ไล่ออกผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ฉี่ม่วง

กรุงเทพฯ 20 ต.ค.- ปลัดมหาดไทย เผยไล่ออกผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านอำเภอลานสภาฉี่ม่วง ลั่น หากเจ้าหน้าที่คนใดเกี่ยวข้องยาเสพติด ต้องรับโทษทั้งวินัยและอาญาไม่มีละเว้น


นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ทุกจังหวัดได้ดำเนินการ Re X-Ray ตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยในการประกาศสงครามกับยาเสพติดอย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกวาดบ้านให้กับตนเอง ด้วยการตรวจหาสารเสพติดในร่างกายข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในสังกัดทุกคน รวมทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดจะต้องถูกดำเนินการขั้นเด็ดขาด ทั้งทางวินัยและอาญา ไม่มีละเว้น ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2565 ตนได้รับรายงานว่า จากการตรวจปัสสาวะเจ้าหน้าที่และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน ของอำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช พบผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ หรือ ผรส. มีสารเสพติดในกระแสเลือด โดยพบปัสสาวะสีม่วงชัดเจน จึงถูกไล่ออกจากทางราชการโดยทันที ซึ่งรายนี้ถือเป็นรายแรก เพราะสำหรับตำแหน่ง ผรส. นั้น ถือว่าเป็นตำแหน่งที่สำคัญ แต่ตัว ผรส. กลับมากระทำผิดเสียเอง “แบบนี้จึงเอาไว้ไม่ได้” เพราะถือเป็นการกระทำที่ผิดวินัยร้ายแรง และขอย้ำเตือนให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทยทุกคนร่วมกันเป็นหูเป็นตาเฝ้าระวังยาเสพติด และประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับประชาชน ห้ามข้องเกี่ยวกับยาเสพติดทุกกรณี หากตรวจพบจะมีมาตรการในการลงโทษทางวินัย และดำเนินคดีอาญาทันที

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทย ยังได้กำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเร่ง Re X-Ray สุ่มตรวจสถานประกอบการที่มีความเสี่ยง เช่น โรงงานอุตสาหกรรม สถานประกอบการขนส่ง โรงสี และคลังเก็บสินค้าทางการเกษตร เป็นต้น เพื่อป้องปรามและติดตามค้นหาผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่งในวันนี้หลายพื้นที่ได้รายงานผลการดำเนินการสุ่มตรวจ เช่น 1) จังหวัดสมุทรสาคร ฝ่ายปกครอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานนิคมอุตสาหกรรมจังหวัดฯ และเจ้าหน้าที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด สุ่มตรวจยาเสพติดในปัสสาวะพนักงานในสถานประกอบการแห่งหนึ่ง จำนวน 128 ราย 2) จังหวัดสกลนคร ฝ่ายปกครองจังหวัดสกลนคร ร่วมกับสำนักงานสวัสดิการแรงงานจังหวัดสกลนคร และโรงพยาบาลสกลนคร ออกสุ่มตรวจปัสสาวะ จำนวน 2 แห่ง รวมพนักงาน 43 คน 3) จังหวัดเชียงใหม่ ฝ่ายปกครองร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ตชด.และสาธารณสุข ร่วมสุ่มตรวจปัสสาวะ ในสถานประกอบการ 8 แห่ง รวมพนักงาน 126 ราย ซึ่งทั้งหมดไม่พบสารเสพติดแต่อย่างใด นอกจากนี้ ยังเฝ้าระวังสถานบริการหรือสถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ เช่น ที่จังหวัดบุรีรัมย์ ฝ่ายปกครองร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สารวัตรทหารบก มทบ.26, สรรพสามิตพื้นที่ จ.บุรีรัมย์, พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.บุรีรัมย์ และสาธารณสุขอำเภอเมืองบุรีรัมย์ รวมกว่า 100 นาย ออกตรวจสถานประกอบการต่าง ๆ ในเขตพื้นที่ใจกลางเมืองบุรีรัมย์ โดยตรวจปัสสาวะพนักงานทุกคนที่ทำงานอยู่ในสถานบันเทิงต่าง ๆ ในพื้นที่ โดยผลการตรวจปัสสาวะพนักงานทุกคน ไม่พบมีการกระทำผิด และยังไม่พบสิ่งผิดกฎหมายในสถานบันเทิง


ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวอีกว่า ในมิติด้านการจับกุมและปราบปรามผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดนั้น ทุกกลไกในพื้นที่ยังคงดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ทั้งรายใหญ่และผู้ค้ารายย่อยในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ ซึ่งมีตัวอย่างผลการปฏิบัติในวันนี้ ได้แก่

  1. เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2565 ณ จังหวัดสงขลา ภายใต้การอำนวยการของนายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา, นายวรณัฎฐ์ หนูรอต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา, นายสุรินทร์ สุริยะวงศ์ นายอำเภอสะเดา รักษาราชการแทนปลัดจังหวัดสงขลา, นายปัญญวัฒน์ เรืองวงศ์โรจน์ ป้องกันจังหวัดสงขลา และนายกองตรี วิโรจน์ ศรีขวัญ ผบ.ร้อย อส.จ.สข.1 ได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดสงขลา นำโดย จ่าเอกไพรัช แก้วมณี ผช.ป้องกันฯ/รอง หน.ชุดฯ นำกำลัง อส. ประจำชุด ฯ ดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิด จำนวน 2 ราย พร้อมด้วยของกลางยาบ้า จำนวน 5 มัด หรือ 10,000 เม็ด ส่งพนักงานสอบสวน สภ.สทิงพระ ดำเนินคดีตามกฎหมาย
  2. เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2565 ณ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ภายใต้การอำนวยการของ นายทศพล สินยบุตร นายอำเภอปาย ได้มอบหมายให้ นายภูรีภัทร พิพัฒน์พงศธร และนายพิเชษฐ พุ่มนวน ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคงอำเภอปาย นำกำลังสมาชิก อส. ร้อย.อส.อ.ปาย 4 ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดแม่ฮ่องสอน เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรปาย เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 336 จังหวัดแม่ฮ่องสอน ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดแม่ฮ่องสอน เจ้าหน้าที่ทหาร และเจ้าหน้าที่ป่าไม้เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย (เจ้าหน้าที่ตรวจยึด) ได้ร่วมกันตรวจยึดสิ่งผิดกฎหมายเป็นยาบ้า จำนวน 12 ถุง ถุงละ 200 เม็ด รวม 2,400 เม็ด และยาบ้า อีกจำนวน 18 ถุง น้ำหนักรวมถุง 7,131.636 กรัม (ถุงละประมาณ 396.202 กรัม) ซึ่งขณะตรวจยึดไม่พบผู้ใดผู้หนึ่งอยู่ที่เกิดเหตุ จึงได้นำของกลางทั้งหมดที่ตรวจยึดไว้ได้ นำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรปาย ทำการสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
  3. เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2565 ณ จังหวัดมหาสารคาม ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดมหาสารคาม นำโดย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปส.2 นำโดย พ.ต.อ.จีรภัทร พฤฑฒิกุล ผกก.3 บก.ปส.2, พ.ต.ท.วิฑูรย์ ญานุกูล รอง ผกก.3 บก.ปส.2, พ.ต.ท.พล หอมจันทร์ รอง ผกก.3 บก.ปส.2, พ.ต.ท.โชติธนินท์ โชติสุรีย์ชัย รอง ผกก.(สอบสวน)กลุ่มงานสอบสวนและตรวจสอบทรัพย์สิน บก.ปส.2 พร้อมพวก ได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหา 3 ราย พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 10 กระสอบ ประมาณ 3 ล้านเม็ด และอาวุธปืนสั้น จำนวน 2 กระบอก จึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน บกปส.2 ดำเนินคดีตามกฎหมาย
  4. เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2565 ณ จังหวัดนครศรีธรรมราช ตำรวจ สภ.ชะอวด และเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ในพื้นที่ อ.ชะอวด รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถกระบะขับมาด้วยความเร็วสูงแล้วรถเสียหลักตกลงข้างทางริมถนนสายเชียรใหญ่ – ควนหนองหงส์ ต.บ้านตูล อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เนื่องจากถนนลื่น ภายในรถมีชายวัยรุ่น 3 คนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เมื่อชายวัยรุ่นทั้ง 3 คนเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังเข้าช่วยเหลือต่างตกใจวิ่งหลบหนีไปแบบมีพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบภายในรถกระบะพบกล่อง จำนวน 2 กล่อง เปิดตรวจสอบพบว่า มียาบ้ารวม 362,000 เม็ด จึงแจ้งตำรวจพิสูจน์หลักฐาน พนักงานสอบสวนตรวจสอบตรวจยึดยาบ้าทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ชะอวด พร้อมกับตรวจสอบชื่อผู้ครอบครองรถกระบะคันดังกล่าวเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานติดตามวัยรุ่นทั้ง 3 คนมาสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
  5. เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2565 ณ จังหวัดชัยภูมิ ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอำเภอ 16 อำเภอ สถานีตำรวจภูธร จำนวน 29 แห่ง และเป้าหมายปิดล้อมตรวจค้น จำนวน 31 จุดเป้าหมาย ได้รายงานผลการปฏิบัติงาน โดยสามารถจับกุมผู้กระทำผิดคดียาเสพติด จำนวน 31 รายพร้อมของกลางยาเสพติด ประเภทยาบ้า จำนวน 4,341 เม็ด สารไอซ์ ปริมาณ 15.62 กรัม อาวุธปืน จำนวน 16 กระบอก และกระสุนและเครื่องกระสุนปืน จำนวน 22 นัด ส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย และนำผู้เสพเข้ารับการสมัครใจบำบัด จำนวน 16 ราย
  6. เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ณ จังหวัดกระบี่ ภายใต้การอำนวยการของนายสมยศ ณ นคร นายอำเภออ่าวลึก นางนันทิชา เกิดแก้ว ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง โดยนายชนะพล เที่ยงธรรม ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคงอำเภออ่าวลึก กำนันตำบลคลองยา ผู้ใหญ่บ้าน ม.4 ต.คลองยา พร้อมด้วยสมาชิก อส.อ.อ่าวลึกที่ 7 ร่วมกันจับกุมผู้กระทำความผิดคดียาเสพติด จำนวน 2 ราย และตรวจยึดรถยนต์อีกหนึ่งคัน ซึ่งพบของกลางเป็นยาบ้ารวมกว่า 2,000 เม็ด จึงนำตัวผู้ต้องหาและของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.อ่าวลึก ดำเนินคดีตามกฎหมาย

นอกจากนี้ ยังได้รับรายงานการตรวจค้นและจับกุมผู้ค้ารายย่อยจากอีกหลายพื้นที่ อาทิ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก จับกุมได้กว่า 200 เม็ด อำเภอลำทับ จังหวัดกระบี่ จับกุมได้กว่า 100 เม็ด อำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จับกุมได้กว่า 600 เม็ด เป็นต้น โดยทั้งหมดถูกนำตัวผู้กระทำผิดพร้อมของกลสงส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย

“กระทรวงมหาดไทย เดินหน้าอย่างมุ่งมั่นในการทำสงครามกับยาเสพติดและอาวุธปืนผิดกฎหมายทุกชนิด ด้วยการบูรณาการการทำงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ป.ป.ส. รวมถึงทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มข้น โดยใช้ทุกกลไกภาคีเครือข่ายในพื้นที่ ลงพื้นที่ลุยกวาดล้างผู้กระทำความผิดอย่างแข็งขัน พร้อมทั้งนำผู้หลงผิดเข้ารับการบำบัดรักษา เพื่อคืนคนดีให้กับสังคม ให้กับครอบครัว และหมั่นลงพื้นที่ติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้ปัญหายาเสพติดเป็นปัจจัยทำลายคนบริสุทธิ์อีก อันจะทำให้ลูกหลานของพวกเราทุกคน อยู่ในสังคมได้อย่างเป็นปกติสุข พร้อมทั้งได้กำชับผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สร้างการรับรู้ประชาสัมพันธ์หมายเลขติดต่อในการแจ้งเบาะแส โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 และหมายเลขที่ติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ได้อย่างสะดวก มีเจ้าหน้าที่สแตนบายพร้อมเข้าดำเนินการตามเบาะแสตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้พี่น้องประชาชนสามารถจดจำและติดต่อได้ง่าย อันเป็นการอำนวยความสะดวกและเป็นการเพิ่มช่องทางการมีส่วนร่วมในการช่วยกันดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง” นายสุทธิพงษ์ กล่าว .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

แฟนนางงามแห่ต้อนรับ “โอปอล” กลับไทยสุดอบอุ่น

กรุงเทพฯ 14 มิ.ย. – แฟนนางงามแห่รับ “โอปอล สุชาดา” Miss World 2025 กลับไทยสุดอบอุ่น ก่อนขึ้นรถแห่ฉลองทั่วกรุง “โอปอล” สุชาตา ช่วงศรี มิสเวิลด์ 2025 เดินทางกลับถึงไทย ด้วยเที่ยวบิน TG603 ร่วมงาน ‘Home Coming 72nd Miss World 2025’ ท่ามกลางการต้อนรับสุดอบอุ่นจากแฟนนางงามแน่นสนามบินสุวรรณภูมิ โอปอล กล่าวขอบคุณคนไทย และบอกว่ามงกุฎนี้เป็นของพวกเราทุกคน ตั้งเป้าใช้ตำแหน่งเพื่อช่วยเหลือสังคม หลังจบพิธี โอปอลขึ้นรถโรลส์-รอยซ์เปิดประทุน โบกธงชาติไทย มุ่งหน้าท้องฟ้าจำลอง ร่วมขบวนแห่ฉลองชัยมิสเวิลด์คนแรกของประเทสไทยอย่างสมเกียรติ บรรยากาศที่ท้องฟ้าจำลองมีประชาชนมารอต้อนรับโอปอล บรรดาแฟนนางงามต่างแสดงสัญลักษณ์ด้วยการใส่ชุดสีฟ้า บางคนมีการทำมงกุฎ Miss World มาใส่ และทันทีที่รถของโอปอลเลี้ยวเข้ามายังท้องฟ้าจำลอง มีการโห่ร้องต้อนรับอย่างอบอุ่น ส่วนแรงบันดาลใจในการทำรถขบวนแห่ของ Miss World 2025 นี้ นายธีรฉัตร อินถา ผู้ออกแบบขบวน ระบุว่า ได้มีการนำวัฒนธรรมผสมผสานระหว่างสากลและวัฒนธรรมไทย […]

ประชุม JBC วันแรกเป็นไปด้วยดี สองฝ่ายหารือตรงไปตรงมา

14 มิ.ย.- โฆษก กต. เผยการประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายหารือกันอย่างตรงไปตรงมา พร้อมย้ำไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก สำหรับการประชุมจะเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย – กัมพูชา หรือ JBC ครั้งที่ 6 ว่าตั้งแต่เมื่อเช้า หลังจากคณะผู้แทนไทยฯ ที่นำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เดินทางถึงกรุงพนมเปญเมื่อวานนี้ ได้รับรายงานความคืบหน้ามาเป็นระยะ และเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ได้เรียกประชุมผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ขอให้เรียกประชุมและรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ เพื่อจะได้มีข้อสั่งการ นายนิกรเดช กล่าวว่า การประชุมเริ่มจากที่พบหารือระหว่างสองประธานไทย-กัมพูชา กลุ่มเล็ก จากนั้นได้เริ่มการประชุม JBC เต็มคณะ เพื่อหารือประเด็นทางเทคนิค ที่อยู่ในขอบเขตการทำงานของ JBC เช่นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการสำรวจภูมิประเทศ ขณะนี้การประชุมก็ยังคงดำเนินอยู่ ซึ่งช่วงบ่ายก็จะเป็นการหารือตามระเบียบวาระที่วางไว้ เช่นการพูดคุยด้านเทคนิค และคาดว่าจะมีการประชุมไปจนถึงวันพรุ่งนี้ บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยดี และทั้งสองฝ่ายกำลังเดินหน้าหารือกันตามวาระ ถือว่าการประชุมเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายเดินหน้าคุย และปรับความคิดหากันด้วยดี ฝ่ายไทยหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะมีส่วนช่วยลดความ ตึงเครียดของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น […]

ประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” ยึด MOU43 แก้ปมชายแดน-ลดตึงเครียด

14 มิ.ย.- “ไทย-กัมพูชา” แถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม JBC เจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกัน และการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบ MOU43 นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย เป็นประธานการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ร่วมกับนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายกล่าวถ้อยแถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในการเจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกันและการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 (MOU 43) เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาชายแดนและลดความตึงเครียดที่มีอยู่ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการของทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานเชิงเทคนิคที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กรมแผนที่ทหาร กองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา (เทียบเท่ากระทรวง) กระทรวงกลาโหมกัมพูชา กองทัพภาคต่าง ๆ ของกัมพูชา รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาของกัมพูชาทุกจังหวัด -สำนักข่าวไทย

Cambodia and Thailand hold a closed-door meeting ahead of the official meeting of JBC in Phnom Penh

ไทย-กัมพูชา หารือกลุ่มเล็กก่อนประชุม JBC

พนมเปญ 14 มิ.ย. – สื่อกัมพูชารายงานว่า กัมพูชาและไทย ได้เปิดการหารือกลุ่มเล็กฝ่ายละ 5 คน ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซี (JBC) ที่กรุงพนมเปญ ในวันนี้ เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า ในการหารือกลุ่มเล็กที่มีผู้ร่วมเข้าเพียง 10 คน ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายเจีย ฬำ  รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกิจการชายแดน ส่วนฝ่ายไทยนำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศด้านกิจการชายแดน ซึ่งเป็นนักการทูตผู้เชี่ยวชาญช่วงข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร พร้อมกับเผยแพร่ภาพชุดการหารือดังกล่าว.-814.-สำนักข่าวไทย