EXIM BANK เปิดกลยุทธ์ Beyond Borders…Beyond Banking สร้างภูมิคุ้มกันไทยเวทีการค้าโลก

EXIM BANK เปิดกลยุทธ์ Beyond Borders…Beyond Banking สร้างภูมิคุ้มกันประเทศไทยในเวทีการค้าโลก


ปัจจุบัน SMEs ในประเทศไทยมีอยู่ราว 3.18 ล้านราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ส่งออกไม่ถึง 1% ในขณะที่การจ้างงานของประเทศโดยรวมมีประมาณ 17 ล้านคน เป็นการจ้างงานของผู้ประกอบการ SMEs มากถึง 12 ล้านคน หรือคิดเป็น 70% ของการจ้างงานทั้งหมด จะเห็นได้ว่าธุรกิจ SMEs ในประเทศไทย มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจมากอย่างคาดไม่ถึง

ถึงจะมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจมากแต่ธุรกิจ SMEs กลับมีความเปราะบาง มีภูมิคุ้มกันต่อความผันผวนทางเศรษฐกิจค่อนข้างต่ำ จึงมีข้อสังเกตว่าในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา จำนวน SMEs เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 2% ซึ่งถือว่าน้อยมาก ความเปราะบางของ SMEs ไทยมาจากหลายสาเหตุ อาทิ การขาดแคลนเงินทุน SMEs ที่เข้าถึงแหล่งเงินทุนมีเพียง 1 ใน 3 ของทั้งระบบ ทั้งเงินทุนจากธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) ที่เป็นเช่นนี้เพราะมี SMEs อยู่ในระบบหรือจดทะเบียนนิติบุคคลเพียง 800,000 ราย ขณะที่ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจประเภทส่วนบุคคลและอื่น ๆ 2.3 ล้านราย และวิสาหกิจชุมชน 9.5 หมื่นราย ทั้งนี้ มี SMEs ที่เป็นผู้ส่งออกคิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.7% หรือ 22,285 รายของทั้งระบบ สวนทางกับหลายประเทศที่มีสัดส่วนสูง เช่น แคนาดา 12% เวียดนาม 8% ซึ่งในจำนวน SMEs ที่ส่งออกและมีรายได้เป็นเงินตราต่างประเทศป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเพียง 1 ใน 3 ของทั้งหมด


นอกจากขาดแคลนเงินทุนแล้ว ผู้ประกอบการ SMEs ยังขาดความรู้ทางธุรกิจ สะท้อนจาก Startup Skills Index (ความรู้สำหรับเริ่มต้นธุรกิจ) ของ Global Entrepreneurship and Development Institute ซึ่งจัดอันดับประเทศไทยอยู่ที่อันดับ 64 จากทั้งหมด 137 ประเทศ นอกจากนั้นยังขาดในเรื่องของ Research and Development หรือ R&D และนวัตกรรม โดยมีเพียง 0.2% ของ SMEs ไทยทั้งระบบที่ใช้ R&D ยกระดับธุรกิจ ขณะที่สัดส่วน R&D ต่อ GDP ของไทยก็อยู่ที่ 1% เทียบกับหลายประเทศในเอเชียที่มีสัดส่วนดังกล่าวสูงกว่า เช่น เกาหลีใต้ 4.5% สิงคโปร์ 2%

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) กล่าวว่า สินค้าของ SMEs ไทยหลายรายยังไม่ตอบโจทย์เทรนด์ใหม่ ๆ ของโลก ขาดความแตกต่าง เนื่องจาก SMEs หลายรายมักทำตามกันและคาดหวังว่าจะประสบความสำเร็จเหมือนกัน มากกว่าที่จะพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ สร้างความแตกต่างในตลาด

“จากข้อมูลของคลินิกแก้หนี้ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) พบว่า ธุรกิจที่เป็นหนี้เสียมากที่สุด มีอายุธุรกิจสั้น คือ ร้านอาหารและร้านกาแฟ เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ไม่มีความแตกต่าง ทำเหมือน ๆ กัน ธุรกิจที่จะไปได้จะต้องมีจุดขายที่แตกต่าง และตอบโจทย์เทรนด์ใหม่ ๆ ของโลก เช่น ธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ดิจิทัล และเกี่ยวเนื่องกับการดูแลสุขภาพ (Green, Digital, Health)” ดร.รักษ์ กล่าว


