กรุงเทพฯ 26 ธ.ค. – “เฉลิมชัย” สั่งกรมอุทยานฯ ประสานตำรวจ CIB เร่งตรวจสอบขบวนการค้าสัตว์ป่าข้ามชาติ เร่งขยายผลจากเอกสารการสั่งซื้อและสำแดงสินค้าเป็น “กระต่าย” แต่กลับพบเป็น “ลูกกอริลลา” แม้วานนี้จะเข้าตรวจค้นฟาร์มแห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐม ที่เชื่อมโยงกับเอกสารการสั่งซื้อและยังไม่พบหลักฐานการกระทำผิด แต่จะต้องกำจัดขบวนการค้าสัตว์ป่าให้หมดจากประเทศไทย
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า สั่งการให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ประสานกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เพื่อตรวจสอบและดำเนินคดีกับขบวนการค้าสัตว์ป่าข้ามชาติ จากที่เจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรอิสตันบูล ประเทศตุรกี ตรวจพบลูกกอริลลาถูกซุกซ่อนมากับสินค้าที่ระบุว่า เป็นกระต่าย 50 ตัว บรรจุใน 2 ลัง โดยมีเอกสารระบุปลายทางส่งมายังบริษัทแห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐม
ทั้งนี้ ตำรวจ CIB ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ เข้าตรวจสอบสถานที่ดังกล่าวตามหมายค้นของศาลจังหวัดนครปฐม แต่ยังไม่พบหลักฐานการกระทำผิดใดๆ แต่ยืนยันว่า จะไม่ปล่อยคดีนี้อย่างเด็ดขาด โดยกำชับให้ดำเนินการจัดการขบวนการลักลอบค้าสัตว์ป่าข้ามชาติให้หมดไปจากประเทศไทยซึ่งต้องไม่เป็นทั้งประเทศต้นทาง ประเทศทางผ่าน หรือประเทศผู้บริโภค เพราะการลักลอบค้าสัตว์ป่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สัตว์ป่าและพืชท้องถิ่นทั่วโลก สูญพันธุ์อย่างรวดเร็ว นอกจากเป็นการทำลายธรรมชาติ ยังเป็นอันตรายต่อการดำรงชีพของประชาชนทุกคน รวมถึงสั่งการให้ดำเนินการรณรงค์และประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือประชาชนในการไม่ลักลอบซื้อสัตว์ป่ามาเลี้ยง ตามแหล่งค้าสัตว์ที่สำคัญทั่วประเทศด้วย เพราะการได้รับความร่วมมือจากประชาชน จะส่งผลดีมากกว่าการปราบปรามการกระทำผิด
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า กรมอุทยานฯ ได้รับการประสานจากสำนักงานไซเตสประเทศตุรกีแจ้งถึงการพบพบลูกกอริลลาซุกซ่อนมากับสินค้าที่ระบุว่า เป็นกระต่าย โดยมีเอกสารระบุปลายทางส่งมายังประเทศไทยจึงมอบหมายให้ชุดเฉพาะกิจเหยี่ยวดง ศูนย์ข่าวกรองอาชญากรรมสัตว์ป่า และกองคุ้มครองพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าตามอนุสัญญา (CITES) ประสานกับตำรวจ CIB เพื่อเร่งสืบสวนดำเนินคดีกับเครือข่ายการลักลอบค้าสัตว์ป่าข้ามชาติ คดีนี้มีความเชื่อมโยงกับขบวนการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายระดับนานาชาติที่มีเส้นทางเริ่มต้นจากไนจีเรีย ผ่านตุรกี และมีจุดหมายปลายทางที่ประเทศไทยซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการลักลอบค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงคดีสำคัญที่ต้องเร่งขยายผล โดยจะประสานงานกับทางการไนจีเรีย ตุรกี และ CITES อย่างใกล้ชิด
จากการที่เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ร่วมกับตำรวจ บก.ปทส. นำหมายค้นเข้าตรวจสอบบริษัทเป้าหมาย พบนายศิริวัฒน์ (สงวนนามสกุล) เจ้าของฟาร์ม ยอมรับว่า รับจ้างนำเข้ากระต่ายจากชาวต่างชาติโดยได้รับค่าจ้างตัวละ 3,000 บาท รวมเป็นเงิน 150,000 บาท แต่ปฏิเสธว่า ไม่ทราบเรื่องลูกกอริลลาใน shipment ซึ่งถูกตรวจพบโดยเจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรตุรกีแต่อย่างใด
ผลการตรวจค้นภายในฟาร์ม เจ้าหน้าที่พบสัตว์ป่าควบคุมที่มีใบอนุญาตครอบครองหลายชนิด ประกอบด้วย นกกระตั้วโมลัคคัน นกกระตั้วดำ นกเอี้ยงบาหลี และนกแก้วเทาแอฟริกัน ปัจจุบันเหลือเพียงนกกระตั้วโมลัคคัน 1 ตัว และนกกระตั้วดำ 2 ตัวเท่านั้น ส่วนที่เหลือตายหมดแล้ว แม้ยังไม่พบหลักฐานการกระทำผิด แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยึดโทรศัพท์มือถือและเอกสารการนำเข้า-ส่งออกสัตว์ของเจ้าของฟาร์มไว้เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติมแล้ว. -512 – สำนักข่าวไทย