รมต.ประจำสำนักนายกฯ มอบนโยบาย อสมท เน้นย้ำบทบาทสื่อฯ

อสมท 22 ธ.ค.- รมต.ประจำสำนักนายกฯ เยี่ยมชม พร้อมมอบนโยบาย อสมท พร้อมเป็นกำลังใจให้พนักงาน ทำหน้าที่เป็นสื่อรัฐวิสาหกิจที่ตรงไปตรงมา พร้อมนำเสนอข่าวสารที่เป็นประโยชน์กับประชาชน

นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มอบนโยบายและเยี่ยมชมกิจการ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมีพล.ต.อ.ทวิชชาติ พละศักดิ์ ประธานกรรมการ​ บมจ.อสมท นายสิโรตม์ รัตนามหัทธนะ กรรมการและรักษาการในตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ให้การต้อนรับ


รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้รับชมวิดีทัศน์เกี่ยวกับการดำเนินงานที่สะท้อนถึงศักยภาพด้านการสื่อสารมวลชน ทั้งการถ่ายทอดโทรทัศน์ วิทยุ การจัดกิจกรรม การผลิตบุคลากร การถ่ายทอดความรู้ การสร้างภูมิคุ้มกันรู้เท่าทันสื่อ และศักยภาพด้านดิจิทัล พร้อมกันนี้ ได้รับฟังการบรรยายสรุปการดำเนินงานของ บมจ.อสมท จากนายผาติยุทธ ใจสว่าง รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานผลิตภัณฑ์ ทั้งข่าวสาร สาระความรู้ ความบันเทิง พร้อมเน้นย้ำจุดเด่นของ อสมท คือการให้บริการทางด้านเทคโนโลยีในการถ่ายทอดสดงานพระราชพิธีสำคัญต่างๆ ซึ่ง อสมท เป็นหนึ่งในสมาชิกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศ ขณะที่งานระดับโลกต่างๆ อสมท ก็ได้รับไว้วางใจจากรัฐบาล โดยเฉพาะการรับหน้าที่ Host Broadcaster ในการประชุม APEC 2022 ที่ผ่านมา ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ นอกจากนี้ อสมท ยังมีคลื่นวิทยุที่หลากหลายและมีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน ที่สำคัญคือ ได้รับความนิยมอย่างมาก

จากนั้น รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายและให้ข้อเสนอแนะกับคณะผู้บริหาร โดยระบุว่า ดีใจและยินดีเป็นอย่างมากที่ได้กลับมาที่ อสมท อีกครั้ง เพราะก่อนหน้านี้เคยดำรงตำแหน่งเลขานุการของ นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จึงเคยได้เดินทางมา อสมท เมื่อครั้งที่นายอนุชามามอบนโยบาย ทั้งนี้ อสมท นับเป็นสื่อกลางที่สำคัญที่จะสื่อสารข้อเท็จจริงที่เป็นประโยชน์กับประชาชน แม้จะประสบปัญหาอยู่บ้าง แต่ส่วนตัวขอชื่นชมการทำงานของ อสมท ที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์และจับต้องได้


“ยอมรับว่า การแข่งขันของสื่อปัจจุบันเข้มข้นมากขึ้น ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือด จึงขอให้กลับมาเน้นย้ำในคุณภาพของเนื้อหา ส่วนตัวมั่นใจว่า อสมท ทำได้ดีอยู่แล้ว แต่ก็ขอให้ปรับปรุงให้แตกต่างและสอดแทรกเนื้อหาที่สร้างสรรค์เพราะเชื่อว่า สื่อมีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายของประเทศ และสร้างเนื้อหาที่มีส่วนสำคัญในการดูแลสังคม” นายธนกร กล่าว

นายธนกร กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  ได้ให้ความสำคัญ กับ อสมท เพราะ อสมท เป็นรัฐวิสาหกิจ ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้สื่อสารในเรื่องการทำงานของรัฐบาลไปยังพี่น้องประชาชน และส่วนตัวจะใช้เวลาทำงานให้คุ้มค่า เมื่อเข้ามาทำหน้าที่แล้วก็ต้องเป็นประโยชน์กับ อสมท ตนมีความคุ้นเคยกับพี่น้องสื่อมวลชนมาก่อน อดีตก็เคยทำงานสื่อมวลชน อะไรที่จะเป็นประโยชน์กับ อสมท ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรงก็จะเรียนไปยังนายกรัฐมนตรี ดังนั้น ขอเป็นกำลังใจให้กับ อสมท ในการมุ่งมั่นยึดหลักการทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน ให้นำไปสู่ทิศทางที่ดีขึ้น ย้ำว่า อะไรที่ตนสามารถทำให้ได้และเป็นประโยชน์กับ อสมท ก็ยินดีจะทำทันที

จากนั้น รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมการดำเนินงานหน่วยงานต่างๆ ของ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)  ประกอบด้วย สถานีโทรทัศน์ 9 MCOT HD สถานีวิทยุ สำนักข่าวไทย และ MCOT MUSEUM


พร้อมกันนี้ ได้เยี่ยมชมการออกอากาศสด ของรายการ คุยขโมงบ่ายสามโมง และได้สัมภาษณ์และพูดคุยแบบสดๆ ในรายการกับ นายสุวิช สุทธิประภา และ น.ส.นีรชา หลิมสมบูรณ์ ผู้ประกาศข่าวของ อสมท ซึ่งได้เน้นย้ำในรายการ คุยขโมยบ่ายสามโมง ว่า ขอให้นำเสนอข่าวสารอย่างสร้างสรรค์ ยอมรับว่า เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว และเปิดประเทศ ที่ผ่านมาไทยเอาชนะโควิดได้ดีมาก รัฐบาลก็พยายามเยียวยาด้วยโครงการต่างๆ ซึ่งประชาชนได้ประโยชน์ เราเดินมาถูกทางแล้ว ขอเพียงพี่น้องประชาชนมีความรักและความสามัคคีกัน ส่วนตัวตนเองก็ชมรายการของนายสุวิช สุทธิประภา ก็มีแต่ข่าวที่ดี ดูแล้วอบอุ่นสบายใจ ทุกๆ รายการของ อสมท มีความน่าดูและเดินมาถูกทาง ขอให้ประชาชนใช้ชีวิตอย่างสมดุลและมีความสุขในทุกๆ วัน ยึดมั่นในชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ ขอให้คนไทยรักกัน เชื่อว่า ประเทศไทยได้ไปต่ออย่างแน่นอน

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การดำเนินงานของ อสมท นั้น นำเสนอข่าวสารอย่างมีคุณภาพดีอยู่แล้ว แต่ขอให้ปรับเพิ่มแพลตฟอร์มสื่อออนไลน์มากขึ้น เพราะพี่น้องประชาชนเข้าถึงสื่อออนไลน์ได้มากขึ้น และจะต้องนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนเป็นหลัก

“ยอมรับว่าโครงสร้างและการทำงานของ อสมท ทำหน้าที่ได้อย่างดีมาก มีทั้งวิทยุ โทรทัศน์ และออนไลน์ต่างๆ ซึ่งถือว่าครบวงจร และที่สำคัญที่สุด ตนเองขอเป็นกำลังใจให้กับพนักงาน อสมท เพราะเข้าใจว่า อาจจะมีข้อจำกัดในเรื่องของการจัดหารายได้ต่างๆ ตรงนี้ก็จะต้องไปดู เพราะว่าองค์กรจะเป็นธุรกิจมากขึ้น การแข่งขันของสื่อต่างๆ ค่อนข้างสูง ดังนั้น เชื่อว่า ผู้บริหารจะต้องหาทางสร้างรายได้ให้กับ อสมท เพื่อให้ อสมท อยู่คู่กับสังคมไทยต่อไป และเป็นสื่อหลักในการนำเสนอข้อมูล ซึ่งนายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับ อสมท เพราะเป็นสื่อรัฐวิสาหกิจที่ตรงไปตรงมา” นายธนกร กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ศาล รธน. นัดชี้ชะตา “แพทองธาร” คดีคลิปเสียง “ฮุนเซน” 29 ส.ค.นี้

