รัฐสภา 4 ก.พ.-“โรม” จับตา “กฟภ.” ตัดไฟฟ้าท่อน้ำเลี้ยงแก๊งคอลเซนเตอร์ หลัง “ภูมิธรรม” ไฟเขียว ซัด “อนุทิน” ลอยหน้าลอยตาให้ประชาชนได้รับความเสียหาย ถาม นายกฯ จะปล่อย มท.1 ไปแบบนี้จริงหรือไม่ แย้มเจอกัน 6 ก.พ. เรียกมหาดไทย-สมช. เข้าแจง กมธ.มั่นคงฯ หมายหัวต้องเป็น “เสี่ยหนู” เท่านั้น
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ใช้อำนาจรองนายกฯ สั่งระงับจ่ายไฟฟ้าชายแดนไทยเมียนมา ว่า ควรจะเป็นแบบนั้นเพราะเป็นสิ่งที่ตนพยายามยืนยันมาโดยตลอด ว่า เรื่องนี้เป็นอำนาจของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ไม่ควรไปถึงระดับนโยบายด้วยซ้ำ แต่กฟภ.เกียร์ว่าง ทำให้แก๊งคอลเซนเตอร์ เป็นปัญหาไม่จบไม่สิ้น ซึ่งสิ่งที่นายภูมิธรรม พูดฟังดูเหมือนจะตัดแค่ ชเวก๊กโก และเคเคพาร์ก หรือไม่ ซึ่งสองจุดนี้ถูกตัดไปนานแล้ว และตนอยากขอใช้โอกาสนี้บอกอีกครั้งว่า ถ้าจะตัดตนก็เห็นด้วย และควรที่จะทำทันที ซึ่งการที่นายภูมิธรรม ออกมาระบุว่า จะทำทันที ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่เรื่องทั้งหมดนี้ ต้องดูว่าสุดท้ายการตัดไฟที่จะเกิดขึ้นจริง จะเกิดขึ้นที่จุดไหน
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เนื่องจากฝั่งเมียนมา ทางท่าขี้เหล็กก็ยังมีปัญหาเรื่องยาเสพติด ขณะที่ฝั่งเมียวดี และพญาตองซู มีปัญหาเรื่องแก็งคอลเซนเตอร์ ตนจึงคิดว่า ต้องตัดทั้งหมด 3 จุดนี้ หากมีการละเว้นจุดใดจุดหนึ่งไว้ ปัญหาก็ไม่จบ เพราะขบวนการเหล่านี้ คงย้ายไปอีกจุดที่ยังไม่ถูกตัดไฟ ส่วนวิธีการแก้ปัญหาในระยะยาว หากเกิดมีการตัดไฟเพียงบางจุดนั้น นี่เป็นเพียงก้าวแรก ยังเหลืออีกจำนวนมาก ในการแก้ปัญหาเรื่องคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งขั้นตอนที่ควรจะพิจารณาต่อไป คือเรื่องของท่าข้ามแม่น้ำ เฉพาะแค่ที่จังหวัดตาก ก็มีการเปิด 59 ท่า บางท่าก็ตั้งอยู่กับแก็งสแกมเมอร์ และหากมีการตัดไฟ ก็แน่นอนว่าแก็งเหล่านี้ จะต้องไปหาเครื่องปั่นไฟ และรัฐบาลต้องดูตั้งแต่ต้น ว่ามีการจัดหาเครื่องปั่นไฟไปใช้หรือไม่ เพื่อรีบสกัดกั้นตั้งแต่ตอนนี้ นี่คือขั้นตอนแรกที่ควรจะทำ ภายหลังการตัดไฟ
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ขั้นตอนที่สอง หากเกิดการกระทำความผิดใดๆ เราจะสามารถเอาผิดเจ้าของท่าข้าม ซึ่งเป็นเอกชนได้หรือไม่ และสาม ต้องทบทวนถึงความจำเป็นต้องมีท่าข้ามมากมายขนาดนี้ ที่เป็นความอ่อนแอด้านความมั่นคงของประเทศอย่างมาก เนื่องจากไม่มีการตรวจสิ่งของที่นำข้ามไป โดยเฉพาะของผิดกฎหมาย หากจะเปิดท่าข้าม ควรคงมาตรฐานไม่น้อยไปกว่าด่านชายแดนถาวร ที่มีเจ้าหน้าที่รัดกุมตามจุดต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่า จะได้ไม่มีการกระทำที่ผิดกฎหมายเกิดขี้น ส่วนการมีวีซ่าให้แก่นักท่องเที่ยว ซึ่งอนุญาตให้สามารถเดินทางได้ทั่วราชอาณาจักร โดยไม่จำเป็นต้องขออนุญาตซ้ำนั้น ก็ควรมีการทบทวน เนื่องจากบางพื้นที่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าไป โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีการประกาศกฎอัยการศึก พื้นที่ที่เป็นพื้นที่ด้านความมั่นคง หรือหากนักท่องเที่ยวอยากเดินทางเข้าพื้นที่ที่มีความละเอียดอ่อน จะเป็นไปได้หรือไม่ ที่รัฐบาลจะต้องทบทวนให้มีกลไกในการขออนุญาตก่อน ซึ่งตนมองว่า วิธีการนี้จะป้องกันกลุ่มที่แฝงตัวมาเป็นนักท่องเที่ยว เพื่อข้ามไปยัง 3 จุดข้างต้น
นายรังสิมันต์ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่รัฐบาลควรให้ความสำคัญ คือกลไกภายใน อย่างเรื่องบัญชีม้า ตนเห็นท่าทีของรัฐบาลเอาจริงเอาจังมากขึ้น ซึ่งก็เข้าใจว่าคงต้องรอการแก้ไขพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีก่อน เพื่อให้ธนาคาร และโอเปอเรเตอร์ต่างๆ ร่วมรับผิดชอบ แต่ยังมีประชาชนจำนวนมากที่ยังรอเงินคืน ซึ่งก็คงต้องมีกลไกรองรับ และจัดการ รัฐบาลยังจะต้องหันไปมองฝั่งกัมพูชาด้วย เพราะเป็นอีกหนึ่งแหล่งที่สำคัญไม่แพ้กับฝั่งเมียวดี และต้องดูว่ามีทรัพยากรของประเทศไทยใดบ้าง ที่อาจถูกส่งไปถึง ซึ่งตนเชื่อว่ามีเช่นเดียวกัน
เมื่อถามว่านายภูมิธรรมสั่งระงับการจ่ายไฟ สวนทางกับท่าทีของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย สะท้อนเรื่องความสัมพันธ์ของ 2 รองนายกฯ หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ต้องถึงนายภูมิธรรม ไปไกลสุดจริงๆแค่ที่นายอนุทินแค่นั้น การที่นายอนุทินไม่ดำเนินการมีความเสียหายต่อประเทศชาติหรือไม่
“และถ้ามีความเสียหาย คุณอนุทินจะลอยหน้าลอยตาต่อไปแบบนี้ใช่หรือไม่ รัฐบาล นายกฯจะไม่ทำอะไรเลยใช่หรือไม่ และหากปรากฎว่าไฟฟ้าที่ขายไป ไม่ใช่มีแค่ฝั่งพม่าแต่ไปเจอจุดอื่นอีก แล้วก่อให้เกิดการเสียหายอีก คุณอนุทินจะลอยหน้าลอยตา แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆปล่อยให้ประชาชนต้องรับความเสียหายต่อไปเองเรื่อยๆ ส่วนนายกฯผมขอเรียกร้องแม้จะชื่นชมว่าวันนี้มีการตัดไฟจริง แต่ขณะเดียวกันความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว คุณอนุทินก็ต้องรับผิดชอบในการไม่ใช้อำนาจหน้าที่ ที่รับผิดชอบของตัวเอง ผมต้องถามถึงนายกฯว่า เราจะปล่อยนายอนุทินไปแบบนี้หรือไม่” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าว่า ต้องมีมาตรการอะไรออกมา จึงต้องเรียกร้องความเป็นผู้นำของนายกฯ โดยวันที่ 6 ก.พ. เราได้เชิญกระทรวงมหาดไทย สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เข้าร่วมประชุม กับกมธ.ฯ ตนได้กำชับกับฝ่ายเลขาว่ากระทรวงมหาดไทยให้กำหนดเป็นนายอนุทินโดยตรง รวมถึงเลขาสมช.ด้วย ซึ่งเรื่องนี้ สมช.ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง แต่เป็นหน่วยงานประสาน ไม่ได้มีอำนาจตัดสินใจโดยตรง
“แต่วันนี้ท่านเลขาสมช.ยินดีที่จะรับเผือกร้อน และออกมาพูดตอนแถลงผมก็เสียดายมากว่าควรจะพูดให้ชัดเจน ว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาความมั่นคง แก๊งคอลเซนเตอร์ ผมฟังข้อมูลตอนเทคออฟก็เหมือนจะดี แต่พอท่านแลนด์ดิ้งมันไปอีกทางหนึ่ง ผมก็งงกับท่านจริงๆว่าเกิดอะไรขึ้น“ นายรังสิมันต์ กล่าว
ส่วนที่เคยออกมาโพสต์กำชับให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ดูแลลูกน้องตัวเอง นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนเห็นข่าวว่า พล.ต.ต. ต.เต่า ออกมายอมรับว่าเคยทำธุรกิจอยู่ฝั่งตรงข้ามคือที่เมียวดีคอมเพล็กซ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมีหน้าที่ปกป้องและปฏิบัติตามกฏหมาย แต่ปล่อยให้บุคคลเดินทางไปเล่นกาสิโน ซึ่งตนตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการเข้าออกประเทศไทยที่ถูกต้องตามกฏหมายหรือไม่ และรายได้ที่ได้มาที่อาจชอบด้วยกฎหมายเข้าข่ายเป็นการฟอกเงินหรือไม่
“ผมกำลังจะบอกว่าวันนี้ พล.ต.ต. ต.เต่า อาจเป็นคนที่มีเบื้องหลังบางอย่างอยู่ด้วย มีคนที่อาจเป็นระดับสูงเป็นเบื้องหลังเป็นลมใต้ปีกให้กับพล.ต.ต. ต.เต่า ส่วนบิ้กต่ายวันนี้ทำอะไร ไม่เห็นทำอะไรเลย เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ตอนอยากจะเป็นอยากจะเป็นใจจะขาด แต่ถึงเวลานี้ปัดกวาดบ้านตัวเองไม่เห็นทำอะไรเลย แล้วออกให้ข่าวมั่วซั่ว ว่าไม่พบการกระทำผิดกฎหมาย วันนี้คนในองค์กรของท่านทำผิดกฎหมาย ท่านไม่เห็นจัดการอะไรเลย ปล่อยให้เขาเดิน เผลอๆ แหล่งรายได้เงินต่างๆยังคงไหลมาเทมาต่อไป หรือว่าเส้นเงินต่างๆการซื้อขายตำแหน่ง มันมากเสียจนทำให้คนคนนี้ไม่มีใครกล้าแตะต้องหรือไม่” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ ระบุว่า ขอให้สื่อมวลชนจับตา เพราะไม่ต้องการเห็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชัน การทุจริตคอร์รัปชันเป็นแหล่งที่มาที่ทำร้ายประเทศไทยมากมายเหลือเกิน และความทุกข์ยากตกอยู่อยู่ที่ประชาชนคนไทย
“แก๊งคอลเซ็นเตอร์จะไม่มีทางเติบโตได้ขนาดนี้ ถ้าไม่ได้คนที่คอร์รัปชันที่อยู่ในวงการราชการ แก๊งคอลเซ็นเตอร์คงไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ ขณะนี้นี้คงไม่มีคนฆ่าตัวตาย คงไม่มีคนที่หมดตัวขนาดนี้ถ้าระบบกฎหมาย สามารถอำนวยความยุติธรรมได้อย่างแท้จริง” นายรังสิมันต์ กล่าว.-314.-สำนักข่าวไทย