ปัญหาที่เป็นความเปราะบางและเป็นจุดอ่อนของ SMEs ไทยเป็นความเสี่ยงที่ทำให้ธนาคารพาณิชย์ไม่กล้าที่จะเข้าไปสนับสนุนสินเชื่อจึงเป็นปัญหาไก่กับไข่ ทำให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไม่เติบโตและไม่สามารถพัฒนาขึ้นมามีบทบาทในระบบเศรษฐกิจของประเทศได้มากกว่าที่เป็นอยู่ EXIM BANK จึงคิดต่างและหา Model ของตัวเองในการสนับสนุน SMEs ให้เติบโตได้โดยมีหนี้เสียต่ำ

กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า ธนาคารได้สร้างรูปแบบในการสนับสนุนทางการเงินสร้างนักรบเศรษฐกิจไทยเป็นผู้ส่งออกป้ายแดง ด้วยการพัฒนา Ecosystem ครบวงจร ตั้งเป้าเปลี่ยน SMEs จาก “เก่งกระจุก” อยู่แค่บางกลุ่มหรือบางอุตสาหกรรมให้เป็น “เก่งกระจาย” ตลอด Supply Chain ของการค้าระหว่างประเทศโดย EXIM BANK จะเข้าไปสนับสนุนให้สินเชื่อกับธุรกิจขนาดใหญ่ในอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน แต่มีเงื่อนไขว่าธุรกิจขนาดใหญ่จะต้องสนับสนุนซื้อสินค้าวัตถุดิบจาก SMEs ที่เป็น Supply Chain เพื่อให้ธุรกิจขนาดเล็กมีโอกาสฟื้นตัวและเติบโตกลายเป็นผู้ส่งออกได้มากขึ้น วิธีนี้จะช่วยให้ความเสี่ยงในการสนับสนุนทางการเงินต่อ SMEs ลดลงด้วย เพราะธุรกิจรายใหญ่จะรู้จักลูกค้ามากกว่าธนาคาร

EXIM BANK ได้นำเสนอ 3 Models ในการสร้างนักรบเศรษฐกิจใหม่ และพัฒนา Ecosystem ตลอด Supply Chain ดังนี้

Quick Win ทำได้ทันที สนับสนุนผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มี SMEs อยู่ใน Supply Chain จำนวนมาก เพื่อช่วย SMEs ทางอ้อมจากความต้องการสินค้าที่จะเพิ่มขึ้นอีกมาก

Medium Term ระยะกลาง ใช้โมเดลพี่จูงน้อง ดึงรายใหญ่พ่วงรายเล็กใน Supply Chain เข้า Supply Chain Financing Platform ของ EXIM BANK โดย SMEs ที่อยู่ใน Supply Chain ของผู้ประกอบการรายใหญ่สามารถเข้าถึงเงินทุนง่ายขึ้นด้วยการอิงความเสี่ยงของรายใหญ่ได้ ล่าสุด EXIM BANK สานพลังสามสภาฯ ได้แก่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย (สภาหอฯ) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เพื่อร่วมกันสร้างความเข้มแข็งของธุรกิจทุกระดับตลอดห่วงโซ่การส่งออกตั้งแต่ผู้ประกอบการรายใหญ่ไปจนถึงรายเล็ก

Long Term ระยะยาว เปลี่ยนผู้ผลิตเพื่อผู้ส่งออกหรือผู้ส่งออกทางอ้อม (Indirect Exporters) เป็นผู้ส่งออก (Direct Exporters) โดย EXIM BANK จะเปลี่ยน Indirect Exporters ที่มีอยู่ราว 10% ของ SMEs ทั้งระบบหรือราว 300,000 ราย ให้ก้าวขึ้นเป็นผู้ส่งออกด้วยการพัฒนาผู้ส่งออกแบบครบวงจร สะท้อนถึงบทบาทการเป็นมากกว่าธนาคาร (Beyond Banking) เช่น
• Training & Incubation ด้วยศูนย์ความเป็นเลิศด้านการค้าของ EXIM BANK (EXIM Excellence Academy : EXAC) และ Business School ชั้นนำ
• Business Matching จับคู่ธุรกิจด้วยสำนักงานผู้แทน EXIM BANK ใน CLMV
• Online Channel โดยใช้ EXIM Thailand Pavilion ร้านค้าออนไลน์ของ EXIM BANK
• Product Development โดยจัดให้มี SME Export Studio ซึ่ง EXIM BANK จัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุน SMEs โดยเฉพาะ

