20 มิ.ย. – ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ระบุใกล้ได้ตัวผู้ต้องหาคนสุดท้าย คดีร่วมกันฆ่าสามีภรรยาที่ไต้หวัน เตรียมส่งทีมกองปราบร่วมสืบสวนคดีที่ไต้หวัน ด้านพี่ผู้ตายยืนยันน้องไม่เคยเกี่ยวข้องธุรกิจผิดกฎหมาย
ผู้ต้องหาคนสุดท้ายที่ยังไม่ถูกจับกุมคือนายสามารถ แซ่หลี คดีนี้ตำรวจออกหมายจับทั้งหมด 3 คน ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยจับกุมได้แล้ว 2 คน คือนายสันติ ศุภอภิรดีไพลิน อายุ 35 ปี ถูกจับกุมเป็นคนแรก และนายธนวัฒน์ พุ่มเข็มทอง อายุ 42 ปี ทั้งหมดร่วมกันก่อคดีสะเทือนขวัญ ฆ่าสองสามีภรรยาและลูกแฝดในครรภ์ที่ประเทศไต้หวัน ก่อนหลบหนีมาไทย
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า ขณะนี้ตำรวจเร่งติดตามตัวนายสามารถ และใกล้จับตัวได้แล้ว กำลังตรวจสอบว่าหลบหนีอยู่ในประเทศหรือออกนอกประเทศไปแล้ว รวมทั้งกำลังตรวจสอบว่ามีผู้ใดช่วยเหลือหรือไม่
นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้มีคำสั่งให้ตำรวจกองปราบปราม 6 นาย ไปร่วมสืบสวนกับตำรวจไต้หวัน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง มูลเหตุในการก่อเหตุครั้งนี้ แต่จนถึงขณะนี้ยังมีผู้ร่วมก่อเหตุเป็นคนไทย 3 คน ส่วนการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาในไทยทำได้เพียงคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ส่วนคดีอำพรางศพเป็นคดีในไต้หวัน คดีนี้เป็นคดีนอกราชอาณาจักร การดำเนินคดีจะต้องรายงานไปยังสำนักงานอัยการสูงสุดด้วย หากจับกุมผู้ต้องหาครบก็จะรายงานตามขั้นตอน และดำเนินคดีตามกฎหมาย
ส่วนการสอบปากคำ นายธนวัฒน์ ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ที่ จ.กาฬสินธุ์ ให้การรับสารภาพว่าร่วมวางแผนกับนายสันติ และนายสามารถ แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้ใช้ท่อนเหล็กทุบตีผู้เสียชีวิตทั้งสองคน หลังก่อเหตุได้หลบหนีเข้ามาในไทยตั้งแต่ 11 มิถุนายน นายสันติเป็นคนซื้อตั๋วเครื่องบินให้ และเป็นคนที่วางแผนก่อเหตุทั้งหมด ให้ผู้เสียชีวิตทั้งสองมาหาที่บ้านพักคนงาน ซึ่งนายสันติเป็นพ่อบ้านและว่าจ้างให้ทั้งสองคนมาก่อเหตุ และสัญญาว่าจะให้ค่าจ้างคนละ 5 แสนบาท แต่ให้เงินไปเพียง 2 หมื่นบาท
อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของผู้ต้องหาที่อ้างว่าปมขัดแย้งมาจากปัญหาธุรกิจที่ทำร่วมกับนายสันติ และตั้งมูลเหตุการก่อเหตุครั้งนี้ไว้ 2-3 ประเด็น ส่วนจะเป็นความขัดแย้งเรื่องยาเสพติดหรือไม่นั้น ตำรวจมีข้อมูลในการสืบสวนของทั้งผู้เสียชีวิต และผู้ต้องหา แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด
นายยิ่งยศ พี่ชายของผู้เสียชีวิต ยืนยันน้องสาวไม่เคยเกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมายหรือยาเสพติด ส่วนตัวไม่เชื่อในคำกล่าวอ้างของผู้ต้องหา เนื่องจากน้องสาวเป็นคนขยันทำงาน ขายอาหารเก็บเงินเก่ง และมีรายรับจำนวนมาก ส่วนการดำเนินคดีก็ขอให้ดำเนินคดีในไทยตามกระบวนการของกฎหมาย. – สำนักข่าวไทย