เปรู 14 พ.ย.-รมว.ต่างประเทศ ใช้เวทีเอเปค กระชับความสัมพันธ์กับประเทศญี่ปุ่น และนิวซีแลนด์ เพื่อประโยชน์ด้านการค้า การลงทุน ระหว่างกัน
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เผยว่า เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ประจำภูมิภาคอเมริกา ณ นครลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยการประชุมดังกล่าว ถือเป็นครั้งแรกที่นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบาย และแนวทางด้านการต่างประเทศ แก่ บรรดาเอกอัครราชทูต กงสุลใหญ่ และทีมประเทศไทยประจำภูมิภาคอเมริกา ใน 2 ประเด็นสำคัญ คือ นโยบายที่จับต้องได้ และความร่วมมือแบบทวิภาคีและพหุภาคี และได้เน้นย้ำเรื่องของยุทธสศาตร์ซอฟต์พาวเวอร์ เนื่องจากในหลายภูมิภาคของอเมริกา ให้ความสนใจในวัฒนธรรม และอารยธรรมของประเทศไทย ทั้งด้านด้านของอาหาร มวยไทย ภาพยนตร์ และละครไทย เหล่านี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้ประเทศไทยมีบทบาทนำ ในการดำเนินความสัมพันธ์กับประเทศในภูมิภาคอเมริกาได้เป็นอย่างดี
ซึ่งนอกจาก นายกรัฐมนตรี จะได้มอบนโยบายให้กับกงสุลใหญ่และทีมประเทศไทยแล้ว นายกรัฐมนตรี ยังได้รับรายงานข้อมูลที่เกี่ยวกับศักยภาพของประเทศต่างๆ ที่มีสำนักงานอยู่ในทวีปอเมริกา เช่น ประเทศบราซิล ซึ่งท่านเอกอัครราชทูตไทย ประจำสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล ได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เพื่อนำไปสู่การกำหนดทิศทางนโยบายและยุทธศาสตร์ รวมทั้งความร่วมมือ ระหว่างประเทศไทย กับประเทศบราซิล ทั้งความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน การพัฒนาอุตสาหกรรมร่วมกัน รวมไปถึงการพัมนาในภาคการเกษตร เนื่องจากประเทศบราซิล เป็นประเทศที่มีศักยภาพในด้านนี้ ซึ่งไทยสามารถนำไปปรับใช้เพื่อกำหนดเป็นยุทธศาสตร์ด้านการเกษตร กับประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอเมริกาได้ ด้วย
ส่วนในวันนี้ ( 13 พฤศจิกายน 67) นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังได้ร่วมงานเลี้ยงต้อนรับรัฐมนตรีเอเปก และผู้เข้าร่วมการประชุมผู้นำเอเปก นอกจากนี้ยังได้มีโอกาส ร่วมแสดงความยินดีกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ คนใหม่ของญี่ปุ่น โดยถือโอกาสหารือและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกันให้แน่นแฟ้นขึ้น โดยได้หารือเกี่ยวกับกรอบทวิภาคีร่วมกัน ทั้งเรื่องความร่วมมือการพัฒนาอุตสาหกรรม การพัฒนาการเกษตร ส่งเสริมการลงทุนการค้าระหว่างกัน เนื่องจากประเทศญี่ปุ่น ได้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยสูงมาก โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ ที่มุ่งไปสู่การเป็นอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า พลังงานทดแทนเชื้อเพลิงต่างๆ และนอกจากความร่วมมือในกรอบของทวิภาคีแล้ว ไทยและญี่ปุ่น ยังยังไดหารือถึงความร่วมมือระหว่างกัน ในการขับเคลื่อนความร่วมมือที่จะนำไปสู่ ระดับพหุภาคี เพื่อนำไปสู่กรอบความร่วมมือการประชุมอนุภาคลุ่มแม่น้ำโขง เนื่องด้วยประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงด้าน องค์ความรู้ทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับทุก ๆ ประเทศ
นอกเหนือจากนี้ ยังได้หารือถึงความร่วมมือในขจัดยาเสพติด, การค้ามนุษย์ และออนไลน์สแกรม ซึ่งเป็นปัญหาที่กระทบกับประเทศอื่นๆ และในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งนายกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่น ยินดีให้ความร่วมมือ และมองเห็นถึงศักยภาพของประเทศไทย ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับประเทศญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังได้หารือร่วมกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าของประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งไทยจะเดินทางไปเยือนประเทศนิวซีแลนด์ ช่วงกลางเดือนธันวาคมนี้ เพื่อหารือถึงความร่วมมือในมิติต่างๆ ที่สำคัญที่สุดก็คือความร่วมมือด้านการเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมนมและโคเนื้อ และเรื่องการศึกษา ด้วย.-312.-สำนักข่าวไทย