EXIM BANK เปิดกลยุทธ์ Beyond Borders…Beyond Banking สร้างภูมิคุ้มกันไทยเวทีการค้าโลก

EXIM BANK เปิดกลยุทธ์ Beyond Borders…Beyond Banking สร้างภูมิคุ้มกันประเทศไทยในเวทีการค้าโลก


ปัจจุบัน SMEs ในประเทศไทยมีอยู่ราว 3.18 ล้านราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ส่งออกไม่ถึง 1% ในขณะที่การจ้างงานของประเทศโดยรวมมีประมาณ 17 ล้านคน เป็นการจ้างงานของผู้ประกอบการ SMEs มากถึง 12 ล้านคน หรือคิดเป็น 70% ของการจ้างงานทั้งหมด จะเห็นได้ว่าธุรกิจ SMEs ในประเทศไทย มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจมากอย่างคาดไม่ถึง

ถึงจะมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจมากแต่ธุรกิจ SMEs กลับมีความเปราะบาง มีภูมิคุ้มกันต่อความผันผวนทางเศรษฐกิจค่อนข้างต่ำ จึงมีข้อสังเกตว่าในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา จำนวน SMEs เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 2% ซึ่งถือว่าน้อยมาก ความเปราะบางของ SMEs ไทยมาจากหลายสาเหตุ อาทิ การขาดแคลนเงินทุน SMEs ที่เข้าถึงแหล่งเงินทุนมีเพียง 1 ใน 3 ของทั้งระบบ ทั้งเงินทุนจากธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) ที่เป็นเช่นนี้เพราะมี SMEs อยู่ในระบบหรือจดทะเบียนนิติบุคคลเพียง 800,000 ราย ขณะที่ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจประเภทส่วนบุคคลและอื่น ๆ 2.3 ล้านราย และวิสาหกิจชุมชน 9.5 หมื่นราย ทั้งนี้ มี SMEs ที่เป็นผู้ส่งออกคิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.7% หรือ 22,285 รายของทั้งระบบ สวนทางกับหลายประเทศที่มีสัดส่วนสูง เช่น แคนาดา 12% เวียดนาม 8% ซึ่งในจำนวน SMEs ที่ส่งออกและมีรายได้เป็นเงินตราต่างประเทศป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเพียง 1 ใน 3 ของทั้งหมด


นอกจากขาดแคลนเงินทุนแล้ว ผู้ประกอบการ SMEs ยังขาดความรู้ทางธุรกิจ สะท้อนจาก Startup Skills Index (ความรู้สำหรับเริ่มต้นธุรกิจ) ของ Global Entrepreneurship and Development Institute ซึ่งจัดอันดับประเทศไทยอยู่ที่อันดับ 64 จากทั้งหมด 137 ประเทศ นอกจากนั้นยังขาดในเรื่องของ Research and Development หรือ R&D และนวัตกรรม โดยมีเพียง 0.2% ของ SMEs ไทยทั้งระบบที่ใช้ R&D ยกระดับธุรกิจ ขณะที่สัดส่วน R&D ต่อ GDP ของไทยก็อยู่ที่ 1% เทียบกับหลายประเทศในเอเชียที่มีสัดส่วนดังกล่าวสูงกว่า เช่น เกาหลีใต้ 4.5% สิงคโปร์ 2%

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) กล่าวว่า สินค้าของ SMEs ไทยหลายรายยังไม่ตอบโจทย์เทรนด์ใหม่ ๆ ของโลก ขาดความแตกต่าง เนื่องจาก SMEs หลายรายมักทำตามกันและคาดหวังว่าจะประสบความสำเร็จเหมือนกัน มากกว่าที่จะพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ สร้างความแตกต่างในตลาด

“จากข้อมูลของคลินิกแก้หนี้ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) พบว่า ธุรกิจที่เป็นหนี้เสียมากที่สุด มีอายุธุรกิจสั้น คือ ร้านอาหารและร้านกาแฟ เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ไม่มีความแตกต่าง ทำเหมือน ๆ กัน ธุรกิจที่จะไปได้จะต้องมีจุดขายที่แตกต่าง และตอบโจทย์เทรนด์ใหม่ ๆ ของโลก เช่น ธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ดิจิทัล และเกี่ยวเนื่องกับการดูแลสุขภาพ (Green, Digital, Health)” ดร.รักษ์ กล่าว