ศาล รธน. 13 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ นัดชี้ชะตา “แพทองธาร” คดีคลิปเสียง “ฮุนเซน” 29 ส.ค.นี้ เปิดให้เจ้าตัวเข้าไต่สวนพร้อมเลขาฯ สมช. 21 ส.ค. ไม่มาถือว่าไม่ติดใจ ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาคำร้องที่ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องของสมาชิกวุฒิสภา 36 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า กรณีปรากฏคลิปเสียงการสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา เผยแพร่ทางสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2568 ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ผู้ถูกร้อง แถลงข่าวยอมรับว่า เป็นเสียงการสนทนาของตนกับสมเด็จฮุน เซน จริง แม้ น.ส.แพทองธาร ผู้ถูกร้อง แถลงข่าวในเวลาต่อมาว่าเป็นการพูดคุยทางโทรศัพท์แบบส่วนตัว โดยมีเจตนาที่จะเจรจาต่อรองอย่างนุ่มนวล เพื่อรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขและอธิปไตยของไทยก็ตาม แต่ผู้เข้าชื่อเสนอคำร้องเห็นว่า น.ส.แพทองธาร แสดงออกถึงความนิ่งเฉยและไม่ปฏิบัติหน้าที่โต้ตอบหรือกำหนดมาตรการ รวมถึงการเจรจาระหว่างประเทศด้วยตนเองให้เป็นที่ประจักษ์ตามหน้าที่ความรับผิดชอบที่บุคคลผู้อยู่ในสภาวะ วิสัย และพฤติการณ์แห่งความเป็นนายกรัฐมนตรีพึงกระทำ เพราะเหตุแห่งความสัมพันธ์ส่วนตัวในลักษณะเป็นฝั่งเดียวกันกับกัมพูชา พร้อมที่จะทำตามหรือจัดการตามที่ฝ่ายกัมพูชาต้องการมาโดยตลอด ส่วนแม่ทัพภาคที่ 2 […]

ทบ.แจงปมขอรับบริจาคลวดหนาม จำเป็นต้องใช้เร่งด่วน

กองทัพบก 13 ส.ค.- โฆษก ทบ. แจงกองทัพภาค 2 ขอรับบริจาค “ลวดหนามหีบเพลง” เหตุจำเป็นต้องใช้เร่งด่วน เพื่อความปลอดภัยกำลังพล สกัดการลักลอบเข้าพื้นที่ของทหารกัมพูชา ชี้หากรอกระบวนการจัดซื้อตามกฎหมาย ใช้เวลา 1 เดือน ย้ำรัฐบาล-กองทัพ มีงบประมาณเพียงพอ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ขอให้กองทัพภาคที่2 หยุดรับบริจาคลวดหนามหีบเพลงจากประชาชน และให้มาขอกับรัฐบาลว่า ยืนยันรัฐบาลและกองทัพมีงบประมาณเพียงพอ แต่ติดขัดในกระบวนการจัดซื้อตามกฎหมาย ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือน และหากไม่ปฏิบัติตามระเบียบ อาจทำให้ผู้จัดซื้อมีความผิด ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบัน มีความจำเป็นต้องใช้ลวดหนามหีบเพลงทันที โดยเฉพาะ 4 จังหวัดชายแดน “อุบลฯ-ศรีสะเกษ-สุรินทร์-บุรีรัมย์” จึงต้องขอรับการสนับสนุนจากประชาชน “การจัดซื้อต้องเป็นไปตามระเบียบราชการ แต่วิธีจัดหาใช้แบบพิเศษได้ แต่ก็ใช้เวลาเป็นเดือน ที่สำคัญ กรณีลวดหีบเพลงสเปกที่ทหารใช้ ไม่มีในท้องตลาดต้องสั่งผลิตจึงใช้เวลานานขึ้นไปอีก ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องของงบประมาณ งบประมาณมีอย่างเพียงพอ มีแค่เรื่องเวลา” โฆษก ทบ. กล่าวและว่า […]

โรงเรียน-โรงพยาบาลในอุบลฯ เปิดวันแรก หลังเหตุปะทะไทย-กัมพูชา

13 ส.ค. – ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ เช้านี้ (13 ส.ค.) ยังปกติ ชาวบ้านติดชายแดนต่างวิตก หวั่นเกิดการปะทะ จึงเก็บสัมภาระเตรียมพร้อมหากต้องอพยพออกจากพื้นที่ ส่วนโรงเรียน-โรงพยาบาล ใน จ.อุบลราชธานี เปิดวันแรก ทำเอาชาวบ้านอยู่ไม่ได้ หลังมีกระแสข่าวว่าจะเกิดการยิงกันบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จนชาวบ้านต้องขนของอพยพออกจากบ้านกลางดึก เพื่อมาตั้งหลักในตัว อ.กันทรลักษ์ แต่หลังจากแน่ใจว่าไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นจึงเดินทางกลับเข้าบ้านเรือน แต่ยังมีบางส่วนที่ยังไม่ไว้วางใจในสถานการณ์ ออกไปพักบ้านญาติพี่น้องต่างอำเภอ สำหรับสถานที่ราชการในตัว อ.กันทรลักษ์ วันนี้ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ ส่วนโรงเรียนบางแห่งประกาศให้เรียนทางออนไลน์แทน เพื่อความปลอดภัย โรงเรียนชายแดน จ.สุรินทร์ ปิดต่อ ให้เรียนออนไลน์เช่นเดียวกับ จ.สุรินทร์ โรงเรียนชายแดนยังปิดต่อ และให้เรียนออนไลน์แทน เพื่อรอดูสถานการณ์ ส่วนผู้ปกครองกังวลถ้ายังเปิดเรียนในช่วงสถานการณ์ยังไม่สงบและไม่ปลอดภัย 100% ส่วนในพื้นที่ อ.พนมดงรัก โรงเรียนประถมฯ บางโรงประกาศให้มีการเรียนการสอนในระบบออนไลน์ช่วงวันที่ 13-15 สิงหาคมนี้ และมีบางโรงเรียนที่กลับมาเปิดเรียนตามปกติแล้ว แต่ไม่บังคับว่านักเรียนต้องมาเรียนทุกคน โดยมีการแจ้งใน LINE กลุ่มผู้ปกครองว่าหากผู้ปกครองท่านใดยังมีความกังวลใจก็อนุญาตให้เด็กลาได้ ส่วนชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ เช้านี้ […]

South Korea Leader and wife at Presidential plane Apr 2023

เกาหลีใต้จับอดีตสตรีหมายเลข 1

โซล 13 ส.ค.- นางคิม คอน ฮี อดีตสตรีหมายเลข 1 ของเกาหลีใต้ ถูกควบคุมตัวตามที่ศาลออกหมายจับเมื่อค่ำวานนี้ หลังจากอัยการยื่นขอหมายจับเพราะเกรงว่าเธอจะทำลายหลักฐานและแทรกแซงการสอบสวนในคดีที่ถูกกล่าวหาหลายคดี นางคิม ซึ่งจะมีอายุครบ 53 ปีในเดือนกันยายน เป็นอดีตสตรีหมายเลข 1 คนแรกของเกาหลีใต้ที่ถูกจับกุม ขณะที่สามีของเธอ คือ อดีตประธานาธิบดียุน ซอก ยอล วัย 64 ปี กำลังถูกคุมขังระหว่างรอการพิจารณาคดี หลังจากถูกถอดถอนจากตำแหน่งกรณีประกาศกฎอัยการศึกเมื่อปลายปี 2567 ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกันนางคิมได้โค้งคำนับและไม่ตอบคำถามผู้สื่อข่าวขณะเดินทางถึงศาล จากนั้นไปรอฟังคำตัดสินที่สถานกักขังในกรุงโซลตามธรรมเนียมปฏิบัติของเกาหลีใต้ โฆษกคณะอัยการพิเศษที่ได้รับการแต่งตั้งเมื่อต้นเดือนมิถุนายนแถลงว่า อัยการยื่นขอหมายจับนางคิม เนื่องจากเกรงว่าเธอจะทำลายหลักฐานและแทรกแซงการสอบสวน สำนักข่าวยอนฮับของทางการเกาหลีใต้รายงานว่า ศาลอนุมัติหมายจับตามคำแถลงเรื่องเธอมีความเสี่ยงที่จะทำลายหลักฐาน อดีตสตรีหมายเลข 1 ของเกาหลีใต้ถูกตั้งข้อหาหลายคดี ตั้งแต่การปั่นหุ้นไปจนถึงการรับสินบนและการใช้อิทธิพลแทรกแซงอย่างผิดกฎหมายที่พัวพันกับเจ้าของธุรกิจ บุคคลทางศาสนา และผู้มีอิทธิพลทางการเมือง เธอถูกกล่าวหาว่า ทำผิดกฎหมายเรื่องสร้อยคอประดับจี้ยี่ห้อหรูที่สวมไปร่วมการประชุมสุดยอดองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต ที่สเปน พร้อมกับสามีในปี 2565 เนื่องจากไม่ได้แจ้งรายการทรัพย์สินจี้ดังกล่าวที่มีข่าวว่าราคาสูงกว่า 60 ล้านวอน (กว่า 1.4 ล้านบาท) เธอให้การกับอัยการว่าเป็นของปลอมที่ซื้อในฮ่องกงเมื่อ […]