กองทัพเรือ 21 ธ.ค.-รมช.กลาโหมฟังบรรยาสรุปการค้นหา ช่วยเหลือกำลังพลร.ล.สุโขทัย กำชับทุกเหล่าทัพหนุนการทำงานกองทัพเรือทุกด้าน ย้ำถ้ามีความคืบหน้ากำลังพลที่สูญหายให้รีบแจ้งครอบครัว ตัวเลขล่าสุด พบแล้ว 82 สูญหาย 23
พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รับฟังการบรรยายสรุปถึงผลการปฏิบัติและการดำเนินการค้นหากำลังพลที่ยังคงสูญหายจากเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัยอับปาง โดยมีพล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.ร.อ.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ เสนาธิการทหารเรือ และนายทหารระดับสูงของกองทัพเรือร่วมบรรยายสรุปและตอบข้อซักถาม ณ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือ กองบัญชาการกองทัพเรือ พระราชวังเดิม
พล.ร.อ.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า หัวข้อการบรรยายที่สำคัญในครั้งนี้ประกอบด้วยการปฏิบัติการการค้นหาและช่วยเหลือกำลังพล รวมถึงแนวความคิดในการส่งกลับสายแพทย์และการเยียวยากำลังพลและครอบครัวกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต สำหรับยอดกำลังพลเรือหลวงสุโขทัยทั้ง 105 นาย พบแล้ว 82 นาย ยังสูญหาย 23 ราย
โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า สำหรับการปฏิบัติการในการค้นหาและช่วยเหลือ ทาง ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือสั่งการให้ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือภาคที่ 1 จัดเรืออากาศยานของกองทัพเรือและกองทัพอากาศรวมถึงศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ตลอดจนหน่วยงานอื่น ๆ เข้าร่วมในการค้นหา ซึ่งพื้นที่ในการปฏิบัติการโดยคำนวนจากทิศทางของกระแสน้ำและกระแสลม ทั้งนี้ ในการค้นหาได้ใช้บริเวณที่ตรวจพบและช่วยเหลือกำลังพลเรือหลวงสุโขทัยล่าสุดมาพิจารณาพื้นที่ที่เป็นไปได้ว่ากำลังพลที่เหลือจะอยู่บริเวณดังกล่าว
“วันนี้(21 ธ.ค.) มุ่งเน้นเส้นทางทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ในระยะ 40 ไมล์ทะเลจากจุดเรือจมโดยแบ่งพื้นที่ปฏิบัติการออกเป็น 11 พื้นที่ มีเรือที่อยู่ในพื้นที่จำนวน 3 ลำ ประกอบด้วยเรือหลวงกระบุรีรับผิดชอบพื้นที่ 6 และ 7 เรือหลวงนราธิวาสรับผิดชอบพื้นที่ 9 เรือหลวงนเรศวร รับผิดชอบพื้นที่ 10 และ 11 นอกจากนี้ยังส่งเรือหลวงตากสินเข้าพื้นที่เสริมกำลังค้นหา ขณะที่ศรชล. จัดเรือตรวจการชายฝั่งเข้าร่วมค้นหาในพื้นที่ตามแนวชายฝั่ง พร้อมกับได้จัดกำลังเสริมประกอบด้วย UAV เพิ่ม ขณะเดียวกันศรชล.ได้ประสานไปยังสมาคมเรือสินค้าแจ้งให้เรือที่เดินทางในเส้นทางต่าง ๆ ช่วยตรวจสอบและให้การช่วยเหลือกำลังพลที่อาจพบในพื้นที่เดินเรือด้วย” พล.ร.อ.ปกครอง กล่าว
โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า ส่วนการส่งกลับสายแพทย์ จะนำผู้ได้รับบาดเจ็บส่งตัวเข้ามาที่ศูนย์ทัพเรือภาคที่ 1 ส่วนหน้า ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ซึ่งจะมีแพทย์ประเมินอาการเบื้องต้นและเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลบางสะพาน หากมีอาการหนักจะใช้อากาศยานของกองทัพเรือนำส่งต่อให้กับโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ จ.ชลบุรีรักษาต่อไป สำหรับผู้เสียชีวิตจะนำร่างลำเลียงโดย เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพเรือมาพิสูจน์อัตลักษณ์ที่ศูนย์พิสูจน์อัตลักษณ์มูลนิธิสว่างศรัทธาธรรม อำเภอบางสะพาน
“สำหรับการเยียวยากำลังพล กองทัพเรือจะดำเนินการตามระเบียบทางราชการ โดยรายชื่อผู้สูญเสียจะได้รับการชดเชยปูนบำเหน็จในภาพรวมคือจะได้รับการเลื่อนยศ 5 ชั้นยศ เช่น เกิดการสูญเสียชั้นยศ นาวาตรีจะได้เลื่อนชั้นเป็นพลเรือโท และได้รับเงินชดเชยตามระเบียบของทางราชการประมาณ 1-2 ล้านบาท แล้วแต่สิทธิของแต่ละบุคคล” พล.ร.อ.ปกครอง กล่าว
โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมสั่งการให้กองทัพเรือดูแลกำลังพลที่ประสบภัยเสมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน และให้ทุกเหล่าทัพสนับสนุนการทำงานของกองทัพเรือทุกด้าน ปฏิบัติงานด้วยความรอบคอบ ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมติดตามการทำงานของกองทัพเรือ และกองทัพเรือได้นำเรียนนายกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมกำชับว่า หากมีความคืบหน้าเกี่ยวกับกำลังพลที่สูญหายให้รีบแจ้งให้ทางครอบครัวของกำลังพลทราบทันที ซึ่งกองทัพเรือขอยืนยันว่าจะดูแลสิทธิกำลังพลของผู้สูญเสียอย่างเต็มที่.-สำนักข่าวไทย