“พล.อ.ประยุทธ์” แคนดิเดตนายกฯ รทสช.

ทำเนียบรัฐบาล 23 ธ.ค.-นายกฯ ประกาศชัดร่วมงานรวมไทยสร้างชาติ พร้อมเป็นแคนดิเดตนายกฯ ยันสัมพันธ์พี่น้องทหาร “พล.อ.ประวิตร” ตัดไม่ขาด อนาคตจับมือร่วมกันหรือไม่ ให้รอผลเลือกตั้ง


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานพิธีมอบโล่เชิดชูเกียรติของกระทรวงวัฒนธรรม โดยนายกรัฐมนตรีเดินลงมาจากตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อไปตึกสันติไมตรี สถานที่จัดงาน แต่ระหว่างทางเชื่อม ซึ่งมีผู้สื่อข่าวยืนรออยู่ตามปกติ นายกรัฐมนตรีหันมาทักทายสื่อมวลชน พร้อมถามว่า  “อยากถามอะไรนายกฯ ถึงมากันเยอะ จะมาดูงานวันนี้ใช่หรือไม่ แล้วออกข่าวให้หรือไม่ อะไรที่เป็นประโยชน์กับส่วนรวมก็ช่วยออกให้ด้วย” ก่อนระบุว่า วันนี้หลายพรรคการเมืองออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ของแต่ละพรรค ที่ผ่านมา ตนพิจารณาด้วยหลักการและเหตุผล

“วันนี้พรรครวมไทยสร้างชาติเสนอมาแล้วว่าจะสนับสนุนผมเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ผมจึงจำเป็นต้องทำให้เกิดความชัดเจน เพราะมีการวิพากษ์วิจารณ์หลายอย่าง ทำให้เกิดความเสียหาย ที่ผ่านมาผมได้รับการสนับสนุนจากพรรคพลังประชารัฐ แต่ตอนนี้พรรคพลังประชารัฐได้เสนอชื่อหัวหน้าพรรคเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีไปแล้ว เพราะฉะนั้นผมก็เลยตัดสินใจ ซึ่งจริง ๆ ก็ได้ตัดสินใจมาระยะหนึ่งแล้วว่าจะไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็แล้วแต่ประชาชนจะให้การสนับสนุน การที่ผมตัดสินใจแบบนี้ เพราะอยากสานต่องานที่ยังไม่สำเร็จหลายอย่างที่เคยทำมาหลายปี หากว่าผมอยู่ได้ในระยะเวลาที่กำหนด” นายกรัฐมนตรี กล่าว


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนดูแลทุกพื้นที่ ไม่ได้แบ่งแยกว่าเป็นของใคร หลายจังหวัดที่ไปก็ไม่มีส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐและพรรครัฐบาล เช่นเดียวกับที่ไปจังหวัดเชียงรายล่าสุดก็ไม่มีส.ส.รัฐบาล แต่ตนก็ยังไป เพราะมองประชาชนเป็นหลัก อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ก็เสนอเข้าครม. จัดสรรงบประมาณให้ แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปด้วยความโปร่งใสตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนยึดมั่นมาโดยตลอด ไม่เคยแสวงหาผลประโยชน์ใด ๆ แม้แต่เล็กน้อย

“ผมได้กราบเรียนพล.อ.ประวิตรไปแล้วว่าอาจจะมีความจำเป็น กราบเรียนท่านไปหลายครั้งแล้ ว จนครั้งสุดท้ายก็ได้ตัดสินใจไปแล้วและคุยกับท่านแล้ว​ ไม่ได้มีปัญหาอะไร​ ไม่มีความขัดแย้งอะไรทั้งสิ้น ​การเมืองก็ว่ากันไปตามการเมือง ตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งไม่ได้จากกันไปไหน​ ยังพูดคุยกันเหมือนเดิม​ อย่าลืมว่าความสัมพันธ์ของทหารกับทหารด้วยกัน​มันลึกซึ้งกว่า​ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผมจบมาในการดูแลของท่าน ท่านเป็นพี่ชายของผม หลังจากที่ผมจบจากโรงเรียนนายร้อย รับราชการตั้งแต่ร้อยตรี​ จนกระทั่งอยู่ด้วยกันมาตลอดชีวิต รับราชการจนถึงวันนี้​ ความผูกพันธ์นี้​ ไม่มีใครลบล้างได้​ ท่านเองก็รู้สึกเหมือนกัน​ ท่านไม่ได้ว่าอะไรผม ผมก็บอกท่านจะได้สบายใจเพราะมีแรงกดดันหลายประการ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ส่วนจะสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็คงต้องสมัคร ​ส่วนเรื่องเวลาต้องรอดูอีกครั้ง ส่วนจะเป็นแคนดิเดตนายกคนเดียวของพรรคเลยหรือไม่นั้น​ เท่าที่ทราบมีเพียงคนเดียว​


เมื่อถามย้ำว่าจะยังจับมือกับพล.อ.ประวิตรในทางการเมืองหรือไม่นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นอีกเรื่องหนึ่ง​ ขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้ง​ ประชาชนจะเลือกใครก็ยังไม่รู้​ ถึงเวลานั้นภาษาการเมืองเรียกว่าการจับคู่ทางการเมือง​ ใครจะเป็นฝ่ายค้าน​ ฝ่ายรัฐบาลก็เหมือนครั้งที่แล้ว​ ที่มีพรรคร่วมรัฐบาล​ ฝ่ายค้าน ถ้าคะแนนเสียงรวมกันได้มากกว่าก็เป็นรัฐบาล​ คราวที่แล้วตนก็มาแบบนั้น​

เมื่อถามว่าการประกาศในวันนี้ถือเป็นการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้าชัดเจนเลยหรือไม่​ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ยังไม่ชัดอีกหรือ​”

ส่วนครอบครัวสนับสนุนเต็มที่หรือไม่นั้น​ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็เข้าใจกัน​ว่า ตนทำเพื่ออะไร​

เมื่อถามว่า การมาทำพรรคการเมืองถือเป็นความท้าทายหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เขามีหัวหน้าพรรคอยู่แล้ว​​ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องคุยกันว่าอะไรที่รัฐบาลนี้ทำไว้ต้องสานต่อไปสู่อนาคตอย่างยั่งยืน ​มั่นคง​ ไม่ใช่เป็นนโยบายที่จับต้องไม่ได้​ ถ้าประกาศว่าจะทำโน่นทำนี่​ จะทำได้จริงหรือไม่​ ถ้าจะให้โน่นให้นี่ จะเอาเงินจากที่ไหน ​ตนพยายามทำมาตลอด​ ตลอดเวลาที่ผ่านมาทั้ง​ 4 ปีแรก​และ ​4 ปีหลัง​ พยายามหารายได้เข้าประเทศ เราต้องดูแลประชาชน​แต่ต้องมีกติกาพอสมควร​

“ส่วนจะจับมือกับพรรคใด ต้องรอผลการเลือกตั้งก่อน เหมือนการเลือกตั้งที่ผ่านมา หลังจากนี้ก็ต้องมาพูดคุยกับพรรครวมไทยสร้างชาติว่า สิ่งไหนที่รัฐบาลทำไว้ก็ต้องมาสานต่อ การประกาศนโยบายต้องดูเรื่องของงบประมาณ ที่ผ่านมารัฐบาลแก้ไขปัญหาต่าง ๆ มากมายทั้งสถานการณ์โควิด ยืนยันต้องการทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อยให้ดีที่สุด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะทำคนเดียวไม่ได้ ต้องขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ซึ่งทุกคนต้องมีหลักคิดว่าจะเลือกใครเข้ามาบริหารประเทศ และเมื่อเลือกตั้งมาแล้วก็ต้องมารวมคะแนนเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ใครได้คะแนนเสียงข้างมากก็เป็นรัฐบาล และจะถูกเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีต่อไป” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทั้งหมดเป็นเรื่องของการเลือกตั้ง ในอนาคตไม่มีอะไรที่แน่นอน อยู่ที่ประชาชน ซึ่งถือว่าการเลือกตั้งที่จะถึงนี้เป็นการเลือกตั้งที่มีความสำคัญที่สุด จึงขอให้ประชาชนคิดไตร่ตรองให้รอบคอบ มีเหตุมีผล มีหลักคิดในการเลือกพรรคการเมือง ดูนโยบายหาเสียงที่จะต้องไม่เกินงบประมาณของประเทศชาติ จนทำให้ประเทศชาติเสียหาย จึงขอให้ประชาชนคิดให้ดี ซึ่งตนเองใช้หลักการบริหาร เฉลี่ยดูแลประชาชนทุกกลุ่มมาโดยตลอด

“จำเป็นต้องพูดวันนี้ เนื่องจากเกรงว่า ถ้าไม่พูด จะวิพากษ์วิจารณ์ไปเรื่อย ผมจึงตัดสินใจแล้ว ขอบคุณพรรคพลังประชารัฐที่ให้การสนับสนุนผมเป็นนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมา ยืนยันว่าไม่ใช่ศัตรูกัน ที่ผ่านมารักษามารยาทกับทุกพรรค รวมถึงพรรคพลังประชารัฐ แต่เมื่อเปิดตัวแล้วก็ จำเป็นต้องพูดให้ชัดเจน จะได้ไม่เกิดความสับสนและเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง แต่ขออย่างเดียวว่าจะต้องสงบวันนี้ เลือกตั้งได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ส่วนรัฐบาลชุดนี้จะอยู่ครบเทอมหรือยุบสภานั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้ดูจังหวะเวลา แต่ทุกอย่างจะเป็นไปตามกฏหมาย การย้ายพรรคจะต้องไม่มีปัญหา ซึ่งจะต้องหารือกับฝ่ายการเมืองและพรรคร่วมรัฐบาลด้วย งานหลักของตนคือการดูแลชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ประชาชนไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม ก็จะทำหน้าที่ตรงนี้ ที่ผ่านมาย้ำมาตลอดว่าการมายืนอยู่ตรงนี้ มาจากสาเหตุอะไร

“มีการออกมาพูดจาเสียหายตำหนิหลายอย่าง จนลืมไปว่าที่ผ่านมาทำความเสียหายอะไรไปบ้าง ทุกวันนี้ได้เข้ามาแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้ดีขึ้นแต่ยังมีปัญหาอยู่ ซึ่งการแก้ปัญหาจะต้องสร้างความเข้าใจ แต่สิ่งสำคัญในตอนนี้มากกว่าการเลือกตั้ง คือการทำให้ประชาชนเกิดความรักความสามัคคี ซึ่งผมให้ความสำคัญเรื่องนี้มาโดยตลอด ไม่ว่าจะอยู่ในสถานศึกษา การบิดเบือนข้อมูลข่าวสารและการบูลลี่ในสถานศึกษา ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่อันตราย โดยเฉพาะครูที่จะต้องทำให้ผ้าขาวเป็นผ้าขาวที่บริสุทธิ์ ขอร้องให้หยุด รัฐบาลใช้กฎหมายดูแลมาตลอด เมื่อเกิดการลงโทษตามกระบวนการกฎหมาย ผมไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวและเข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย    

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

“ลุงพล” นอนคุกยาว ศาลไม่ให้ประกันตัว เกรงหลบหนี

14 ส.ค. – ศาลฎีกายกคำร้อง ไม่อนุญาตให้ประกันตัว “ลุงพล” คดีน้องชมพู่ ชี้เป็นคดีร้ายแรง เกรงจะหลบหนี ส่งผลให้ลุงพลต้องนอนคุกระหว่างฎีกา นายประยุทธ เพชรคุณ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูงภาค 4 กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ “ลุงพล” ในคดีฆ่าเด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ปี รวมเป็น 26 ปี เมื่อวานนี้ ลุงพลยื่นประกันตัวและศาลจังหวัดมุกดาหารส่งให้ศาลฎีกาพิจารณา เรื่องการปล่อยชั่วคราว โดยวันนี้ศาลฎีกา ได้มีคำสั่งออกมาว่า พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง กระทบต่อสังคมเป็นการลงโทษสถานหนัก ทั้งศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษให้จำคุก 26 ปี และเกรงว่าจำเลยจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกา ยกคำร้องการประกันตัว ส่งผลให้จำเลยต้องคุมขังอยู่ในเรือนจำระหว่างฎีกา ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (15 ส.ค.) เจ้าหน้าที่จะนำตัวลุงพลไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดนครพนม เนื่องจากโทษจำคุกสูง.-สำนักข่าวไทย

บุกชิงทอง

ควงปืนชิงทองกลางห้างดังย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท ขี่ จยย.หนี

สมุทรปราการ 14 ส.ค. – คนร้ายสวมชุดไรเดอร์ควงปืนจี้ชิงทอง ร้านทองกลางห้าง ย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท มูลค่ากว่า 8 ล้านบาท ก่อนขี่จักรยานยนต์หลบหนี ตำรวจเร่งล่าตัว เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ เกิดเหตุอุกอาจภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านบางบ่อ จ.สมุทรปราการ คนร้ายรูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดไรเดอร์ ใส่หมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทองพร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวมราว 163 บาท หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 8 ล้านบาท วิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า เอ็นแม็ก ที่จอดอยู่ด้านหน้า ขี่หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว พนักงานรักษาความปลอดภัยของห้าง ให้ข้อมูลว่า เห็นคนร้ายเดินเข้ามา จึงบอกให้ถอดหมวกกันน็อก แต่คนร้ายไม่สนใจ ก่อนบุกเข้าไปก่อเหตุในร้านทอง พนักงานชายร้านทอง เล่าว่า ผู้ก่อเหตุปีนเข้ามาแล้วพูดว่า ‘หยิบทองมา’ จึงสั่งให้น้องพนักงานหมอบลงเพื่อความปลอดภัย เพราะเห็นว่าคนร้ายมีอาวุธปืน และไม่เคยเห็นหน้าของคนร้ายมาก่อน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และตำรวจ สภ.บางบ่อ พร้อมผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ อยู่ระหว่างตรวจสอบที่เกิดเหตุ เร่งไล่ล่าตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป. – […]

เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด

กทม.14 ส.ค.- เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด อ้างอิงเหตุการณ์คลิปเสียง และพฤติการณ์ที่นิ่งเฉย ไม่กำหนดมาตรการหรือความชัดเจนตอบโต้กัมพูชาในช่วงปะทะ ไล่เลียงตั้งแต่กัมพูชารุกล้ำพื้นที่อธิปไตยไทย 200 เมตร จนถึงวันปล่อยคลิปเสียง 18 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในคำร้องของ 36 สว. ต่อกรณีคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา ที่ศาลนัดวินิจฉัยคำร้องในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ ซึ่งในคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบกับมาตรา 160 (4)(5) ในเนื้อหาคำร้องอ้างอิงถึงคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร กับสมเด็จฮุน เซน ที่มีการเอ่ยพาดพิงแม่ทัพภาคที่ 2 แม้นายกรัฐมนตรีพยายามแถลงข่าวชี้แจงกรณีคลิปเสียง แต่สมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวฟังไม่ขึ้น เพราะเมื่อมีการเผยแพร่คลิปเสียงเช่นนี้แล้ว นายกรัฐมนตรีย่อมพยายามจะต้องหาข้อแก้ตัวอย่างไรก็ได้ โดยสมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า หากนายกรัฐมนตรีมีเจตนาเจรจาเพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งและการสู้รบระหว่างประเทศเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติจริง นายกรัฐมนตรีสามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีการเจรจาทางการทูตตามหลักและมาตรฐานการดำเนินการที่ถูกต้องอย่างโปร่งใส ตามกระบวนการของกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ ประการสำคัญ […]

“มาริษ” ตอบรับคำเชิญ “หวังอี้” ร่วมถก 3 ฝ่าย จีน-ไทย-กัมพูชา แก้ชายแดนสันติ

จีน 15 ส.ค.-“มาริษ” ตอบรับคำเชิญ “หวังอี้” ร่วมถก 3 ฝ่าย จีน-ไทย-กัมพูชา แก้ปัญหาชายแดนอย่างสันติ พร้อมขอบคุณที่เห็นความจำเป็นในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เห็นพ้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนในสื่อโซเชียล นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ตอบรับคำเชิญของ นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ในการเข้าร่วมจิบน้ำชาและหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศจีน ไทย และกัมพูชา ในห้วงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ กรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง (Mekong – Lancang Cooperation) หรือ MLC ครั้งที่ 10 ณ เมืองอันหนิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยนายมาริษ ได้แสดงความขอบคุณต่อบทบาทที่สร้างสรรค์ของจีน ในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชาอย่างสันติ ผ่านกลไกทวิภาคีต่างๆ และการบังคับใช้ให้เกิดการดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยได้รับการสนับสนุนของอาเซียน พร้อมยังได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วน ที่ไทย-กัมพูชา ต้องร่วมมือกันในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน ซึ่งทุกฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันถึงความจำเป็นที่จะต้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนในสื่อโซเชียล เนื่องจากเป็นก้าวสำคัญในการลดความตึงเครียด และฟื้นฟูความเป็นปกติสุขในพื้นที่ชายแดน นอกจากนี้ นายมาริษ ยังได้กล่าวขอขอบคุณ นายหวัง อี้ […]