ดร.รักษ์ กล่าวต่อไปว่า การสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ของ EXIM BANK มุ่งเน้นการช่วยเหลือจำนวนรายผู้ประกอบการได้เพิ่มขึ้น เพราะจำนวนผู้ประกอบการที่รอดหรือเกิดใหม่สำคัญกว่าวงเงินกู้ รวมถึงการเน้นการสร้างงาน สร้างอาชีพให้คนไทยได้มากแค่ไหน เพื่อสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืนให้กับประเทศและประชาคมโลก

“EXIM BANK มุ่งมั่นที่สนับสนุนและช่วยเหลือผู้ประกอบการภายใต้บทบาทที่มากกว่าธนาคาร (Beyond Banking) ไม่ว่าจะเป็น Business Partners อยู่เคียงข้างผู้ประกอบการ ตลอดจนเป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำในการแก้ปัญหาธุรกิจหรือรุกตลาดใหม่ ๆ เป็นตัวกลางเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจในต่างประเทศ เพื่อช่วยผู้ประกอบการเข้าถึงโอกาสธุรกิจใหม่ ๆ เป็น Business Intelligence ที่สนับสนุนข้อมูลเชิงลึกต่าง ๆ ตลอดจนการพัฒนาและเชื่อมโยง Ecosystem ทั้งในส่วนของ Supply Chain ระหว่างผู้ประกอบการรายใหญ่ถึงรายเล็ก และสร้าง Ecosystem ในอุตสาหกรรมใหม่ ๆ” ดร.รักษ์ กล่าวทิ้งท้าย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไฟไหม้รถยนต์ อดีต สส.ศิริโชค วอดทั้งคัน

สงขลา 5 ก.ค.-“ศิริโชค” อดีต สส.ปชป. เผยเหตุระทึก รถยนต์ PHEV ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันกลางดึก ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ ภาพคลิปเหตุการณ์ไฟไหม้รถยนต์ส่วนตัวของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงตี 3 เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา (5 ก.ค.68) โดยเพจเฟซบุ๊ก “ศิริโชค โสภา” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า “อุทาหรณ์สยอง! ผมตื่นมากับเปลวเพลิงกลางดึก-ไฟลุกท่วมรถ PHEV ทั้งคัน ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ! เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆ แต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว รถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัว ไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ […]

ตาขับรถทับศีรษะหลานวัย 1 ขวบ ดับสลด

สุราษฎร์ธานี 5 ก.ค. – สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ ตายายร้องไห้แทบขาดใจ สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ หลังจากที่ตากลับจากซื้อของที่ตลาด เมื่อมาถึงบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำในอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขนของลงจากรถเสร็จ ระหว่างจะนำรถไปจอดไม่ทันสังเกตว่าหลานวิ่งอ้อมรถมา รู้อีกทีล้อรถหน้าด้านคนขับเหยียบเข้าที่ศีรษะของหลานแล้ว ทำให้หลานเสียชีวิตทันที เมื่อเห็นร่างหลาน ตาและยายร้องไห้แทบขาดใจ เพราะเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็กๆ ก่อนนำร่างส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลพระแสงต่อไป.- สำนักข่าวไทย

อ.อ๊อด ชี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ กรณีรถยนต์ไฟฟ้า อดีตสส.สงขลา ไฟไหม้

นครปฐม 5 ก.ค. – อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ แสดงความคิดเห็นว่า กรณีรถยนต์ไฟฟ้าของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา เกิดไฟไหม้ ถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ และแบตเตอรี่อาจจะมีปัญหา จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก Sirichok Sopha หรือ นายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แชร์ประสบการณ์ โดยระบุข้อความว่า “เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน รถคันนี้ซื้อจากศูนย์หาดใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน ผมใช้งานตามปกติ และที่สำคัญคือ ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆแต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียวรถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือ ซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัวไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา” รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม […]

สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน

กทม. 5 ก.ค.-สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน กรณีถูกชี้มูลร่วมลงชื่อเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีข้าราชการครูผู้รับผิดชอบงานการเงินของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร้องขอความเป็นธรรมภายหลังถูกชี้มูลความผิดร่วมกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน จากการลงนามในเอกสารเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด และยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งลงโทษทางวินัยออกโดยเขตพื้นที่ฯ แต่อย่างใด สำหรับการดำเนินการในขั้นต่อไป สพฐ. ได้จัดเตรียมนิติกรจากส่วนกลาง เพื่อสนับสนุนการให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ได้อย่างเต็มที่ เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า กรณีนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องทบทวนบทบาทภาระงานของครูในภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะงานด้านการเงินและพัสดุ ซึ่งมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงเชิงกฎหมายสูง สพฐ. จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบสนับสนุนภายในโรงเรียน เพื่อให้โครงสร้างงานสนับสนุนมีความเหมาะสมกับวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้น “ข้าราชการครูที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตจะไม่ต้องเผชิญกระบวนการตามลำพัง สพฐ. พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนในทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถใช้สิทธิและเข้าถึงความเป็นธรรมได้อย่างมั่นใจครับ” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว.-416.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

รวบแล้วมือเผารถ “ศิริโชค” ญาติเผยจิตไม่ปกติ

6 ก.ค. – จับได้แล้ว มือวางเพลิงรถยนต์ “ศิริโชค” ตำรวจเค้นสอบ ยอมรับก่อเหตุจริง ญาติเผยจิตไม่ปกติ พูดคนเดียวมาหลายเดือน ด้าน “ศิริโชค” ไม่เชื่อลงมือเองจากอาการทางจิต น่าจะมีคนสั่งการอยู่เบื้องหลัง กล้องวงจรปิดจับภาพนายเบียร์ อายุ 29 ปี ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาในซอยบ้านพักของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.เขต 7 สงขลา 4 สมัย พรรคประชาธิปัตย์ ช่วงตี 3 คืนวานนี้ (5 ก.ค.) ต.ฉาง อ.นาทวี จ.สงขลา และไปคุยกับคนเฝ้าบ้านนายศิริโชค ที่ประตูหน้าบ้าน ก่อนขี่รถออกไป จากนั้นช่วงเวลา 03.45 น. นายเบียร์ขี่รถย้อนกลับเข้าไปในซอยบ้านของนายศิริโชคอีกครั้ง ก่อนจะมีข่าวรถยนต์ GWM HAVAL H6 PHEV หรือปลั๊กอิน-ไฮบริด กึ่งไฟฟ้ากึ่งน้ำมัน เกิดเพลิงไหม้เสียหายหมดทั้งคัน ซึ่งขณะนั้น ยังไม่มั่นใจว่าเกิดจาะระบบรถยนต์ขัดข้อง หรือสาเหตุอย่างอื่น จนเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเป็นที่แน่ชัดว่า นายเบียร์เป็นคนก่อเหตุวางเพลิงรถยนต์ของนายศิริโชค […]

“โรม” ควง “เท้ง” ลงพื้นที่สระแก้ว ดูชายแดนไทย-กัมพูชา

สระแก้ว 6 ก.ค. – “โรม” ควง “เท้ง” ลงพื้นที่สระแก้ว ดูชายแดนไทย-กัมพูชา “สอบสวนกลาง-ดีเอสไอ-หน่วยงานปกครอง” ลงด้วยเพียบ สงสัยฝั่งตรงข้ามเป็นฐานสแกมเมอร์-คอลเซ็นเตอร์ หรือไม่ แย้มมีข้อมูลทุนใหญ่เป็นหลังบ้านผู้มีอำนาจกัมพูชา เจอแน่ปิดห้องคุยพรุ่งนี้ แนะสร้างเสาเซ็นเซอร์ตรวจจับชายแดน หมาแมวตรวจได้หมด หากลักลอบเข้า ด้าน “ชุติพงศ์” โวย เขมรไม่ทำรั้ว-รับผิดชอบ ปล่อยผ่านคนลักลอบเข้าออก นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร​ ลงพื้นที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว​ ร่วมกับคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ​ สภาผู้แทนราษฎร​ เพื่อดูการแก้ไขปัญหาความมั่นคงและการบริหารกิจการชายแดนไทย-กัมพูชา​ โดยมีหน่วยงานความมั่นคง​ นายอำเภอ​ กรมการปกครอง รวมถึงเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ลงพื้นที่ด้วย จุดแรกมาที่บริเวณด้านหลังห้างสรรพสินค้า​อรัญประเทศ​ โดย พ.อ.เมธี คำเต็ม ผู้บังคับการชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 12 กองกำลังบูรพา รายงาน​ว่า​ จุดนี้​เป็นพื้นที่​ที่การข่าวแจ้งว่า​ใช้เป็นช่องทางลักลอบข้ามไปฝั่งกัมพูชา​ เป้าหมายไปทำงานหรือเล่นการพนัน​ ปัจจุบันได้ซีลพื้นที่ตรงนี้แล้ว แต่ก็มีการลักลอบเข้าออกตลอด แม้จะมีสถานการณ์ไทย-กัมพูชา […]

“บิ๊กเต่า” ขอเวลาตรวจสอบให้ชัด คลี่ปมพัวพันสีกา ก.

6 ก.ค.- “บิ๊กเต่า” เผยคำให้การสีกา ก. เป็นประโยชน์ อาจโยงไปถึงการทุจริต แต่ขอเวลาตรวจสอบให้ชัด เตรียมประชุมคณะทำงานสัปดาห์หน้า เรียกผู้เกี่ยวข้องสอบเพิ่มเติม ยืนยันหากพบใครเอี่ยวพร้อมดำเนินคดี 12.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยถึงกรณีการเรียกตัวสีกาอักษรย่อ ก. มาสอบปากคำ ว่า หลังจากนำตัวสีกา ก. มาสอบ ก็ได้ข้อมูลในแนวทางที่ดีและมีประโยชน์ อาจนำไปสู่เรื่องที่อาจเอี่ยวกับการทุจริต แต่ก็จะต้องมีการตรวจสอบให้ละเอียด เพราะทุกอย่างต้องชัดเจน เนื่องจากคำให้การอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีหลักฐานอื่นประกอบด้วย จากคำให้การของสีกา ก. ว่า มีการเล่นพนันออนไลน์ แล้วเงินที่ใช้เล่นเป็นเงินส่วนไหน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ตอบว่า “ตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้ แต่เขามีการเล่นพนันจริง” ตอนนี้มีการตั้งคณะทำงานตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว โดยมี ปปป. เป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบ เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวพันหลายพื้นที่ ส่วนเรื่องบัญชีวัด ทางบก.ปปป. ก็มีอำนาจสามารถตรวจสอบได้เลย ประมาณวันจันทร์-อังคารที่จะถึงนี้ จะมีการประชุมถึงเรื่องนี้อีกครั้ง ผู้สื่อข่าวถามว่า สีกา ก. เคยทำให้พระสึกมาแล้วถึง 2 รูป จริงหรือไม่ […]

รวบ “สังข์” ผู้ต้องหาแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร

6 ก.ค.- ตำรวจบุกรวบ “สังข์” ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด หลังก่อเหตุแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร จนมุมบนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ ตำรวจสอบสวนกลาง หรือ CIB จับกุมนายเกียรติศักดิ์ หรือ สังข์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด ได้บนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวมาลงบันทึกการจับกุมที่ สน.เตาปูน และอยู่ระหว่างการควบคุมตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.เมืองสกลนคร นายเกียรติศักดิ์ ก่อเหตุหลบหนีจากห้องควบคุม สภ.เมืองสกลนคร เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 13 มิถุนายน เจ้าหน้าที่พบเบาะแสหลบซ่อนตัวบนเทือกเขาภูพาน ขณะเดียวกันโซเชียลพากันแชร์ภาพนายเกียรติศักดิ์ พบว่า เป็นบุคคลอันตรายที่อาจมีอาวุธ หากใครพบเห็นห้ามเข้าใกล้ ทั้งนี้ สภ.เมืองสกลนคร ได้ปูพรมค้นหาตามล่าตัวและตั้งรางวัลนำจับ เป็นเงิน 3 หมื่นบาทให้กับผู้แจ้งเบาะแส .-สำนักข่าวไทย