กรุงเทพฯ 1 ส.ค. – ครอบครัวผู้เสียชีวิตรับศพเหยื่อคานสะพานหล่นทับ ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้า พ่อของหนึ่งในผู้เสียชีวิตร่ำไห้เผยนาทีสุดท้ายคุยโทรศัพท์กับลูกสาว ก่อนถูกคานสะพานหล่นทับเสียชีวิต กรมทางหลวงพร้อมเยียวยาผู้ประสบเหตุเสียชีวิตและบาดเจ็บเต็มที่
สำหรับผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ คนแรกคือ น.ส.สุวรรณี อายุ 41 ปี เป็นคนที่นั่งข้างคนขับในรถเก๋ง ส่วนอีกคนเป็นคนงานก่อสร้างที่ร่วงตกมาพร้อมกับคานสะพาน คือนายชาญ อายุ 48 ปี
พ่อร่ำไห้เล่าเข่าทรุดเห็นสภาพรถลูกสาว
ช่วงบ่ายที่ผ่านมา ทางครอบครัวผู้เสียชีวิตได้ไปรับศพที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้า นายณรงค์ รักท้วม พ่อของ น.ส.สุวรรณี ร่ำไห้เล่าว่า หลังเกิดเหตุแฟนลูกสาวโทรมาบอก ตอนแรกคิดว่ารถชนแท่งแบริเออร์ คงไม่เป็นอะไรมาก แต่ก็รีบนั่งรถออกไปดู ตอนนั้นรถติดมาก ต้องขออาศัยคนขับรถจักรยานยนต์คันหนึ่งพาไปที่จุดเกิดเหตุ พอไปเห็นสภาพรถถึงกับเข่าทรุด ทำอะไรไม่ถูก เพราะก่อนหน้านี้ไม่ถึง 5 นาที ลูกโทรมาถามว่าพ่อจะกินอะไร เดี๋ยวจะซื้อไปให้ ตนเองบอกลูกไปว่าไม่ต้อง เพราะทำกับข้าวแล้ว ไม่ต้องซื้อมา มีกับข้าวแล้ว หลังวางสายไม่เกิน 5 นาที แฟนลูกสาวก็โทรมาแจ้ง ตอนแรกแม่ของเขาจะนั่งไปเป็นเพื่อน และจะมีหลานไปด้วย หากไปกันหมดอาจจะตายกันหมด
พ่อยังกล่าวโทษเจ้าหน้าที่กรมทางหลวงว่า ไม่คิดถึงชีวิตคนอื่นเลย มีตั้งหลายครั้งแล้วทำไมปล่อยให้เกิดขึ้นอีก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำใจยาก เพราะมีลูกแค่ 2 คน โดยหลังเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่กรมทางหลวงโทรมาขอร่วมงานเป็นเจ้าภาพ และทางปลัดฯ ได้โทรมาสอบถามหากมีอะไรให้ช่วยเหลือก็โทรไปพูดคุยได้ แต่ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้มาคุยกับพ่อแม่ว่าดำเนินการถึงไหน อย่างไรบ้าง เพราะทางครอบครัวยังยุ่งกับการจัดการเรื่องรับศพ โดยจะนำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดไทร เขตจอมทอง กรุงเทพฯ เป็นเวลา 5 วัน
ญาติผู้เสียชีวิตวอนขอให้เป็นเหตุการณ์สุดท้าย
ด้านน้าสาวของเสียชีวิต เรียกร้องไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรื่องการซ่อมแซมต่างๆ ขอให้คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก เพราะการสูญเสียชีวิตคนไม่สามารถที่จะเอากลับมาได้ อยากให้เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์สุดท้ายที่จะเกิดขึ้น อยากให้คำนึงถึงความปลอดภัยให้มากที่สุด ไม่ว่าจะทำอะไรขอให้คิดถึงคนอื่นด้วย อย่าคิดถึงแต่ส่วนงานของตัวเอง
อีกครอบครัวผู้สูญเสีย น.ส.เพ็ญ ภูผานา ภรรยาของนายชาญ คนงานที่เสียชีวิต ได้เดินทางมารับศพเช่นกัน เล่าเหตุการณ์สั้นๆ ว่าขณะเกิดเหตุตนอยู่ในที่เกิดเหตุเช่นกัน ได้ยินเสียงหล่นตู้ม แต่ไม่รู้ว่าเป็นสามีตนเอง เพราะตอนนั้นกำลังจะเริ่มทำงานซ่อมแซมสะพานกลับรถ และตนเองนั่งหันหลัง ขณะนั้นสามีกำลังจะเดินไปหาลูกน้อง ซึ่งจุดดังกล่าวมีกำหนดซ่อม 3 เดือน มีหัวหน้างาน 2 คน สามีเป็นหัวหน้าหน่วย หลังจากนี้จะนำศพกลับไปบำเพ็ญกุศลที่วัดบ้านกุ่ม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี เป็นเวลา 3 วัน
สำหรับผลชันสูตรเบื้องต้น นายชาญเสียชีวิตจากกระดูกซี่โครงหัก ปอดช้ำฉีกขาด ตับม้ามแตก จากการถูกของแข็งไม่มีคมกระแทก ส่วน น.ส.สุวรรณี เกิดจากการขาดอากาศจากการกดทับบริเวณทรวงอก
กระทรวงแรงงานเยียวยาคนงานเสียชีวิต-บาดเจ็บ
ส่วนเรื่องการดูแลเยียวยาคนงาน เมื่อช่วงเช้า นางสาวปรียานันท์ ลิขิตศานต์ ผู้ตรวจราชการกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ตัวแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เดินทางไปดูที่เกิดเหตุ บอกว่ากรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เข้ามาดูแลในส่วนของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บตามกฎหมายประกันสังคม นอกจากนี้จะเข้ามาตรวจสอบตาม พ.ร.บ.ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ว่าในการซ่อมแซมสะพานครั้งนี้ มีการปฏิบัติตามมาตรฐานใน พ.ร.บ. หรือไม่ หากผู้ก่อสร้างเป็นเอกชน กระทรวงแรงงานจะสามารถดำเนินคดีอาญาต่อเอกชนผู้ก่อสร้างได้ แต่ในกรณีนี้เป็นหน่วยงานของกรมทางหลวง ซึ่งเป็นราชการเป็นผู้ซ่อมแซมก่อสร้างเอง ตาม พ.ร.บ.นี้ไม่สามารถดำเนินคดีอาญากับหน่วยงานของรัฐได้ แต่จะมีการแจ้งกำชับให้ปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยในการทำงาน
นายกฯ สั่ง ก.คมนาคม ดูแลความปลอดภัยการก่อสร้างทุกพื้นที่
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำชับกระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง วิเคราะห์หาสาเหตุ และย้ำให้ใช้มาตรการความปลอดภัยระหว่างการก่อสร้างอย่างสูงสุด และให้มีการตรวจสอบความปลอดภัยทุกพื้นที่ของโครงการปรับปรุงสะพาน หรือในบริเวณที่มีการก่อสร้างเส้นทางคมนาคมทั่วประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก
นายกรัฐมนตรียังได้แสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ พร้อมสั่งให้มีการช่วยเหลือเยียวยาตามระเบียบกฎหมาย
ส่วนเรื่องการจราจรยังปิดช่องทางด่วนฝั่งขาเข้า-ขาออกกรุงเทพฯ โดยให้เบี่ยงออกคู่ขนานก่อนถึงจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร พอเลยจุดที่เกิดเหตุไปแล้วประมาณ 1 กิโลเมตร หรือก่อนขึ้นสะพานข้ามแม่ท่าจีน สามารถตัดเข้าช่องทางด่วนได้ตามปกติ แต่สำหรับผู้ที่จะเข้ากรุงเทพฯ โดยไม่ต้องผ่านจุดดังกล่าว แนะนำให้ใช้เส้นทางเลี่ยง โดยเมื่อถึงช่วง กม.38 แยกบ้านแพ้ว ให้ตัดไปวิ่งถนนเพชรเกษมจะดีกว่า เพื่อหลีกเลี่ยงจราจรติดขัด
ย้อนเหตุ 17 ก.ค. ท่อนเหล็กก่อสร้างร่วงใส่รถ
ย้อนกลับไปดูก่อนหน้านี้ เมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา บนถนนพระราม 2 แห่งนี้ก็เคยเกิดเหตุมีวัสดุก่อสร้างร่วงหล่นลงมาใส่รถยนต์ที่วิ่งผ่าน ตอนนั้นสร้างความตื่นตระหนกไม่น้อย เป็นเหตุการณ์ในวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา เวลาประมาณ 6 โมงเย็น ในพื้นที่โครงการก่อสร้างทางยกระดับบนทางหลวงหมายเลข 35 สายธนบุรี-ปากท่อ (ถนนพระราม 2) ตอนทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน-เอกชัย ตอน 2 จังหวัดสมุทรสาคร มีวัสดุก่อสร้างลักษณะเป็นท่อนเหล็กร่วงหล่นลงมา ตรวจสอบพบว่าสาเหตุเกิดจากผู้รับจ้างเข้าไปเตรียมการติดตั้งชิ้นส่วนสะพาน แต่เกิดอุบัติเหตุชิ้นส่วนนั่งร้านร่วงหล่นลงมาใส่รถกระบะสีดำที่ขับผ่าน และมีรถยนต์เหยียบทับชิ้นส่วนดังกล่าว ทำให้รถยนต์ได้รับความเสียหาย 3 คัน มีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 3 คน ตอนนั้นกรมทางหลวงสั่งการให้ผู้รับจ้างตรวจสอบและดูแลเยียวยาผู้เสียหาย รวมถึงสั่งให้โครงการหยุดงานก่อสร้างบริเวณที่เกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยอย่างละเอียด และพิจารณามาตรการเสริมความปลอดภัยในด้านต่างๆ.-สำนักข่าวไทย