ปัญหาที่เป็นความเปราะบางและเป็นจุดอ่อนของ SMEs ไทยเป็นความเสี่ยงที่ทำให้ธนาคารพาณิชย์ไม่กล้าที่จะเข้าไปสนับสนุนสินเชื่อจึงเป็นปัญหาไก่กับไข่ ทำให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไม่เติบโตและไม่สามารถพัฒนาขึ้นมามีบทบาทในระบบเศรษฐกิจของประเทศได้มากกว่าที่เป็นอยู่ EXIM BANK จึงคิดต่างและหา Model ของตัวเองในการสนับสนุน SMEs ให้เติบโตได้โดยมีหนี้เสียต่ำ

กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า ธนาคารได้สร้างรูปแบบในการสนับสนุนทางการเงินสร้างนักรบเศรษฐกิจไทยเป็นผู้ส่งออกป้ายแดง ด้วยการพัฒนา Ecosystem ครบวงจร ตั้งเป้าเปลี่ยน SMEs จาก “เก่งกระจุก” อยู่แค่บางกลุ่มหรือบางอุตสาหกรรมให้เป็น “เก่งกระจาย” ตลอด Supply Chain ของการค้าระหว่างประเทศโดย EXIM BANK จะเข้าไปสนับสนุนให้สินเชื่อกับธุรกิจขนาดใหญ่ในอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน แต่มีเงื่อนไขว่าธุรกิจขนาดใหญ่จะต้องสนับสนุนซื้อสินค้าวัตถุดิบจาก SMEs ที่เป็น Supply Chain เพื่อให้ธุรกิจขนาดเล็กมีโอกาสฟื้นตัวและเติบโตกลายเป็นผู้ส่งออกได้มากขึ้น วิธีนี้จะช่วยให้ความเสี่ยงในการสนับสนุนทางการเงินต่อ SMEs ลดลงด้วย เพราะธุรกิจรายใหญ่จะรู้จักลูกค้ามากกว่าธนาคาร

EXIM BANK ได้นำเสนอ 3 Models ในการสร้างนักรบเศรษฐกิจใหม่ และพัฒนา Ecosystem ตลอด Supply Chain ดังนี้

Quick Win ทำได้ทันที สนับสนุนผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มี SMEs อยู่ใน Supply Chain จำนวนมาก เพื่อช่วย SMEs ทางอ้อมจากความต้องการสินค้าที่จะเพิ่มขึ้นอีกมาก

Medium Term ระยะกลาง ใช้โมเดลพี่จูงน้อง ดึงรายใหญ่พ่วงรายเล็กใน Supply Chain เข้า Supply Chain Financing Platform ของ EXIM BANK โดย SMEs ที่อยู่ใน Supply Chain ของผู้ประกอบการรายใหญ่สามารถเข้าถึงเงินทุนง่ายขึ้นด้วยการอิงความเสี่ยงของรายใหญ่ได้ ล่าสุด EXIM BANK สานพลังสามสภาฯ ได้แก่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย (สภาหอฯ) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เพื่อร่วมกันสร้างความเข้มแข็งของธุรกิจทุกระดับตลอดห่วงโซ่การส่งออกตั้งแต่ผู้ประกอบการรายใหญ่ไปจนถึงรายเล็ก

Long Term ระยะยาว เปลี่ยนผู้ผลิตเพื่อผู้ส่งออกหรือผู้ส่งออกทางอ้อม (Indirect Exporters) เป็นผู้ส่งออก (Direct Exporters) โดย EXIM BANK จะเปลี่ยน Indirect Exporters ที่มีอยู่ราว 10% ของ SMEs ทั้งระบบหรือราว 300,000 ราย ให้ก้าวขึ้นเป็นผู้ส่งออกด้วยการพัฒนาผู้ส่งออกแบบครบวงจร สะท้อนถึงบทบาทการเป็นมากกว่าธนาคาร (Beyond Banking) เช่น
• Training & Incubation ด้วยศูนย์ความเป็นเลิศด้านการค้าของ EXIM BANK (EXIM Excellence Academy : EXAC) และ Business School ชั้นนำ
• Business Matching จับคู่ธุรกิจด้วยสำนักงานผู้แทน EXIM BANK ใน CLMV
• Online Channel โดยใช้ EXIM Thailand Pavilion ร้านค้าออนไลน์ของ EXIM BANK
• Product Development โดยจัดให้มี SME Export Studio ซึ่ง EXIM BANK จัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุน SMEs โดยเฉพาะ

ดร.รักษ์ กล่าวต่อไปว่า การสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ของ EXIM BANK มุ่งเน้นการช่วยเหลือจำนวนรายผู้ประกอบการได้เพิ่มขึ้น เพราะจำนวนผู้ประกอบการที่รอดหรือเกิดใหม่สำคัญกว่าวงเงินกู้ รวมถึงการเน้นการสร้างงาน สร้างอาชีพให้คนไทยได้มากแค่ไหน เพื่อสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืนให้กับประเทศและประชาคมโลก

“EXIM BANK มุ่งมั่นที่สนับสนุนและช่วยเหลือผู้ประกอบการภายใต้บทบาทที่มากกว่าธนาคาร (Beyond Banking) ไม่ว่าจะเป็น Business Partners อยู่เคียงข้างผู้ประกอบการ ตลอดจนเป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำในการแก้ปัญหาธุรกิจหรือรุกตลาดใหม่ ๆ เป็นตัวกลางเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจในต่างประเทศ เพื่อช่วยผู้ประกอบการเข้าถึงโอกาสธุรกิจใหม่ ๆ เป็น Business Intelligence ที่สนับสนุนข้อมูลเชิงลึกต่าง ๆ ตลอดจนการพัฒนาและเชื่อมโยง Ecosystem ทั้งในส่วนของ Supply Chain ระหว่างผู้ประกอบการรายใหญ่ถึงรายเล็ก และสร้าง Ecosystem ในอุตสาหกรรมใหม่ ๆ” ดร.รักษ์ กล่าวทิ้งท้าย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน”

วัดบ้านไร่ 19 ก.ค.-“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน” หวั่นโดนอัดเทปซ้ำรอย ชี้หากพิสูจน์ได้ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิดใหม่ต้องประท้วงตามกติกา ซัดหากเล่นนอกบทต้องดำเนินการ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ทหารพรานถูกเหยียบทุ่นระเบิด ที่ช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ที่มีกระแสข่าวว่ากว่า 80% จากการตรวจสอบเป็นระเบิดใหม่ว่า ทั้งสองฝ่ายต้องพูดคุยกัน ถ้าไม่คุยกันอยู่อย่างนี้ไม่เป็นผลดี และขณะนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ว่าเป็นระเบิดใหม่หรือเก่า ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า แต่ล่าสุดกระแสข่าวจากภาคสองยืนยันว่ากว่า 80% เป็นระเบิดใหม่ นายทักษิณ กล่าวว่าก็ต้องว่ากันไป ก็ต้องประท้วงตามกติกา และประท้วงเสร็จก็ต้องมาคุยกันทั้งสองฝ่าย ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า ฝั่งกัมพูชามักเล่นนอกเกมบ่อยๆ เราต้องรับมืออย่างไร นายทักษิณ ระบุว่าก็ว่ากันไปตามสิ่งที่ควรจะเป็น ถ้าเขาทำอะไรที่นอกกติกา เราก็ต้องดำเนินการ เมื่อถามว่าถ้าพิสูจน์ได้แล้วเป็นเรื่องจริง จะร้ององค์กรโลกหรือไม่ เนื่องจากมีสนธิสัญญาออตตาวา ว่าด้วยเรื่องทุ่นระเบิด นายทักษิณ ระบุว่าที่จริงแล้ว เรามีสนธิสัญญาหลายฉบับ แต่ไม่ได้หยิบขึ้นมาใช้ เมื่อถามย้ำว่าหลังจากนี้จะไม่เจรจาโดยใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวแล้วใช่หรือไม่ นายทักษิณ ยืนยันด้วยเสียงหนักแน่นว่าไม่มีอีกแล้ว เพราะกลัวโดนอัดเทปเหมือนกัน.-313.-สำนักข่าวไทย

ศบ.ทก. เรียกถกด่วนพรุ่งนี้ นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น

