บริษัทรับขายฝากสร้อย แจ้งความเอาผิด “ดิว อริสรา” ฐานฉ้อโกง

กทม. 23 มี.ค. – ทนายอ๋อง พร้อมบริษัท แบรนด์เนม มันนี่ จำกัด แจ้งความเอาผิด “ดิว อริสรา” ฐานฉ้อโกง ยันยังไม่คืนของจนกว่าดิวจะกลับไทยมาเจรจา


เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ สน.ปทุมวัน ทนายวิฑูรย์ เก่งงาน หรือ ทนายอ๋อง ทนายของบริษัท แบรนด์เนม มันนี่ จำกัด ที่เป็นบริษัทรับขายฝากสร้อยบุลการี ที่ทางดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์ ได้นำมาขายฝากไว้เมื่อ 19 ส.ค.67 ได้เดินทางมาแจ้งความเอาผิดดิว อริสรา ในข้อหาฉ้อโกง เพราะในตอนที่คุณดิวให้คุณเอาสร้อยบุลการีมาขายฝากกับทางบริษัท ดิวอ้างว่า สร้อยเส้นนี้เป็นของตัวเอง และนำมาขายฝากไว้เพื่อที่จะได้เงินสินเชื่อไปเป็นของตัวเอง โดยมีหลักฐานการเซ็นสัญญาอิเล็กทรอนิกส์ และมีสลิปโอนเงินที่มีการโอนเข้าบัญชีของดิว อริสรา ชัดเจน

น.ส.ณัฐจุฑา ปุณณธนาวัฒน์ ตัวแทนบริษัทแบรนด์เนม มันนี่ จำกัด ระบุว่า ในวันที่ดิวนำสร้อยมาฝากวันที่ 19 สิงหาคม ได้มีการสอบถามถึงใบเซอร์ฯแล้ว แต่ดิวอ้างว่าอยู่อีกที่หนึ่ง และทางบริษัทไม่ได้ต้องการสินค้าแบบ full set เพราะเราเป็นบริษัทรับฝาก-เช่าซื้อสินเชื่อสินค้าแบรนด์เนม ไม่ได้ต้องการของของลูกค้าเพื่อขายต่อ แค่ต้องการดอกเบี้ย เช่น ถ้าต้องการเงินไปทำธุรกิจ และถ้ามีสินค้าแบรนด์เนม ก็สามารถนำมาขายฝากกับทางเราได้ โดยมีการต่อสัญญาทุก 1 เดือน, 2 เดือน และ 3 เดือน โดยสามารถต่อสัญญาได้โดยไม่มีกำหนดครั้ง ในสัญญามีการจ่ายดอกเบี้ยทุกเดือน จนกว่าจะคืนเงินต้นครบ และถ้าของชิ้นนั้นราคาตลาดเพิ่มขึ้น ก็ไม่สามารถขอสินเชื่อเพิ่มขึ้นได้ โดยจะยึดราคาตลาด ณ วันที่ขายฝาก ในตอนที่ได้สร้อยมา ทางบริษัทไม่ได้เช็กกับทาง shop แต่ชื่อที่ขายฝากเป็นชื่อดิวและมีการทำธุรกรรมถูกต้อง


ในส่วนของสร้อยที่คุณดิว นำมาขายฝาก ตั้งแต่เดือนสิงหาคม-มีนาคม มีการคิดดอกเบี้ย 1.25% ต่อเดือน ตามกฎหมาย มีการโอนจ่ายดอกเบี้ยจากบัญชีของดิวทุกเดือน ส่วนสร้อยบุลการีต้องคืนให้ผู้เป็นเจ้าของอยู่แล้ว แต่ต้องให้เป็นไปตามขบวนการตามกฎหมาย ต้องให้ดิวกลับไทยเพื่อมาพูดคุยกันก่อน

ส่วนการรับสภาพหนี้ ทนายอ๋อง ระบุว่า ตอนนี้มันมีการหลอกลวงกัน เป็นคดีอาญา ต้องให้ดิวกลับมาไทยและมาพูดคุยกันก่อนว่าจะรับผิดชอบหรือเยียวยายังไง เมื่อถามว่า ถ้าไม่คืนของให้กับเจ้าของจะถือว่าเป็นการรับของโจรหรือไม่นั้น ทนายอ๋องตอบว่า ถ้าทางบริษัทรับขายฝากรู้ว่าของนั้นเป็นของคนอื่น โดยมีอีกคนนำมาขายฝาก แบบนั้นถึงจะเรียกว่ารับของโจร แต่ในกรณีนี้มีหลักฐานปรากฏชัดเจนว่าบริษัทไม่รู้ว่าของชิ้นนั้นเป็นของผู้อื่น ยังไม่ถือว่าเป็นการรับของโจร

ในวันนี้ได้นำหลักฐานหลายอย่าง ทั้งหนังสือรับรองของบริษัท, หนังสือมอบอำนาจให้ตัวแทนมาแจ้งความ, หนังสือสัญญา 4 ฉบับประกอบด้วยหนังสือขายฝาก และหนังสือต่อสัญญา 3 ฉบับ, ภาพถ่ายสร้อยบุลการี และ หลักฐานการโอนเงินของบริษัทให้บัญชีของดิวและบัญชีที่ดิวจ่ายดอกเบี้ย


สุดท้าย น.ส.ณัฐจุฑา ตัวแทนของบริษัทฯ อยากฝากถึงดิว อริสรา ว่า อยากให้ดิวกลับมาเจรจาหาข้อตกลงร่วมกัน เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องมีเพียงทนายความของดิวที่ติดต่อมา ส่วนตัวของดิวยังไม่ได้ทักมาถามหรือขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลย

หลังจากที่เข้าแจ้งความเสร็จสิ้นแล้ว ทนายอ๋อง ระบุว่าเป็นการยื่นเอกสารแล้วก็มีการพูดคุยในประเด็นต่างๆตามที่ให้สัมภาษณ์ไปแล้วข้างต้น แต่ยังไม่ได้สอบปากคำอย่างละเอียด โดยพนักงานสอบสวนจะนัดมาสอบปากคำอีกครั้ง ในขณะนี้ทางบริษัทยังไม่ได้มีการพูดคุยหารือกันในเรื่องของการรับสภาพหนี้ และยังไม่ได้พูดคุยว่าจะดำเนินการไปทางทิศทางไหน เบื้องต้นแจ้งเป็นคกีอาญาไปก่อน โดยเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบร้ายแรงกับทางบริษัท ยังคงดำเนินธุรกิจต่อไปปกติ และให้ราคาตามสภาพของที่ลูกค้านำมาขายฝากเหมือนเดิม

ในการขอคืนสร้อยบุลการี ทนายของดิว อริสรา สามารถติดต่อกับทนายอ๋องเพื่อพูดคุยได้ โดยคดีฉ้อโกงก็เป็นคดีที่สามารถยอมความได้ โดยจะมีการพูดคุยกันอีกครั้งหลังจากที่ดิวอริสรากลับมาถึงไทยแล้ว

เมื่อผู้สื่อข่าวกันซิบถามว่าในอนาคตทางบริษัทฯ จะรับของขายฝสกกับทางดิว อริสรา อีกไหม ทางบริษัทระบุว่า ก็จะพิจารณาสินค้าเหมือนเดิม แต่เชื่อว่าคนเราย่อมผิดพลาดกันได้ ในอนาคตเขาอาจจะกลับมาเป็น ดิว คนเดิมแล้วก็ได้

ร.ต.ท.ธีรภัทร์ รุ้งรุ่งรัศมี รอง สว. (สอบสวน) สน.ปทุมวัน กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับแจ้งความจากผู้รับอำนาจจากบริษัทผู้เสียหายไว้แล้ว หลังผู้เสียหายมีความจำนงให้ดำเนินคดีกับดิว อริสรา ข้อหาฉ้อโกง จากนี้จะรวบรวมพยานหลักฐาน ถ้าคดีมีมูลความผิดจะออกหมายเรียกให้ดิว อริสรา มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.-420-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ประชุมความร่วมมือไทย-กัมพูชา ปราบสแกมเมอร์

สระแก้ว 16 ก.ย.-วันนี้ที่จังหวัดสระแก้ว มีการประชุมสำคัญระหว่างไทยและกัมพูชา เพื่อหวังแนวทางร่วมมือในการปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสแกมเมอร์.-สำนักข่าวไทย

ผู้ค้าทองคำเสนอตั้งเคลียริ่งเฮาส์ ค้านเก็บภาษีเทรดทอง

กรุงเทพฯ 16 ก.ย. – ราคาทองคำนิวไฮตามตลาดโลก การค้าทองคึกคัก ผู้ค้าทองคำค้านแนวคิดภาครัฐเก็บภาษีเทรดทองคำออนไลน์ เพื่อป้องกันบาทแข็งค่า ระบุถอยหลังเข้าคลอง ทำลายการค้า เสนอ ธปท. “ตั้งเคลียริ่งเฮาส์-ปรับสูตรดูแลค่าเงิน” นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด (MTS Gold) กล่าวว่า ในการประชุมระหว่างผู้ค้าทองคำและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วานนี้ ทาง ธปท.มีการสอบถามความเห็นเรื่อง การที่กระทรวงการคลังอาจออกมาตรการเก็บภาษีในการซื้อ-ขายทองคำ โดยเฉพาะธุรกรรมออนไลน์และมีการชำระเป็นเงินบาท เพื่อลดผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำต่อเงินบาท ซึ่งทางผู้ค้าทองคำ คัดค้านเพราะจะกระทบต่อการค้าทองคำในองค์รวมของทั้งในและต่างประเทศ ทำลายระบบเศรษฐกิจ โดยในขณะนี้การค้าทองคำทั้งในและต่างประเทศแต่ละปีมีมูลค่ารวมกว่า 3 ล้านล้านบาท/ปี และความนิยมเทรดระบบออนไลน์เพิ่มสูงขึ้น ตามทิศทางเศรษฐกิจดิจิทัล ตอบสนองนพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ ที่นิยมเทรดออนไลน์ทั้งผ่านแอปฯ ต่างๆ และเทรดผ่าน Gold Futures ตลาด TFEX ซึ่งเป็นการเทรดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำภายในประเทศ โดยยอดเทรดเติบโตอย่างมากราว 9-20 ตัน/วัน หรือ 20,000-35,000 สัญญาต่อวัน […]

รอลุ้นโฉมหน้า ครม.อนุทิน 1 คาดช้าสุดทูลเกล้าฯ พรุ่งนี้

พรรคภูมิใจไทย 16 ก.ย.-รอลุ้นโฉมหน้า ครม.อนุทิน 1 คาดช้าสุดทูลเกล้าฯ พรุ่งนี้ หลังนายกฯ ลั่นเสร็จสิ้นภายในสัปดาห์นี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าการนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีอนุทิน 1 คาดว่าจะมีความชัดเจนเร็วสุดในเย็นวันนี้ (16 ก.ย.) หรืออย่างช้าวันพรุ่งนี้ (17 ก.ย.) ซึ่งต้องรอความชัดเจนจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ขณะที่บรรยากาศพรรคภูมิใจไทยในช่วงเช้าวันนี้ยังคงเงียบเหงา มีแกนนำพรรคเดินทางเข้าที่ทำการพรรค อาทิ นายทรงศักดิ์ ทองศรี ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคภูมิใจไทย ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เบื้องต้นยังไม่มีกำหนดการเดินทางเข้าพรรคในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้นายอนุทิน ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ไว้ว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งจะสามารถทูลเกล้าฯ ถลายได้ภายในสัปดาห์นี้.-สำนักข่าวไทย

เตือนภาวะน้ำทะเลหนุนสูง 17-22 ก.ย.

กรุงเทพฯ 16 ก.ย.-สทนช. ออกประกาศเตือน เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง 17-22 ก.ย.นี้ คาดระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าและพื้นที่ใกล้เคียงจะสูงกว่าจุดวิกฤติ 0.20 เมตร เสี่ยงน้ำเอ่อล้นริมเจ้าพระยา-ท่าจีน-แม่กลอง สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ออกประกาศเตือน เรื่อง “เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง” เตือนประชาชนและหน่วยงานในพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำแม่กลอง ให้เฝ้าระวังระดับน้ำเอ่อล้นตลิ่ง ระหว่างวันที่ 17–22 กันยายน 2568 ในช่วงเวลา 16.00–19.00 น. ของแต่ละวัน โดยเฉพาะพื้นที่นอกแนวคันกั้นน้ำและแนวเขื่อนชั่วคราว ซึ่งยังไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร หรือที่เรียกว่า “แนวฟันหลอ” นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสทนช. กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ร่วมกับกรมอุทกศาสตร์ คาดว่าช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นช่วงที่ระดับน้ำทะเลหนุนสูง โดยระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าและพื้นที่ใกล้เคียงอาจสูงถึง 1.70–1.90 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำวิกฤติประมาณ 0.20 เมตร ปัจจัยที่ส่งผลต่อการหนุนสูงของน้ำทะเลในช่วงนี้ได้แก่ ร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศไทย ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกำลังปานกลาง ซึ่งยังคงพัดปกคลุมประเทศไทยและบริเวณอ่าวไทย ส่งผลให้บางพื้นที่ยังคงมีฝนตก และเมื่อรวมกับปรากฏการณ์น้ำทะเลหนุน จะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้น เกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำริมน้ำ พื้นที่เสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ […]