มูลนิธิป่ารอยต่อฯ 29 ส.ค.-“พล.อ.ประวิตร” ประชุมคนช. เร่งช่วยแรงงานนอกระบบ เน้นใช้เทคโนโลยีเสริมการจ้างงาน เพิ่มรายได้ ควบคู่สิทธิพึงได้เต็มที่ พร้อมเร่งรัดกม.คุ้มครองฯ บังคับใช้โดยเร็ว
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการบริหารจัดการแรงงานนอกระบบแห่งชาติ (คนช.) ครั้งที่1/2565 ณ ห้องประชุม มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยที่ประชุมรับทราบ ผลการดำเนินงานด้านการบริหารจัดการแรงงานนอกระบบ ประจำปี 64 ซึ่งส่งเสริมคุ้มครอง และพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบ จำนวน 67 โครงการ / กิจกรรม มีแรงงานนอกระบบที่ได้รับการยกระดับคุณภาพชีวิต รวม 16,876,660 คน (5,736 ล้านบาท) มีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 6,853 บาทต่อเดือน คิดเป็นร้อยละ 4 ของรายได้ในปี63 เฉลี่ย 6586 บาทต่อเดือน และรับทราบผลการดำเนินโครงการพัฒนาการตลาดสินค้ากลุ่มผู้ทำการผลิตที่บ้านหลังการแพร่ระบาดของ โควิด-19 ภายใต้ความร่วมมือกับมูลนิธิเพื่อการพัฒนาแรงงานและอาชีพ(Homenet) ซึ่งมีแรงงานนอกระบบได้รับประโยชน์ 1,160 คน มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 4,500 บาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 80 ของรายได้ ก่อนการระบาดของ โควิด-19 (เฉลี่ยต่อเดือน 2,500 บาท) รวมทั้งรับทราบความคืบหน้า(ร่าง)พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตและคุ้มครองแรงงานนอกระบบ พ.ศ…ซึ่งจะแล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคมนี้
ที่ประชุมเห็นชอบ (ร่าง)แผนปฏิบัติการด้านการบริหารจัดการแรงงานนอกระบบ พ.ศ. 2566-2570 โดยกระทรวงแรงงานร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จัดประชุมเชิงปฏิบัติการและร่วมกำหนดวิสัยทัศน์ “แรงงานนอกระบบ มีศักยภาพสูง มีงานทำ ได้รับการคุ้มครอง และมีหลักประกันทางสังคมที่ดี” เพื่อกำหนดทิศทางดำเนินการต่อไป
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ทุกหน่วยงานให้นำแผนปฏิบัติการที่ผ่านการเห็นชอบแล้วไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรม และเร่งผลักดันกฎหมายส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตและคุ้มครองแรงงานนอกระบบ โดยเร็ว เพื่อให้แรงงานได้รับการคุ้มครองและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์เชิญชวนประชาชนให้ขึ้นทะเบียนแรงงานนอกระบบ เพื่อเป็นฐานข้อมูลสำหรับการช่วยเหลือ เยียวยา อย่างทันท่วงทีต่อไป
พล.อ.ประวิตร กล่าวขอบคุณ ทุกหน่วยงานที่ร่วมกันจัดทำแผนปฏิบัติการดังกล่าว ซึ่งเป็นไปตามนโยบายเร่งด่วน ของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่ต้องการให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมพัฒนาประเทศและช่วยเหลือประชาชน ทุกกลุ่ม ทุกพื้นที่ให้มีความอยู่ดี กินดี อย่างยั่งยืน.-สำนักข่าวไทย