กทม. 18 ม.ค.-รัฐบาลจัด “ห้องเรียนปลอดฝุ่น” ลดผลกระทบ PM 2.5 ให้น้องๆ นักเรียน มอบโรงเรียนขับเคลื่อนแผนการเรียนการสอน เปิด-ปิด ตามเห็นสมควร ย้ำความปลอดภัยเด็กนักเรียนเป็นสำคัญ
นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลห่วงใยความปลอดภัยของเด็กและเยาวชน นักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา เนื่องด้วยในช่วงนี้ประเทศไทยพบกับการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและสภาพอากาศที่หนาวเย็นที่สุดในรอบหลายปี ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้เรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยเฉพาะสิ่งที่ตามมาในช่วงหน้าหนาวของทุกปีคือการเผชิญกับปัญหาฝุ่น PM 2.5 ซึ่งมีสาเหตุเกิดจาก “การล้อมเกาะของอากาศ” ทำให้ฝุ่นและมลพิษที่สะสมอยู่ในอากาศไม่สามารถกระจายออกไปได้และอยู่ในพื้นที่จุดนั้นเป็นเวลานานปริมาณฝุ่นในอากาศจึงสูงขึ้น ซึ่งการเผชิญปัญหาฝุ่น PM 2.5 นั้นได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยเฉพาะกลุ่มผู้เรียนที่เปราะบางต่อการเจ็บป่วยและโรคทางเดินหายใจ ทำให้เด็กมีอาการแสบแน่นจมูก แสบตา ตาแดง มีไข้ ตัวร้อน หากทิ้งอาการเหล่านี้ไว้นานเด็กจะนอนกรน หลับไม่ลึก สมองขาดออกซิเจนทำให้ง่วง ความจำไม่ดี ส่งผลต่อการเรียน สมาธิสั้น มีพัฒนาการช้าหรือร้ายแรงสุดคือเสียหายถาวร
นายคารม กล่าวว่า เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยในการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 รัฐบาลได้เน้นย้ำให้มีการหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งที่เด็กต้องเผชิญกับฝุ่นและควันพิษโดยตรง เช่น การเข้าแถวหน้าเสาธงตอนเช้า การออกกำลังกายในที่โล่งแจ้ง กิจกรรมวิชาลูกเสือ โดยควรให้เด็กอยู่ภายในอาคารให้มากที่สุด หรือหากมีความจำเป็นควรสวมหน้ากาก และซึ่งหากค่าฝุ่นสูงจนถึงขั้นวิกฤติให้สถานศึกษาพิจารณา เปิด-ปิดการเรียนการสอนตามที่เห็นสมควร ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ฝุ่นในพื้นที่เพราะมีความเข้มข้นของปริมาณค่าฝุ่นไม่เท่ากัน โดยหากพื้นที่ใดอยู่ในระดับที่เป็นอันตรายอาจต้องมีการปรับเปลี่ยนการเรียนการสอน จากการเรียนในรูปแบบ On –site ตามปกติที่โรงเรียน ให้เปลี่ยนเป็นการนำส่งเอกสารแบบ On–hand ที่บ้านนักเรียน ผ่านการเรียนการสอนในรูปแบบการเรียน Online หรือเรียนแบบผสมผสานหลายรูปแบบแล้วแต่การวางมาตรการของสถานศึกษา เพื่อหลีกเลี่ยงการให้เด็กต้องอยู่กลางแจ้งในสภาพอากาศที่มีมลพิษสูง
นายคารม กล่าวต่อไปว่า และเพื่อให้มาตรการดังกล่าวมีความครอบคลุมและเหมาะสมตามพื้นที่ ขอให้โรงเรียนได้มีการเตรียมมาตรการ “ห้องเรียนปลอดฝุ่น” โดยให้ดำเนินการวางแผนทั้งในด้านระบบการกรองอากาศที่ได้มาตรฐาน มีห้องที่ปิดมิดชิด พร้อมด้วยการเสริมความปลอดภัยให้ห้องเรียนด้วยการใช้พัดลมดูดอากาศ ฉีดละอองน้ำจับฝุ่น เปิดช่องระบายให้อากาศถ่ายเทเล็ก ๆ เพื่อให้ฝุ่นเข้าได้น้อยที่สุด และรวมถึงมีการสื่อสารสร้างการรับรู้ให้ผู้เรียนตระหนักถึงปัญหาฝุ่นพิษ พร้อมวางแนวทางการป้องกันและติดตามผลกระทบด้านสุขภาพ เพื่อให้เด็กสามารถใช้ชีวิตในช่วงวิกฤตและเรียนรู้ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ปัจจุบันสถานการณ์ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ได้สร้างผลกระทบอย่างเป็นวงกว้างต่อสุขภาพของผู้เรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา รัฐบาลวางมาตรการป้องกันดูแล โดยการมอบอำนาจให้โรงเรียนทั่วประเทศได้สามารถตัดสินใจได้อย่างอิสระ ในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอน ให้มีความเหมาะสมตามแต่ละพื้นที่ ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะเป็นส่วนช่วยสำคัญที่จะทำให้โรงเรียนได้สามารถดูแลนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นายคารม กล่าว.-319.-สำนักข่าวไทย