาบาลต้องงดให้บริการผู้ป่วยทั่วไป รับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ขณะที่สถานการณ์โดยทั่วไปยังมีฝนตกหนัก นายอำเภอเทิงลงพื้นที่ สั่งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายของขึ้นที่สูง อพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุไปยังที่ปลอดภัย ส่วนถนนพหลโยธิน ต.นางแล อ.เมืองเชียงราย น้ำป่าจากดอยโป่งพระบาทไหล่เอ่อท่วมถนนด้านขาขึ้น การสัญจรเป็นไปอย่างยากลำบาก ภาพรวมสถานการณ์ จ.เชียงราย เบื้องต้นมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 5 อำเภอ ประชาชนเดือดร้อนประมาณ 100 ครัวเรือน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย