รู้จักกฎหมายว่าด้วยมาตรฐานปางช้าง

กรุงเทพฯ 9 ต.ค. – กรมปศุสัตว์ ระบุมาตรฐานบังคับ เรื่อง การปฏิบัติที่ดีสำหรับปางช้าง ซึ่งมีผลบังคับใช้ 19 ส.ค.67 ขณะนี้มีผู้ได้รับใบอนุญาตผู้ผลิตสินค้าเกษตรตามมาตรฐานบังคับ 179 ราย และมีผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองมาตรฐานแล้ว 54 ปาง กรมปศุสัตว์อยู่ระหว่างตรวจประเมินปางช้างที่เหลือให้ครบทุกปาง


นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า กฎหมายว่าด้วยมาตรฐานสินค้าเกษตร เรื่อง การปฏิบัติที่ดีสำหรับปางช้าง มกษ 6413-2564 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2567 กรมปศุสัตว์เป็นหน่วยงานรับรองมาตรฐานด้านปศุสัตว์และได้รับมอบหมายจากสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ให้เป็นผู้ออกใบอนุญาตผู้ผลิตสินค้าเกษตรตามมาตรฐานบังคับ เรื่อง การปฏิบัติที่ดีสำหรับปางช้างได้เปิดให้ผู้ประกอบการปางช้างขอใบอนุญาตผู้ผลิตสินค้าเกษตรและขอรับรองมาตรฐานปางช้างซึ่งเป็นมาตรฐานบังคับแก่ผู้ประกอบการปางช้างทั่วประเทศ

ข้อมูลจากสถาบันวิจัยและบริการสุขภาพช้างแห่งชาติ กรมปศุสัตว์ สำรวจข้อมูลที่อยู่หรือที่พักช้างทั่วประเทศพบว่า มี 236 แห่ง ซึ่งสถานที่ที่ประกอบกิจการเลี้ยงหรือรวบรวมช้างเพื่อการท่องเที่ยว การแสดง หรือประกอบกิจการอื่นที่แสวงหาประโยชน์จากช้าง ที่เข้าข่ายมาตรฐานบังคับ ได้รับใบอนุญาตผู้ผลิตสินค้าเกษตรตามมาตรฐานบังคับ เรื่อง การปฏิบัติที่ดีสำหรับปางช้าง 179 แห่ง ส่วนผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองมาตรฐานปางช้างมี 54 ปาง ที่เหลืออยู่ระหว่างตรวจประเมินให้ครบทุกราย


การออกใบอนุญาตผู้ผลิตสินค้าเกษตรตามมาตรฐานบังคับและใบรับรองมาตรฐานการปฏิบัติที่ดีสำหรับปางช้าง มกษ 6413-2564 มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับการเลี้ยงและการจัดสวัสดิภาพช้าง ตลอดจนเป็นการป้องกันการทารุณกรรมช้างตามหลักสากล สืบเนื่องจากช้างมีบทบาทด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย และได้สร้างรายได้ที่สำคัญของประเทศ ทั้งในส่วนเศรษฐกิจ ภาพลักษณ์ และอัตลักษณ์ของการท่องเที่ยวของประเทศ จึงต้องกำหนดมาตรการความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว บุคลากรในปางช้างและช้าง การจัดการเลี้ยงที่ถูกต้อง การดูแลสวัสดิภาพและสุขภาพช้างให้เหมาะสม การป้องการทารุณกรรมช้าง ตลอดจนลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะทำให้เกิดความยั่งยืนในส่วนของการท่องเที่ยวที่เป็นระบบ

การกำหนดมาตรฐานปางช้างบังคับเป็นไปตามพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ปางช้างที่เข้าข่ายมาตรฐานบังคับได้แก่ สถานที่ที่ประกอบกิจการเลี้ยงหรือรวบรวมช้างเพื่อการท่องเที่ยว การแสดง หรือประกอบกิจการอื่นที่แสวงหาประโยชน์จากช้าง ไม่ว่าจะเก็บค่าดูหรือค่าบริการในทางตรงหรือทางอ้อมหรือไม่ก็ตาม หากผู้ประกอบการปางช้างไม่ได้รับใบอนุญาตผู้ผลิตฯ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสามแสนบาท และไม่ได้รับการรับรองมาตรฐานปางช้างต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท มาตรฐานบังคับดังกล่าวไม่ครอบคลุมถึงการเลี้ยงช้างในครัวเรือนและการเลี้ยงช้างไว้ใช้แรงงานเช่น การชักลาก อย่างไรก็ตาม เจ้าของช้างทุกรายจะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติป้องการทารุณกรรมและจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 ด้วย

สำหรับการแบ่งประเภทปางช้าง สามารถแบ่งได้ 2 ลักษณะ คือ แบ่งตามจำนวนช้างหรือตามลักษณะกิจกรรม
การแบ่งปางช้างตามจำนวนช้างมีดังนี้


  • ปางช้างขนาดเล็ก โดยมีช้างไม่เกิน 10 เชือก
  • ปางช้างขนาดกลาง โดยมีช้างตั้งแต่ 11 เชือก ถึง 30 เชือก
  • ปางช้างขนาดใหญ่ โดยมีช้างตั้งแต่ 31 เชือกขึ้นไป

การแบ่งปางช้างแบ่งตามลักษณะกิจกรรมมีดังนี้

  • ปางช้างแบบดั้งเดิมคือ ปางช้างที่มีกิจกรรมการขี่ช้างโดยนั่งบนแหย่งและ/หรือการชมการแสดงความสามารถของช้าง
  • ปางช้างแบบท่องเที่ยวเชิงนิเวศคือ ปางช้างที่มีกิจกรรมการขี่ช้างโดยนั่งบนแหย่ง หรือไม่มีแหย่ง หรือเดินไปด้วยกันกับช้าง หรือมีการให้ความรู้เรื่องช้างและการอนุรักษ์ช้าง
  • ปางช้างพิการหรือชราคือ ปางช้างที่มีการนำช้างพิการหรือช้างชรามาเลี้ยงและดูแล
  • ปางช้างแบบผสมผสานคือ ปางช้างที่รวมกิจกรรมของปางช้างแบบดั้งเดิมและปางช้างแบบท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และมีการปรับรูปแบบให้เหมาะสมกับสถานการณ์

ขอบข่ายของมาตรฐานสินค้าเกษตร (มกษ. 6413) เรื่อง การปฏิบัติที่ดีสำหรับปางช้างกำหนดใช้กับปางช้างที่เลี้ยงหรือรวบรวบช้างบ้านและกำหนดการปฏิบัติที่ดีสำหรับปางช้างเพื่อให้ช้างมีสุขภาพดี
องค์ประกอบของ “ปางช้าง” มีดังนี้

  1. มีสถานที่พักช้างเพื่อรอให้บริการหรือพักจากการบริการ โดยกรณีเป็นอาการพักช้าง ตองมีพื้นที่เพียงพอในการเลี้ยงช้างโดยคำนึงถึงหลักสวัสดิภาพสัตว์ ส่วนกรณีไม่ใช่อาคารพักช้างให้เลือกสถานที่พักช้างโดยคำนึงถึงพื้นที่ที่มีร่มเงาและมีแหล่งน้ำเพียงพอ
  2. มีพื้นที่พักผ่อนสำหรับช้างเพื่อใช้พักผ่อนในช่วงที่ไม่มีงานบริการหรือช่วงกลางคืนเช่น ล่ามไว้ในป่าธรรมชาติ พื้นที่โล่งภายในปางช้าง ใต้ต้นไม้ หรือในอาคารซึ่งมีพื้นที่ไม่น้อยกว่า 16 ตารางเมตรต่อเชือก โดยใช้เชือกมัดหรือใช้โซ่ยาวไม่น้อยกว่า 1.5 เมตร หรือปล่อยช้างไว้ในพื้นที่ที่ที่มีขอบเขตป้องกันการหลุดของช้าง โดยคำนึงถึงพื้นพื้นที่ที่มีร่มเงาและมีแหล่งน้ำเพียงพอ รวมทั้งคำนึงถึงความปลอดภัยของช้างด้วย

การจัดการปางช้างมีข้อกำหนดดังนี้

  1. มีคู่มือการจัดการปางช้างที่แสดงให้เห็นรายละเอียดการปฏิบัติงานที่สำคัญภายในปางช้าง
  2. ให้ช้างได้รับอาหารที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และมีความเหมาะสม
  3. มีสถานที่เก็บอาหารแยกเป็นสัดส่วนและเก็บอาหารในสภาพที่ป้องกันการเสื่อมสภาพและการปนเปื้อน
  4. มีการจัดการให้ช้างทุกเชือกได้กินอาหารและน้ำอย่างเพียงพอและมีความหลากหลาย
  5. ทำความสะอาดอาคารพักช้าง บริเวณโดยรอบและอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอ
  6. ช้างบ้านทุกเชือกต้องมีหลักฐานประจำตัวช้างที่ออกให้โดยหน่วยงานที่ รับผิดชอบตามพระราชบัญญัติสัตว์พาหนะ พ.ศ. 2482

สำหรับบุคลากรภายในปางช้างมีข้อกำหนดได้แก่

  1. ควาญช้างที่ทำหน้าที่เลี้ยงช้างต้องมีความรู้ได้รับการฝึกอบรมหรือฝึกปฏิบัติเกี่ยวกับการเลี้ยงช้าง
  2. มีสัตวแพทย์ผู้ควบคุมปางช้างกำกับดูแลด้านสุขภาพช้าง
  3. บุคลากรทุกคนในปางช้างมีสุขลักษณะส่วนบุคคลที่ดีและได้รับการตรวจสุขภาพประจำปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคสัตว์สู่คน

ด้านสุขภาพของช้างในปาง มีข้อกำหนดดังนี้

  1. มีการสังเกตความเป็นอยู่และสุขภาพของช้างทุกวัน
  2. มีการตรวจสุขภาพของช้างประจำปี อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
  3. มีมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันวัณโรค
  4. มีการกักกันโรคสำหรับช้างที่นำเข้าใหม่และแยกช้างป่วยออกจากพื้นที่เลี้ยงช้างปกติ

สำหรับด้านสวัสดิภาพสัตว์

  • ต้องดูแลและปฏิบัติต่อช้างให้ความเป็นอยู่ตามพ.ร.บ. ป้องกันการทารุณกรรมและจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557

การบันทึกข้อมูล

  1. มีการบันทึกข้อมูลที่สำคัญเช่น ประวัติบุคลากร ประวัติการฝึกอบรม หรือฝึกปฏิบัติ และผลการตรวจสุขภาพประจำปี แหล่งที่มาของอาหารและน้ำ
  2. ให้เก็บรักษาบันทึกข้อมูลเป็นเวลาอย่างน้อย 3 ปี

การจัดการด้านสิ่งแวดล้อม

  1. มีมาตรการจัดการมูลช้าง ไม่ให้กระทบต่อสิ่งแวดล้อม
  2. กำจัดซาก ขยะ ของเสีย และน้ำเสีย โดยวิธีที่เหมาะสมตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

การจัดการด้านความปลอดภัย

  1. มีบุคลากร และป้ายหรือเอกสาร ให้คำแนะนำเรื่องความปลอดภัยในการเข้าหาช้าง การให้อาหารช้าง การนั่งบนหลังช้าง และการปฏิสัมพันธ์ใกล้ชิดกับช้าง รวมทั้งข้อมูลเรื่องพฤติกรรมของช้าง
  2. ควาญช้างมีการตรวจสอบพฤติกรรมของช้างก่อนเริ่มให้บริการแก่ผู้มาใช้บริการทุกครั้ง
  3. มีการจัดการด้านความปลอดภัยเช่น การตรวจสอบอุปกรณ์ที่นั่งบนหลังช้างทุกครั้งที่ออกปฏิบัติงานเพื่อความปลอดภัยของผู้มาใช้บริการ หรือจัดให้มีอุปกรณ์ควบคุมบังคับช้างที่เหมาะสม

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการปางช้างที่เข้าข่ายตามมาตรฐานบังคับ สามารถยื่นขอใบอนุญาตผู้ผลิตสินค้าเกษตรตามมาตรฐานบังคับและขอรับรองมาตรฐานปางช้างผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ TAS-License ได้ที่ http://tas.acfs.go.th/nsw/ และยื่นคำขอใบรับรองมาตรฐานปางช้าง ได้ที่สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดในพื้นที่ที่ปางช้างตั้งอยู่ ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าปศุสัตว์ โทร 02-653-4444 ต่อ 3155. -512 – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ตร.แจ้ง 2 ข้อหามือมีดทำร้าย “เป๊ก” คาดปมเข้าใจผิด

3 ส.ค.- ตำรวจ สน.หัวหมาก แจ้ง 2 ข้อหา หนุ่มวัย 21 ใช้มีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” นักร้องชื่อดัง บาดเจ็บที่คางเป็นแผลฉกรรจ์ อ้างถูกหาเรื่องก่อน เบื้องต้นคาดปมเข้าใจผิด จ่อสอบปากคำเพิ่มเติม เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 3 ส.ค.68 ร.ต.อ.ชัยนรินทร์ กวีพราหมณ์ รอง.สว.(สอบสวน) สน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกายโดยใช้อาวุธมีด มีผู้บาดเจ็บ ภายในปั๊มน้ำมัน ซอยรามคำแหง 76 ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. จึงไปตรวจสอบพร้อมกำลังสายตรวจฝ่ายป้องกันและปราบปราม สน.หัวหมาก และอาสามูลนิธิสยามร่วมใจปู่อินทร์ ที่เกิดเหตุอยู่ภายในปั๊มน้ำมัน พบร่างนายผลิตโชค หรือ เป๊ก อายุ 40 ปี ดารานักร้องชื่อดัง มีบาดแผลฉกรรจ์ถูกอาวุธมีดฟันเข้าที่บริเวณใต้คาง 1 แผล ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่จึงเร่งทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนเร่งนำตัวส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลสมิติเวช ส่วนผู้ก่อเหตุไม่หนีไปไหน ยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ […]

เฝ้าระวังตลอดคืน พบโดรนปริศนาบินล้ำเขตแดนอรัญฯ

สระแก้ว 3 ส.ค.- พบโดรนปริศนาไม่ทราบฝ่ายบินล้ำแดนจากกัมพูชาเข้ามาในไทย ชาวบ้าน-ชรบ.ในพื้นที่อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เฝ้าระวังตลอดทั้งคืน คืนที่ผ่านมา เวลา 21.00 น. ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยจุดที่ทีมข่าวเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ห่างจากแนวชายแดนเพียง 2 กิโลเมตร บรรยากาศในพื้นที่ขณะนั้นมีชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ออกมาคอยเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง หลังได้รับแจ้งว่าอาจมีโดรนปริศนาเข้ามาในพื้นที่ ระหว่างที่ทีมข่าวกำลังสัมภาษณ์พูดคุยกับชาวบ้านในพื้นที่ พบโดรนลำหนึ่งบินเข้ามาจากเขตชายแดนฝั่งกัมพูชา ล้ำเข้ามาในอาณาเขตประเทศไทยลึกประมาณ 2 กิโลเมตร ขณะที่โดรนลำนั้นลอยอยู่เหนือพื้นที่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้ใช้ไฟสปอร์ตไลต์กำลังแรงสูงร่วมกับแสงเลเซอร์จากอุปกรณ์ของทหาร ส่องไปยังโดรนปริศนาอย่างชัดเจน ทำให้เห็นลำตัวของโดรนแม้อยู่ในความมืด สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่มีการเปิดเผยว่าโดรนลำนั้นมีเป้าหมายใดหรือเป็นของฝ่ายใด ขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงยังคงเพิ่มมาตรการตรวจตราและเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดคิดหรือภัยคุกคามความมั่นคงในพื้นที่ -สำนักข่าวไทย

เปิดภาพทหารไทยบึ้มบันไดช่องคานม้า สกัดเส้นทางขึ้นภูมะเขือ

3 ส.ค. – เปิดภาพทหารไทยบึ้มบันไดช่องคานม้า จ.ศรีสะเกษ สกัดเส้นทางขึ้นภูมะเขือ ห้วงปะทะวันที่ 24-28 ก.ค.ที่ผ่านมา วันนี้ (3 ส.ค.68) ผู้สื่อข่าวรายงานเหตุปะทะระหว่างทหารไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 24-28 ก.ค.ที่ผ่านมา ทหารได้ทำลายบันไดช่องคานม้า จ.ศรีสะเกษ ซึ่งสามารถขึ้นมาถึงภูมะเขือได้ หลังทหารไทยเข้ายึดพื้นที่ภูมะเขือ ผลักดันทหารกัมพูชาอยู่บนจะงอยหน้าผาออกไปทั้งหมด พร้อมทำลายกระเช้า และฐานทหารกัมพูชาด้านล่างภูมะเขือ โดยการใช้โดรนติดระเบิด ล่าสุดมีการเผยแพร่ภาพทหารทำลายบันไดช่องคานม้า ในระหว่างยึดพื้นที่ได้จากการเหตุปะทะช่วง 5 วันที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย

ชาวเชียงใหม่ร่วมจุดเทียนสดุดี 15 วีรบุรุษชายแดน

3 ส.ค.- ชาวเชียงใหม่ ร่วมกันจุดเทียน แสดงความไว้อาลัย สดุดี 15 วีรบุรุษทหารที่พลีชีพปกป้องแผ่นดินไทยตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่บริเวณ หน้าลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ตัวเมืองเชียงใหม่ ประชาชนได้รวมตัวทำกิจกรรมร้องเพลง เขียนข้อความ พร้อมโบกธงชาติไทย เพื่อส่งกำลังใจให้กับทหารที่อยู่แนวหน้า ชายแดนไทย-กัมพูชา และร่วมกันร้องเพลงชาติไทย เพื่อเป็นการสดุดีทหาร 15 นายที่พลีชีพในการสู้รบปกป้องอธิปไตย อีกทั้งอ่านรายชื่อทหาร วางพวงหรีดและจุดเทียน แสดงความไว้อาลัยพร้อมทั้งยืนสงบนิ่ง อธิฐานขอให้เจ้าหน้าที่ที่ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ชายแดนไทย-กัมพูชา ปลอดภัยทุกนาย นอกจากนี้ บริเวณย่านถนนท่าแพ หน้าอาคารพุทธสถานเชียงใหม่ มีการนำภาพทหารที่เสียชีวิตทั้ง 15 นายติดไว้ริมถนนและมีการตั้งโต๊ะเพื่อให้ประชาชน มาวางดอกไม้ แสดงความอาลัย -สำนักข่าวไทย