ไล่ออกผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ฉี่ม่วง

กรุงเทพฯ 20 ต.ค.- ปลัดมหาดไทย เผยไล่ออกผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านอำเภอลานสภาฉี่ม่วง ลั่น หากเจ้าหน้าที่คนใดเกี่ยวข้องยาเสพติด ต้องรับโทษทั้งวินัยและอาญาไม่มีละเว้น


นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ทุกจังหวัดได้ดำเนินการ Re X-Ray ตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยในการประกาศสงครามกับยาเสพติดอย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกวาดบ้านให้กับตนเอง ด้วยการตรวจหาสารเสพติดในร่างกายข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในสังกัดทุกคน รวมทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดจะต้องถูกดำเนินการขั้นเด็ดขาด ทั้งทางวินัยและอาญา ไม่มีละเว้น ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2565 ตนได้รับรายงานว่า จากการตรวจปัสสาวะเจ้าหน้าที่และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน ของอำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช พบผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ หรือ ผรส. มีสารเสพติดในกระแสเลือด โดยพบปัสสาวะสีม่วงชัดเจน จึงถูกไล่ออกจากทางราชการโดยทันที ซึ่งรายนี้ถือเป็นรายแรก เพราะสำหรับตำแหน่ง ผรส. นั้น ถือว่าเป็นตำแหน่งที่สำคัญ แต่ตัว ผรส. กลับมากระทำผิดเสียเอง “แบบนี้จึงเอาไว้ไม่ได้” เพราะถือเป็นการกระทำที่ผิดวินัยร้ายแรง และขอย้ำเตือนให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทยทุกคนร่วมกันเป็นหูเป็นตาเฝ้าระวังยาเสพติด และประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับประชาชน ห้ามข้องเกี่ยวกับยาเสพติดทุกกรณี หากตรวจพบจะมีมาตรการในการลงโทษทางวินัย และดำเนินคดีอาญาทันที

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทย ยังได้กำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเร่ง Re X-Ray สุ่มตรวจสถานประกอบการที่มีความเสี่ยง เช่น โรงงานอุตสาหกรรม สถานประกอบการขนส่ง โรงสี และคลังเก็บสินค้าทางการเกษตร เป็นต้น เพื่อป้องปรามและติดตามค้นหาผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่งในวันนี้หลายพื้นที่ได้รายงานผลการดำเนินการสุ่มตรวจ เช่น 1) จังหวัดสมุทรสาคร ฝ่ายปกครอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานนิคมอุตสาหกรรมจังหวัดฯ และเจ้าหน้าที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด สุ่มตรวจยาเสพติดในปัสสาวะพนักงานในสถานประกอบการแห่งหนึ่ง จำนวน 128 ราย 2) จังหวัดสกลนคร ฝ่ายปกครองจังหวัดสกลนคร ร่วมกับสำนักงานสวัสดิการแรงงานจังหวัดสกลนคร และโรงพยาบาลสกลนคร ออกสุ่มตรวจปัสสาวะ จำนวน 2 แห่ง รวมพนักงาน 43 คน 3) จังหวัดเชียงใหม่ ฝ่ายปกครองร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ตชด.และสาธารณสุข ร่วมสุ่มตรวจปัสสาวะ ในสถานประกอบการ 8 แห่ง รวมพนักงาน 126 ราย ซึ่งทั้งหมดไม่พบสารเสพติดแต่อย่างใด นอกจากนี้ ยังเฝ้าระวังสถานบริการหรือสถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ เช่น ที่จังหวัดบุรีรัมย์ ฝ่ายปกครองร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สารวัตรทหารบก มทบ.26, สรรพสามิตพื้นที่ จ.บุรีรัมย์, พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.บุรีรัมย์ และสาธารณสุขอำเภอเมืองบุรีรัมย์ รวมกว่า 100 นาย ออกตรวจสถานประกอบการต่าง ๆ ในเขตพื้นที่ใจกลางเมืองบุรีรัมย์ โดยตรวจปัสสาวะพนักงานทุกคนที่ทำงานอยู่ในสถานบันเทิงต่าง ๆ ในพื้นที่ โดยผลการตรวจปัสสาวะพนักงานทุกคน ไม่พบมีการกระทำผิด และยังไม่พบสิ่งผิดกฎหมายในสถานบันเทิง


ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวอีกว่า ในมิติด้านการจับกุมและปราบปรามผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดนั้น ทุกกลไกในพื้นที่ยังคงดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ทั้งรายใหญ่และผู้ค้ารายย่อยในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ ซึ่งมีตัวอย่างผลการปฏิบัติในวันนี้ ได้แก่

  1. เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2565 ณ จังหวัดสงขลา ภายใต้การอำนวยการของนายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา, นายวรณัฎฐ์ หนูรอต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา, นายสุรินทร์ สุริยะวงศ์ นายอำเภอสะเดา รักษาราชการแทนปลัดจังหวัดสงขลา, นายปัญญวัฒน์ เรืองวงศ์โรจน์ ป้องกันจังหวัดสงขลา และนายกองตรี วิโรจน์ ศรีขวัญ ผบ.ร้อย อส.จ.สข.1 ได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดสงขลา นำโดย จ่าเอกไพรัช แก้วมณี ผช.ป้องกันฯ/รอง หน.ชุดฯ นำกำลัง อส. ประจำชุด ฯ ดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิด จำนวน 2 ราย พร้อมด้วยของกลางยาบ้า จำนวน 5 มัด หรือ 10,000 เม็ด ส่งพนักงานสอบสวน สภ.สทิงพระ ดำเนินคดีตามกฎหมาย
  2. เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2565 ณ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ภายใต้การอำนวยการของ นายทศพล สินยบุตร นายอำเภอปาย ได้มอบหมายให้ นายภูรีภัทร พิพัฒน์พงศธร และนายพิเชษฐ พุ่มนวน ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคงอำเภอปาย นำกำลังสมาชิก อส. ร้อย.อส.อ.ปาย 4 ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดแม่ฮ่องสอน เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรปาย เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 336 จังหวัดแม่ฮ่องสอน ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดแม่ฮ่องสอน เจ้าหน้าที่ทหาร และเจ้าหน้าที่ป่าไม้เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย (เจ้าหน้าที่ตรวจยึด) ได้ร่วมกันตรวจยึดสิ่งผิดกฎหมายเป็นยาบ้า จำนวน 12 ถุง ถุงละ 200 เม็ด รวม 2,400 เม็ด และยาบ้า อีกจำนวน 18 ถุง น้ำหนักรวมถุง 7,131.636 กรัม (ถุงละประมาณ 396.202 กรัม) ซึ่งขณะตรวจยึดไม่พบผู้ใดผู้หนึ่งอยู่ที่เกิดเหตุ จึงได้นำของกลางทั้งหมดที่ตรวจยึดไว้ได้ นำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรปาย ทำการสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
  3. เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2565 ณ จังหวัดมหาสารคาม ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดมหาสารคาม นำโดย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปส.2 นำโดย พ.ต.อ.จีรภัทร พฤฑฒิกุล ผกก.3 บก.ปส.2, พ.ต.ท.วิฑูรย์ ญานุกูล รอง ผกก.3 บก.ปส.2, พ.ต.ท.พล หอมจันทร์ รอง ผกก.3 บก.ปส.2, พ.ต.ท.โชติธนินท์ โชติสุรีย์ชัย รอง ผกก.(สอบสวน)กลุ่มงานสอบสวนและตรวจสอบทรัพย์สิน บก.ปส.2 พร้อมพวก ได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหา 3 ราย พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 10 กระสอบ ประมาณ 3 ล้านเม็ด และอาวุธปืนสั้น จำนวน 2 กระบอก จึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน บกปส.2 ดำเนินคดีตามกฎหมาย
  4. เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2565 ณ จังหวัดนครศรีธรรมราช ตำรวจ สภ.ชะอวด และเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ในพื้นที่ อ.ชะอวด รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถกระบะขับมาด้วยความเร็วสูงแล้วรถเสียหลักตกลงข้างทางริมถนนสายเชียรใหญ่ – ควนหนองหงส์ ต.บ้านตูล อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เนื่องจากถนนลื่น ภายในรถมีชายวัยรุ่น 3 คนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เมื่อชายวัยรุ่นทั้ง 3 คนเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังเข้าช่วยเหลือต่างตกใจวิ่งหลบหนีไปแบบมีพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบภายในรถกระบะพบกล่อง จำนวน 2 กล่อง เปิดตรวจสอบพบว่า มียาบ้ารวม 362,000 เม็ด จึงแจ้งตำรวจพิสูจน์หลักฐาน พนักงานสอบสวนตรวจสอบตรวจยึดยาบ้าทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ชะอวด พร้อมกับตรวจสอบชื่อผู้ครอบครองรถกระบะคันดังกล่าวเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานติดตามวัยรุ่นทั้ง 3 คนมาสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
  5. เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2565 ณ จังหวัดชัยภูมิ ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอำเภอ 16 อำเภอ สถานีตำรวจภูธร จำนวน 29 แห่ง และเป้าหมายปิดล้อมตรวจค้น จำนวน 31 จุดเป้าหมาย ได้รายงานผลการปฏิบัติงาน โดยสามารถจับกุมผู้กระทำผิดคดียาเสพติด จำนวน 31 รายพร้อมของกลางยาเสพติด ประเภทยาบ้า จำนวน 4,341 เม็ด สารไอซ์ ปริมาณ 15.62 กรัม อาวุธปืน จำนวน 16 กระบอก และกระสุนและเครื่องกระสุนปืน จำนวน 22 นัด ส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย และนำผู้เสพเข้ารับการสมัครใจบำบัด จำนวน 16 ราย
  6. เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ณ จังหวัดกระบี่ ภายใต้การอำนวยการของนายสมยศ ณ นคร นายอำเภออ่าวลึก นางนันทิชา เกิดแก้ว ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง โดยนายชนะพล เที่ยงธรรม ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคงอำเภออ่าวลึก กำนันตำบลคลองยา ผู้ใหญ่บ้าน ม.4 ต.คลองยา พร้อมด้วยสมาชิก อส.อ.อ่าวลึกที่ 7 ร่วมกันจับกุมผู้กระทำความผิดคดียาเสพติด จำนวน 2 ราย และตรวจยึดรถยนต์อีกหนึ่งคัน ซึ่งพบของกลางเป็นยาบ้ารวมกว่า 2,000 เม็ด จึงนำตัวผู้ต้องหาและของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.อ่าวลึก ดำเนินคดีตามกฎหมาย

นอกจากนี้ ยังได้รับรายงานการตรวจค้นและจับกุมผู้ค้ารายย่อยจากอีกหลายพื้นที่ อาทิ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก จับกุมได้กว่า 200 เม็ด อำเภอลำทับ จังหวัดกระบี่ จับกุมได้กว่า 100 เม็ด อำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จับกุมได้กว่า 600 เม็ด เป็นต้น โดยทั้งหมดถูกนำตัวผู้กระทำผิดพร้อมของกลสงส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย

“กระทรวงมหาดไทย เดินหน้าอย่างมุ่งมั่นในการทำสงครามกับยาเสพติดและอาวุธปืนผิดกฎหมายทุกชนิด ด้วยการบูรณาการการทำงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ป.ป.ส. รวมถึงทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มข้น โดยใช้ทุกกลไกภาคีเครือข่ายในพื้นที่ ลงพื้นที่ลุยกวาดล้างผู้กระทำความผิดอย่างแข็งขัน พร้อมทั้งนำผู้หลงผิดเข้ารับการบำบัดรักษา เพื่อคืนคนดีให้กับสังคม ให้กับครอบครัว และหมั่นลงพื้นที่ติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้ปัญหายาเสพติดเป็นปัจจัยทำลายคนบริสุทธิ์อีก อันจะทำให้ลูกหลานของพวกเราทุกคน อยู่ในสังคมได้อย่างเป็นปกติสุข พร้อมทั้งได้กำชับผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สร้างการรับรู้ประชาสัมพันธ์หมายเลขติดต่อในการแจ้งเบาะแส โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 และหมายเลขที่ติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ได้อย่างสะดวก มีเจ้าหน้าที่สแตนบายพร้อมเข้าดำเนินการตามเบาะแสตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้พี่น้องประชาชนสามารถจดจำและติดต่อได้ง่าย อันเป็นการอำนวยความสะดวกและเป็นการเพิ่มช่องทางการมีส่วนร่วมในการช่วยกันดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง” นายสุทธิพงษ์ กล่าว .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ พล.ท.บุญสิน เป็นทหารราชองครักษ์พิเศษ

กทม. 27 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายทหาร-นายตำรวจ เป็นราชองครักษ์พิเศษ 38 นาย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 อยู่ในลำดับที่ 20 เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2568 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ จำนวน 38 นาย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติการถวายความปลอดภัย พ.ศ. 2560 มาตรา 6 มาตรา 7 และมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติราชองครักษ์ พุทธศักราช 2480 มาตรา 4 มาตรา 5 และมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัตินายตำรวจราชสำนัก พ.ศ. 2495 และข้อ 6 ของระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการแต่งตั้งราชองครักษ์ พ.ศ.2559 .-313.-สำนักข่าวไทย

ไฟไหม้ จยย. ลามวอดทั้งลานจอด

กทม. 27 ก.ย.-วงจรปิดจับภาพวินาทีไฟไหม้รถจักรยานยนต์ที่ลานจอด ก่อนลุกลามระเบิดวอดรถจักรยานยนต์ 29 คัน รถยนต์ 3 คัน และจักรยาน 3 คัน วงจรปิดจับภาพวินาทีไฟเริ่มลุกไหม้รถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ด้านในสุด ก่อนจะลุกลามมาคันข้างๆ และระเบิด จนควันปกคลุมไปทั่ว แล้วไฟได้ลุกลามไปอย่างรวดเร็ว ทำให้รถจักรยายนต์ที่จอดอยู่เสียหายถึง 29 คัน รถยนต์ 2 คัน รถกระบะ 1 คัน และจักรยานอีก 3 คัน เหตุการณ์เกิดขึ้นเวลาประมาณ 01.40 น. เช้าวันนี้ (27 กย.68) ที่ลานจอดรถ ของพี.อาร์.เค แมนชั่น ใกล้ปากซอยสุขสวัสดิ์ 17 เเขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งเข้าช่วยเหลือฉีดน้ำสกัดท่ามกลางเปวดพลิงที่และกำลังลุกลามต่อเนื่องไปยังลานจอดรถยนต์ด้านในอาคาร โดยใช้เวลานานกว่า 20 นาที จึงควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ ซึ่งรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่เสียหายทั้งหมด เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุ ต้องรอให้เจ้าหน้าส่วนเกี่ยวข้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย

กัมพูชาเปิดฉากยิงป่วน 2 พื้นที่ ปราสาทตาควาย-ช่องบก

26 ก.ย. – กัมพูชาเปิดฉากยิงไทยแล้ว 2 จุด บริเวณพื้นที่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ และเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี เวลาประมาณ 16.40 น. รับแจ้งจากหน่วยทหารในพื้นที่ ระบุว่า บริเวณเนิน 350 พื้นที่ประสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ ได้ยินเสียงระเบิด 1 ครั้ง และพื้นที่ “จุ๊บอั่งกุย” ได้ยินเสียงปืนเล็ก 5-6 นัด คาดว่าเป็นการก่อเหตุยั่วยุจากทางฝั่งกัมพูชา ล่าสุดเหตุการณ์กลับสู่ภาวะปกติ อยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติมจากหน่วยทหารในพื้นที่ ขณะที่บริเวณเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยอมรับว่า ไทยถูกกัมพูชายิงระเบิดใส่จริง ขณะนี้กำลังเร่งตรวจสอบ เก็บหลักฐานไปประท้วง พร้อมขอให้ประชาชนช่วยรักษาความลับราชการ ไม่เผยแพร่ภาพพิกัดยุทโธปกรณ์ของทหาร.-สำนักข่าวไทย

กรมการปกครอง ไม่อนุมัติ “ผู้กองแคท” โยกช่วยงานประธานรัฐสภา

กทม 26 ก.ย.- กรมการปกครอง ไม่อนุมัติ “ผู้กองแคท” โยกไปช่วยงานประธานรัฐสภา ชี้นโยบายชัด ปลัดอำเภอใหม่ต้องปฏิบัติงานในพื้นที่จริง เพื่อสั่งสมประสบการณ์ นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทน อธิบดีกรมการปกครอง ทำหนังที่ มท 302.13481 ถึงเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เรื่องขอยืมตัวข้าราชการช่วยราชการ โดย อ้างถึง หนังสือสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ด่วนที่สุด ที่ สผ001.02/479 ลงวันที่ 25 กันยายน 2568 โดยมีรายละเอียดว่า ตามหนังสือที่อ้างถึง สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แจ้งว่า มีความประสงค์ขอยืมตัวข้าราชการสังกัดกรมการปกครองราย ร้อยตำรวจเอกหญิง อาทิติยา เบ็ญจะปัก ตำแหน่ง นักประชาสัมพันธ์ปฏิบัติการ ส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมการปกครอง มาช่วยราชการที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในส่วนงานของประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย อีกหน้าที่หนึ่ง โดยไม่ขาดจากตำแหน่งหน้าที่เดิม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่1ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป นั้น กรมการปกครอง ขอเรียนว่า […]

ข่าวแนะนำ

ผู้สมัคร “ภูมิใจไทย” ประกาศชัยชนะ เลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ เขต 5

28 ก.ย. – “จินณ์ตวรรณ” ผู้สมัครหมายเลข 2 จากพรรคภูมิใจไทย ประกาศชัยชนะ หลังทราบผลคะแนนเลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ เขต 5 อย่างไม่เป็นทางการ นำคู่แข่งจากพรรคเพื่อไทย ขอบคุณประชาชนที่ไว้วางใจให้เข้าไปทำหน้าที่ สำหรับผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ ณ เวลา 19.40 น. หมายเลข 1 ภูริกา สมหมาย พรรคเพื่อไทย ได้คะแนน 24,681 คะแนนหมายเลข 2 จินณ์ตวรรณ ไตรสรณกุล พรรคภูมิใจไทย ได้คะแนน 31,653 คะแนน.-สำนักข่าวไทย

เร่งเคลียร์เศษวัสดุในหลุม คืนผิวจราจร 8 ต.ค.

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – แก้ถนนทรุดคืบหน้า จนท.ยุติการเทปูนแล้ว เร่งเคลียร์เศษวัสดุในหลุมออก เพื่อถมทรายผสมปูนอีก 5 เมตร คาดหากไม่มีอุปสรรคเพิ่ม จะคืนผิวจราจรได้อย่างน้อย 2 ช่องทาง 8 ต.ค.นี้.-สำนักข่าวไทย

“สีหศักดิ์” ย้ำจุดยืน ไทยยึดสันติภาพ โต้ถ้อยแถลงกัมพูชา

พรรคภูมิใจไทย 28 ก.ย. – “สีหศักดิ์” ย้ำจุดยืน ไทยยึดสันติภาพ โต้ถ้อยแถลงกัมพูชา มองโอกาสนำไทยสู่จอเรดาร์โลก นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ก่อนการเดินทางกลับจากการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีการพูดถึงถ้อยแถลงในที่ประชุม ประเด็นเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา รวมถึงบทบาทของไทยในเวทีสหประชาชาติ (ยูเอ็น) นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า การเดินทางเข้าร่วมการประชุม UNGA ในครั้งนี้ ต้องการให้ประเทศต่างๆ เห็นว่า การต่างประเทศของไทยกำลังขับเคลื่อนประเทศไทย และไทยจะมีบทบาทสำคัญในเวทีโลก ถึงแม้รัฐบาลชุดนี้จะอยู่แค่ 4 เดือน แต่จะใช้ช่วงเวลานี้ให้มีความหมาย สำหรับประเด็นเกี่ยวกับสถานการณ์ระหว่างไทย-กัมพูชา นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า เดิมทีจะใช้ถ้อยแถลงใน UNGA เพื่อบอกว่าไทยอยากเห็นแนวทางในการแก้ไขปัญหานี้ เพราะช่วงที่ผ่านมาก็มีการประชุมที่ประเทศมาเลเซีย ที่มีการบรรลุข้อตกลงหยุดยิง และการประชุมของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ทำให้เกิดข้อตกลงเรื่องการรักษาข้อตกลงหยุดยิง การเก็บกู้ทุ่นระเบิด การถอนอาวุธหนัก และการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ เป้าหมายของไทยคือ การสร้างความปลอดภัยและนำความสงบมาสู่ชายแดน หากต่างฝ่ายต่างมีความจริงใจและมุ่งมั่นทำให้ข้อตกลงต่างๆ เป็นรูปธรรม ก็คิดว่าไทยจะดำเนินการเป็นขั้นตอนในการปรับความสัมพันธ์ อย่างไรก็ตาม นายปรัก สุคน […]

นายกฯ พร้อมแถลงนโยบาย 29-30 ก.ย. มองผลโพลเหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจ

พรรคภูมิใจไทย 28 ก.ย. – นายกฯ พร้อมแถลงนโยบาย 29-30 ก.ย. มองผลโพลเหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจ แต่ขณะเดียวกันก็กดดันความคาดหวังประชาชน ย้ำต้องทำงานหนักตอบแทน ไม่ให้กลายเป็นยาพิษ ยันยึดสันติแก้ชายแดน บอกไทยนี้รักสงบ แต่ถ้ารบก็ลองดู ลั่นที่ผ่านมาเห็นความอัปยศอดสู วันนี้จะไม่มีวันให้เกิดขึ้นกับประเทศไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ความพร้อมในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันที่ 29-30 ก.ย.นี้ว่า ร่างนโยบายได้ส่งให้ทุกฝ่ายศึกษาแล้ว พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) ตามรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรีต้องลุกขึ้นอ่านนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภาให้ได้รับทราบ ส่วนถามว่ามีความกังวลหรือไม่ด้วยระยะเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัด นายอนุทิน กล่าวว่า จริงๆ แล้วเราไม่ได้เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ สำหรับพรรคภูมิใจไทยทำงานต่อเนื่องมากกว่า 6 ปีแล้ว เพิ่งไปพักร้อนช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ดังนั้น สิ่งที่ยังทำค้างอยู่ในช่วง 2 เดือนที่หยุดไป คงไม่ถึงขั้นที่ต้องทำให้ยกเลิก สิ่งที่เราอยากจะทำอะไรไป เราสามารถสานต่อ และมีนโยบายใหม่ๆ ในฐานะที่เรามาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะสามารถใช้นโยบายเพื่อช่วยเหลือประชาชน กระตุ้นเศรษฐกิจได้เพิ่มมากขึ้น หลายคนมีความคาดหวังกับรัฐบาลใหม่ และผลโพลหลายสำนัก คะแนนความนิยมในตัวนายกรัฐมนตรีเพิ่มสูงขึ้น จะสอดคล้องกับนโยบายและเป็นความคาดหวังให้กับประชาชนได้มากน้อยแค่ไหนนั้น […]