กรุงเทพฯ 11 ธ.ค. – “ยุทธพร” ชี้ “มิ่งขวัญ” ต้องฝ่าความท้าทายในพรรคพลังประชารัฐ เพื่อก้าวสู่แคนดิเดตนายกฯ ด้วยความสามารถบทบาทการตลาดทางการเมือง อดีต พปชร.เคยมีบทเรียนเสนอชื่อแคนดิเดต น่าจะเสนอมากกว่า 1 คน
วันนี้ (11 ธ.ค.) นายยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ให้ความเห็นถึงกระแสถูกดูด ส.ส. และการย้ายพรรคการเมือง ว่า ครั้งนี้เชื่อว่าจะมีการย้ายพรรคกันอย่างกว้างขวาง จะมีทั้ง ส.ส.ในส่วนของฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน โดยเฉพาะในพรรคพลังประชารัฐจะมีการย้ายค่อนข้างมาก เพราะมีการตั้งพรรคใหม่ คือ พรรครวมไทยสร้างชาติ และหากพรรครวมไทยสร้างชาติเปิดตัวแคนดิเดตผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี และบุคคลนั้นสามารถเป็นแม่เหล็ก เราก็จะเห็นคนเดินหน้าออกจากพรรคพลังประชารัฐกันอย่างมากมายทีเดียว ซึ่งขณะนี้พรรคพลังประชารัฐก็แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มลุงตู่และกลุ่มลุงป้อม ส.ส.ส่วนใหญ่ก็อาจจะอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ แต่ก็จะมีอีกไม่น้อยที่จะย้ายไปอยู่รวมไทยสร้างชาติ นี่คือยุทธศาสตร์ทางการเมืองที่จะทำให้เกิดการแตกตัวไปพรรคใหม่ หลังเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ ที่เชื่อว่าไม่นานนี้เราจะเห็นการเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ จะเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตามข่าวที่เกิดขึ้น ซึ่งก็มีความเป็นไปได้สูง
แต่การที่พรรคพลังประชารัฐ เปิดตัวนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ทีมเศรษฐกิจ จะช่วยดึงคนเข้าพรรคได้หรือไม่ นายยุทธพร มองว่า นายมิ่งขวัญ เป็นนักการตลาด สามารถใช้บทบาทการตลาดทางการเมืองได้เป็นอย่างดี โดยจะเห็นตั้งแต่การที่นายมิ่งขวัญเข้าสู่การเมืองในช่วงแรกๆ ในนามของพรรคพลังประชาชน รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ซึ่งนายมิ่งขวัญก็มีบทบาทพอสมควร และต่อมานายมิ่งขวัญออกมาตั้งพรรคการเมือง ชื่อพรรคเศรษฐกิจใหม่ และ ส.ส.ของพรรคที่ได้มา 5-6 คน ก็ได้มาเพราะนายมิ่งขวัญ และในวันนี้ นายมิ่งขวัญก็มาเปิดตัวเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งนายมิ่งขวัญก็ต้องการพื้นที่ทางการเมืองใหม่ ประกอบกับพรรคพลังประชารัฐก็ขาดทีมเศรษฐกิจ เพราะ ส.ส.ในพรรคเป็น ส.ส.เขต ส.ส.พื้นที่เสียเป็นส่วนใหญ่ จึงไม่มีบทบาทในเรื่องทีมเศรษฐกิจหรือนโยบายที่โดดเด่น ประกอบกับพรรคเองก็มีปัญหาเรื่องแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคก็เคยมีบทเรียนเรื่องการนำเสนอแคนดิเดตนายกฯ มาแล้วในช่วงก่อตั้งพรรค เราก็เคยได้ยินชื่อนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ชื่อของนายอุตตม สาวนายน ชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่สรุปสุดท้ายเหลือ พล.อ.ประยุทธ์ เพียงคนเดียว พอมาเกิดเรื่องนายกฯ 8 ปี เกือบไปไม่รอด ดังนั้น เรื่องนี้เป็นบทเรียนของพรรค จะต้องไม่เสนอแคนดิเดตนายกฯ คนเดียว ซึ่งอาจจะเห็นชื่อของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม ก็มีคนในพรรคออกมาคัดค้านกันไม่น้อย เพราะอย่าลืมว่า พรรคพลังประชารัฐเกิดจากการรวมกลุ่ม ไม่ใช่เรื่องเอกภาพทางความคิด หรือยึดเกาะในเรื่องอุดมการณ์ ก็อาจจะกลายเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้นายมิ่งขวัญไม่สามารถก้าวมาสู่แคนดิเดตของพรรค ต้องอาศัยการทำงานกับพรรคไปอีกระยะหนึ่ง
“ปัญหานายมิ่งขวัญ คล้ายกับ 4 กุมารที่ย้ายออกไปจากพรรค อาจจะเป็นคนที่มีบทบาททางความคิดหรือนโยบายพรรค แต่สิ่งที่ขาดคือมีฐานทางการเมืองพรรค ซึ่งเป็นส่วนสำคัญ 4 กุมารเป็นกลุ่มก้อนก็ยังไปไม่ได้ แล้วนายมิ่งขวัญบินเดี่ยวมาเลย ต้องบอกว่าไม่ง่าย ภายใต้ภาวะที่พรรคพลังประชารัฐมีกลุ่มการเมืองหลายกลุ่ม ซึ่งเขาก็เคลื่อนไหวต่อรองตำแหน่งทั้งในพรรคและในรัฐบาล เป็นความท้าทายที่นายมิ่งขวัญต้องเผชิญอีกมากเลยทีเดียว” นายยุทธพร กล่าว และมองว่า นายมิ่งขวัญ ยังไม่สามารถเป็นแม่เหล็กดึง ส.ส.เข้าพรรคได้มากกว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา. – สำนักข่าวไทย