อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 3 ก.พ. – “ภูมิธรรม” เตรียมถกผู้ช่วย รมต.กระทรวงความมั่นคงและสาธารณะจีน พรุ่งนี้ แก้ปมแก๊งคอลเซ็นเตอร์-ค้ามนุษย์ ส่วนกรณีตัดไฟฟ้าประเทศเพื่อนบ้าน ทำตามข้อเท็จจริง หลังโซเชียลทวงถามตัดไฟกี่โมง
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานในพิธีวางพวงมาลา เนื่องในวันทหารผ่านศึก 3 กุมภาพันธ์ 2568 กล่าวถึงผลการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เกี่ยวกับปัญหาการตัดไฟของประเทศเพื่อนบ้าน ว่า เมื่อวานได้สั่งการให้เลขาฯ สมช. เรียกประชุมในระดับปฏิบัติการ และได้เชิญการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมาพูดคุย โดยเรื่องนี้ไม่อยากให้โยนไปโยนมา เพราะทั้งกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานต่างๆ เป็นหน่วยงานความมั่นคงทั้งหมด ซึ่งมี สมช. เป็นคนกลางประสาน โดยเรื่องนี้ได้ดำเนินการมาตั้งแต่สมัยนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งในเดือนมิถุนายน 2566 ได้มีการตัดไฟไปแล้ว 2 ส่วน ที่เมืองชเวโก๊กโก่ และ KK park และเมื่อเช้านี้ได้มีการสั่งให้ประชุม ซึ่งผลออกมาเป็นเอกภาพ ไม่โยนไปโยนมา
สิ่งที่สำคัญคือ ให้ดำเนินการตามกฎหมายทั้งหมด โดยจะให้มีการประสานงานระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ สมช. และกระทรวงมหาดไทย โดยจะให้กระทรวงการต่างประเทศ ติดต่อประสานงานกับทางเมียนมา เพื่อให้ดำเนินการตามมาตรการจากเบาไปหาหนัก คือ ให้ทางการเมียนมาดำเนินการพูดคุยกับบริษัทเอกชนในพื้นที่ว่า ถ้ายังมีปัญหาแล้วไม่ดำเนินการแก้ไข ทั้งนี้ ฝ่ายไทยได้แจ้งกับทางการเมียนมา ในฐานะเป็นเจ้าของพื้นที่ เพื่อให้ไปดำเนินการแก้ไขต่อ ซึ่งไทยอาจจะต้องดำเนินการตัดไฟครึ่งหนึ่ง เพื่อให้กระแสไฟตกในจุดที่ยังใช้งานอยู่
นายภูมิธรรม กล่าวต่ออีกว่า ที่ผ่านมามีการหารือมาหลายวันแล้ว และมีข้อเสนอแนะจากที่ปรึกษา บ้านพิษณุโลก จนเป็นที่มาของการประชุมเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา และในวันพรุ่งนี้ (4 ก.พ.) ช่วงบ่าย นายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะประชาชนจีน จะเดินทางมาพบและพูดคุยกับตนเอง ว่าจะร่วมมือกันอย่างไร ซึ่งทางจีนเองก็คงมีข้อเสนอแนะ แต่เท่าที่ดูเขาก็เคารพในอธิปไตยของไทย ยังไม่ได้รู้สึกแบบที่เป็นข่าว และจะถามไทยในกระบวนการการทำงานร่วมกันต่อไป
ส่วนในวันพฤหัสบดีนี้ (6 ก.พ.) ตนเองจะเดินทางลงพื้นที่จริง ที่จังหวัดตาก และจะไปเยี่ยมกองกำลังราชมนู ซึ่งดูแลรับผิดชอบพื้นที่ รวมถึงดูเรื่องของการซีลพื้นที่ชายแดน 2 ชั้น ตามนโยบายของรัฐบาล หลังจากนั้นจะมีการสั่งการที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
เมื่อถามว่า รูปธรรมของการตัดไฟนั้น จะมุ่งไปที่ไม่ให้เกี่ยวข้องกับคอลเซ็นเตอร์ แต่ประชาชนทั่วไปที่ยังใช้บริการอยู่จะต้องให้ในเรื่องของมนุษยธรรมหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า เป็นเรื่องที่เราประสานงานมาตั้งแต่ต้นแล้วว่าต้องช่วยกัน และเป็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หากเป็นการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน และบางจุดมีศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียน โรงพยาบาล หากในข้อเท็จจริงมีส่วนเกี่ยวพันกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือสิ่งผิดกฎหมายอื่นๆ เราก็ต้องมีส่วนช่วยที่จะส่งเสริม และเป็นไปตามกฎหมายที่อนุญาตให้มีการซื้อขาย รวมทั้งมีการค้าขายกันได้ ก็เป็นเรื่องธรรมดา เหมือนกับที่ลาวขายให้กับสิงคโปร์ ลาวขายให้ไทย ดังนั้น ตราบใดที่ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการผิดกฎหมาย ข้ามพรมแดน
ส่วนจะมีมาตรการสร้างความมั่นใจอย่างไร ว่าไฟที่เราส่งไปจะถูกพ่วงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นายภูมิธรรม กล่าวว่า มันรู้อยู่แล้ว ไม่ต้องถามว่าเป็นอย่างไร เพราะเราดำเนินการสำรวจอยู่ ขณะที่กำลังชายแดนก็ตรวจสอบอยู่ด้วย ประชาชนแถวนั้นรู้หมด ดังนั้น ตรงนี้ก็จะมีมาตรการในการจัดการ แต่หัวใจหลักตอนนี้อยู่ที่เมืองชเวโก๊กโก่ และ KK Park เราก็ยังต้องพูดคุยกับสาธารณรัฐประชาชนจีนก่อน เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ประเทศไทยอย่างเดียว และเมื่อถามว่า จะถือโอกาสนี้จัดการเครือข่ายส่วยต่างๆ ด้วยหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ผมจะทำทั้งหมด ตามมาตรการที่พูดไปแล้ว
ส่วนมาตรการตัดไฟครึ่งหนึ่งจะเริ่มเมื่อไหร่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขอดูรายละเอียดหลังจากที่ตนเองกลับมาจากจังหวัดตากก่อน และการตัดไฟไม่จำเป็นต้องนำเข้าคณะรัฐมนตรี สมช. สามารถดำเนินการได้เลย เพราะมีเรื่องที่ผิดกฎหมายทำลายความมั่นคง แต่จริงๆ เรื่องแบบนี้ หน่วยงานเฉพาะหน้าพบเจอก็สามารถดำเนินการได้ หรือทำเรื่องมาขอก็ได้ ไม่ต้องรอให้คนสั่ง เพราะเป็นหน่วยงานที่ปฏิบัติ ซึ่งรู้ดีอยู่แล้ว พร้อมยืนยันว่า เราไม่มีหน้าที่ทำตามกระแส หลังถูกทวงถามว่าจะตัดไฟกี่โมง แต่เรามีหน้าที่ทำตามข้อเท็จจริง และตามกฎหมาย
ส่วนกรณีผู้ช่วยรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีนลงพื้นที่ชายแดนจังหวัดตาก หลังจากนั้นทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งย้ายผู้กำกับ 3 สถานีตำรวจ ในพื้นที่จังหวัดตาก นายภูมิธรรม ตอบกลับทันทีว่า มันเกี่ยวข้องกันหรือไม่ ยังไม่รู้เลย.-313-สำนักข่าวไทย