กทม. 19 ก.ค.-ศบ.ทก.เรียกถกด่วน 20 ก.ค. หารือ กต. นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น กัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวา พร้อมส่งทหารช่าง ปูพรมเก็บกู้วัตถุระเบิดช่องบก พื้นที่อธิปไตยไทย 19 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เตรียมนัด ศบ.ทก.ประชุมในวันที่ 20 ก.ค.นี้ เวลา14.00 น. กำหนดแนวทางการดำเนินการ กรณีกำลังพลจากหน่วยร้อย ร.6021 ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบกและประสบเหตุเหยียบกับระเบิด ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ซึ่งจากหลักฐานพลว่าเป็นการวางกับระเบิดใหม่นั้น เบื้องต้น พล.อ.ณัฐพล ได้สั่งการกองทัพภาคที่2 เก็บข้อมูลหลักฐานทั้งหมด พร้อมให้แถลงข่าว และรายงานผลเป็นลายลักษณ์อักษรมาให้ทราบ เนื่องจากต้องเก็บทุกอย่างเป็นหลักฐาน เพื่อส่งให้กระทรวงการต่างประเทศต่อไป โดยในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ค.) จะมีกระทรวงการต่างประเทศเข้ามาร่วมประชุม ศบ.ทก.ด้วย เพื่อมาให้คำแนะนำว่าขั้นตอนต่อไปในการดำเนินการ ควรจะทำอย่างไร ร่วมถึงตรวจสอบข้อมูลหลักฐานของแต่ละฝ่ายว่าตรงกันหรือไม่ เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะแถลงเป็นทางการ ในการประชุม ศบ.ทก. 21 ก.ค.นี้ […]

สำนักพุทธฯ สั่งเข้มทุกวัด เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส.

19 ก.ค.-สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ ให้เร่งดำเนินการจัดทำบัญชีเงินฝาก รายรับ-รายจ่าย และงบดุลของวัด ให้ถูกต้องและเป็นระบบ ตามมติมหาเถรสมาคม ที่มีผลบังคับใช้แล้ว โดยการเปิดบัญชีและการเบิกถอนเงินฝากธนาคารของวัด จะต้องเปิดกับธนาคารที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในเขตจังหวัดเดียวกับวัด และระบุชื่อบัญชีเงินฝากเป็นชื่อวัดเท่านั้น โดยมีรายชื่อผู้มีอำนาจถอนเงินอย่างน้อย 3 คน ซึ่งในการถอนเงินต้องมีผู้ลงนามจำนวน 2 ใน 3 และมีเจ้าอาวาสลงนามด้วยทุกครั้ง โดยใช้ใบถอนเงินของธนาคารและสมุดบัญชีเท่านั้น ในส่วนของบัญชีรายรับ-รายจ่าย ให้รายงานบัญชีของวัดทุกบัญชี สรุปเป็นรายเดือน จำนวน 12 เดือน ส่งสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ภายในวันที่ 20 มกราคมของปีถัดไป โดยสำเนาเอกสารไว้ที่วัดด้วยทุกฉบับ นอกจากนี้ทุกวัดควรพิจารณาใช้ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ร่วมด้วย เพื่อแสดงข้อมูลบริจาคที่ครบถ้วน และให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ ติดตามอย่างเคร่งครัด โดยสำนักพระพุทธศาสนาฯ จะกำกับดูแล หรือประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบบัญชี และรายงานการตรวจสอบให้มหาเถรสมาคมทราบ.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” สยบข่าวลือพาดพิงพระชั้นผู้ใหญ่

กทม. 19 ก.ค. – รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สยบข่าวลือพาดพิงพระชั้นผู้ใหญ่ ระบุข้อมูลคดีใหม่ เป็นพระในพื้นที่ต่างจังหวัด และไม่เกี่ยวกับคดี “กอล์ฟ” พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า เพิ่งรับทราบจากสื่อมวลชนเกี่ยวกับกระแสข่าวลือพาดพิงถึงพระชั้นผู้ใหญ่บางรูป ซึ่งไม่ต้องการให้มีการเผยแพร่ข่าวลือจนสร้างความเสียหาย โดยยืนยันว่าที่เคยให้สัมภาษณ์ว่า ยังมีพระชั้นผู้ใหญ่มีความเกี่ยวข้องสีกาอีก แต่ไม่เกี่ยวข้องกับกอล์ฟ เป็นพระที่มีสมณศักดิ์สูงกว่าพระในคดีกอล์ฟ แต่อยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด ไม่ใช่ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีการกระทำเข้าข่ายผิดวินัยสงฆ์ โดยไม่เกี่ยวข้องกับคดีกอล์ฟ และยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ขอเวลาตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ได้หลักฐานชัดเจนก่อน ส่วนการตั้งศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา เพื่อรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับพระโดยเฉพาะ ขณะนี้ มีประชาชนแจ้งเบาะแสมาแล้วหลายร้อยสาย ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังคัดแยกข้อมูล จึงยังไม่สามารถตอบได้ว่า จะมีเรื่องที่เกี่ยวกับกอล์ฟอีกหรือไม่.-412-สำนักข่าวไทย