กรุงเทพ 6 มิ.ย. – กระทรวงการต่างประเทศ จัดงานเสวนาเนื่องใน 2 โอกาสสำคัญแห่งปี คือ วาระครบรอบ 150 ปี การสถาปนากระทรวงการต่างประเทศ และครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ไทย-จีน

การเสวนาในหัวข้อ “สู่การเป็นประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน: อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ของความสัมพันธ์ไทย – จีน” ซึ่งจัดโดยกรมเอเชียตะวันออก กระทรวงการต่างประเทศ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีน โดยนางศิริลักษณ์ นิยม รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวเปิดงานย้ำถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นในทุกระดับและทุกมิติ ส่วนหนึ่งได้รับแรงหนุนจากบทบาทของพระบรมวงศานุวงศ์ไทย และในปี 2568 นี้ ทั้งสองประเทศกำหนดให้เป็น “ปีทองแห่งมิตรภาพไทย – จีน” ภายใต้คำขวัญ “จีน – ไทย สานใจกัน ร่วมสร้างฝัน ประชาคมฯ”
การเสวนาในวันนี้ เป็นการอภิปรายถึงความสัมพันธ์ไทย-จีน ในทุกมิติตลอด 50 ปีที่ผ่านมา ซึ่งดำเนินไปอย่างแน่นแฟ้น และส่งเสริมซึ่งกันและกัน ทั้งในมิติการทูต เศรษฐกิจการค้า และความสัมพันธ์ในระดับประชาชน ผ่านมุมมองและประสบการณ์ของวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิคือ นายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปักกิ่ง นายกร ทัพพะรังสี นายกสมาคมมิตรภาพไทย-จีน นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกิตติมศักดิ์กลุ่มมิตรผล และประธานกิตติมศักดิ์หอการค้าไทย ศ.ดร. สิทธิพล เครือรัตติกาล อาจารย์ประจำวิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนายชนินทร์ อุดมศรีรัตน์ เจ้าของเพจ “ลุยจีน”
อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปักกิ่งได้แบ่งปันประสบการณ์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับการสถาปนาความสัมพันธ์ไทย-จีนในอดีต พร้อมเน้นย้ำถึง ความท้าทายในปัจจุบัน ท่ามกลางสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ โดยชี้ว่า ไทยจำเป็นต้องสร้างสมดุลและมองผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก ด้านนายอิสระ จากภาคเอกชน กล่าวว่า ไทยค้าขายกับจีนจะคิดเป็นเกือบ 20% ของการค้าทั้งหมด จึงจำเป็นที่รัฐบาลต้องวางกลยุทธ์และนโยบายเชิงรุก รวมทั้งควรนำความรู้จากจีนด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรม AI มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์
ขณะที่ อดีตรองนายกรัฐมนตรี กร ซึ่งมีบทบาทอย่างยิ่งต่อความสัมพันธ์ระดับประชาชนได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับ การรักษากฎหมายของผู้บังคับใช้กฎหมาย เพื่อแก้ปัญหาและจับกุมผู้กระทำผิดชาวจีนอย่างจริงจัง
ด้าน ศาสตราจารย์ ดร. สิทธิพลมีความเห็นว่าแนวโน้มความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ น่าจะตึงเครียดมากขึ้น ดังนั้น ไทยจึงควรดำเนินนโยบายแบบไม่เลือกข้าง และมีแผนสำรองในการสานสัมพันธ์กับมหาอำนาจหลายกลุ่มไว้ต่อไป ขณะที่ เจ้าของเพจลุยจีน สะท้อนมุมมองของผู้ทำสื่อโซเชียลว่า สามารถเป็นสื่อน้ำดีที่ช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ในภาคประชาชนได้อีกทางหนึ่ง โดยนำเสนอประเด็นที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคสื่ออย่างไม่ย่อท้อ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการขับเคลื่อนความสัมพันธ์ไทย-จีนให้ก้าวต่อไปในอนาคต.-810.-819.-สำนักข่าวไทย
