“อนุทิน” ชมโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะญี่ปุ่น

ทำเนียบ 9 ธ.ค.-“อนุทิน” เยี่ยมชมโครงการอุเมคิตะและรถไฟชินคันเซ็น ศึกษารูปแบบการพัฒนาเมืองด้วยโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะ


น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ (9 ธ.ค.) เวลา 13.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ณ นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้นำคณะผู้บริหารกระทรวงคมนาคม ไปเยี่ยมชมโครงการอุเมคิตะ ( Umekita ) ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาเมือง โดยมีโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะเป็นจุดเชื่อมโยง ทั้งรถไฟความเร็วสูง พื้นที่อาคารสำนักงาน แหล่งนวัตกรรม พื้นที่อยู่อาศัย พื้นที่สีเขียว สิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยความร่วมมือระหว่างกลุ่มธุรกิจเอกชนกับหน่วยงานบริหารระดับจังหวัดและเทศบาลของนครโอซากา และองค์กรพัฒนาและฟื้นฟูเมืองญี่ปุ่น (Urban Renaissance Agency: UR)

นายอนุทิน ได้รับฟังการบรรยายแนวทางการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ในพื้นที่โดยรอบสถานีรถไฟความเร็วสูง จากผู้บริหารของบริษัท รถไฟญี่ปุ่นตะวันตก (JR West) หนึ่งในบริษัทผู้บริหารรถไฟความเร็วสูงของญี่ปุ่น เพื่อเป็นแนวทางการพัฒนาเชิงที่ในโครงการโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะในประเทศไทย


นายอนุทิน กล่าวว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงที่ดีมากประเทศหนึ่งของโลก และเป็นประเทศแรกของโลกที่มีการเดินรถไฟความเร็วสูง หรือ ชินคันเซ็น (Shinkansen) มาตั้งแต่ปี 1964 หรือ พ.ศ.2507  โดยชินคันเซ็นสายแรกคือ Tokaido Shinkansen Line เชื่อมระหว่างกรุงโตเกียวกับนครโอซากา และปัจจุบันญี่ปุ่นมีรถไฟความเร็วสูงที่วิ่งด้วยความเร็วระหว่าง 240-320 กิโลเมตร/ชั่วโมง จำนวน 7 เส้นทางบน 4 เกาะสำคัญของญี่ปุ่น คือ ฮอกไกโด ฮอนชู ชิโกกุ และคิวชู ระยะทางรวม 2,765 กิโลเมตร

“ญี่ปุ่นมีโครงการพัฒนาหลายแห่ง ที่มีชินคันเซ็นเป็นโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยง รวมถึงโครงการอุเมคิตะ ที่นครโอซากา รวมถึงการพัฒนาและบริหารจัดการพื้นที่เชิงพาณิชย์ทั้งภายในและโดยรอบสถานีขนส่งมวลชนด้วย เป็นตัวอย่างที่หน่วยงานของไทยสามารถนำไปศึกษาและถอดบทเรียนเพื่อการพัฒนาโครงการสร้างพื้นฐาน ที่รัฐบาลอยู่ระหว่างการผลักดันหลายโครงการได้อย่างเป็นระบบ” นายอนุทิน กล่าว

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า การถอดบทเรียนจากโครงการสำคัญและความร่วมมือกับรัฐบาลญี่ปุ่นจะมีส่วนสำคัญในการผลักดันโครงการตามแผนงานของกระทรวงคมนาคม โดยเฉพาะการพัฒนาพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ในรูปแบบการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีขนส่งมวลชน (TOD) ที่ได้มีการตั้งบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด เพื่อบริหารพื้นที่และสินทรัพย์ของ รฟท. รวมถึงโครงการอื่นๆ ที่กระทรวงคมนาคมมีแนวทางการพัฒนาในรูปแบบ TOD เช่น การพัฒนาศูนย์กลางทางการแพทย์ใกล้กับโรงพยาบาลศิริราช บริเวณสถานีธนบุรี พื้นที่รวม 21 ไร่ การพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์โครงการ RCA บริเวณถนนเพรชบุรีตัดใหม่ และการพัฒนาพื้นที่บริเวณสถานีแม่น้ำ ซึ่งเป็นจุดแลนด์มาร์คสำคัญของกรุงเทพมหานคร พื้นที่รวม 270 ไร่ เป็นต้น .-สำนักข่าวไทย 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง