กรุงเทพฯ 5 ก.ค. – รมว.ทส. เผยสถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ รายงาน “พลายศักดิ์สุรินทร์” ปรับตัวได้ดี จะตรวจสุขภาพเพิ่มเติมและเตรียมเข้าสู่กระบวนการรักษา ย้ำช้างอยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์แล้ว เรื่องส่งกลับศรีลังกาไม่จำเป็นต้องพูดถึง
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกล่าวว่า ได้รับรายงานจากสถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ จังหวัดลำปางว่า ”พลายศักดิ์สุรินทร์” ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ได้ดี กินอาหารและขับถ่ายเป็นปกติ วันนี้ส่ายหัวไปมาแสดงว่าอารมณ์ดี
สัตวแพทย์โรงพยาบาลช้างลำปางตรวจร่างกายเบื้องต้นแล้ว จากนี้จะตรวจสุขภาพโดยละเอียด รวมถึงรอผลตรวจจากห้องปฏิบัติการ เมื่อพ้นระยะเวลากักโรค 30 วัน ตามระเบียบกรมปศุสัตว์ จะเคลื่อนย้ายจากสถานกักกันสัตว์เพื่อการนำเข้าในราชอาณาจักรไปรักษาและฟื้นฟูสุขภาพเต็มรูปแบบที่โรงพยาบาลช้าง แต่ระหว่างนี้กระบวนการดูแลรักษาเบื้องต้นได้ดำเนินการแล้ว
เมื่อวานนี้มีข่าวดีที่สุด ที่ได้ทราบถึงเรื่องที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ รับพลายศักดิ์สุรินทร์ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ถือเป็นบุญของช้างและคนไทยที่องค์พระมหากษัตริย์ให้ความสำคัญกับทุกๆ ชีวิตที่อยู่ในประเทศไทย โดยเฉพาะพลายศักดิ์สุรินทร์ที่ไปอยู่ต่างประเทศมา 22 ปี
นายวราวุธกล่าวย้ำว่า เมื่อพลายศักดิ์สุรินทร์อยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์แล้ว เรื่องส่งกลับศรีลังกาและเรื่องอื่นๆ ไม่จำเป็นต้องพูดถึง
ทั้งนี้ รู้สึกดีใจที่พาช้างกลับมาได้ พลายศักดิ์สุรินทร์เป็นช้างที่มียาวที่สุดในประเทศไทย ยาวเกือบ 2 เมตร งาโค้งและสวยงามมากแบบที่เรียกว่า “งาอุ้มบาตร” ตามคชลักษณ์ที่ดี
ส่วนช้างไทยอีก 2 เชือกที่ยังอยู่ในประเทศศรีลังกา ได้แก่ พลายประตูผาและพลายศรีณรงค์ นางสาวกัญจนา ศิลปอาชา ที่ปรึกษาคณะทำงานยุทธศาสตร์กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปติดตามด้วยตัวเอง พบว่ายังมีความเป็นอยู่ที่ปกติสุข อาจบาดเจ็บบ้าง แต่อยู่ในวิสัยที่ประเทศศรีลังกาดูแลได้ นอกจากนี้ทราบว่า มหาวิทยาลัยหลายแห่งในประเทศศรีลังกาได้ติดต่อมาที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์ุพืช ผ่านทางกระทรวงต่างประเทศเพื่อแสดงเจตจำนงที่จะดูแลช้างไทยที่ศรีลังกา โดยแจ้งว่ามีศักยภาพเพียงพอที่จะดูแล ซึ่งจะประสานงานกันเพื่อร่วมดูแลต่อไป
สำหรับการจะนำกลับมานั้น ต้องดูสถานการณ์ในอนาคต ถ้าช้างบาดเจ็บหรือมีความเป็นอยู่ที่เหนือศักยภาพการดูแลของแต่ละองค์กรในศรีลังกา ประเทศไทยจะยื่นมือเข้าไปช่วยเช่นเดียวกับกรณีพลายศักดิ์สุรินทร์. – สำนักข่าวไทย