14 มิ.ย. – พนักงานสอบสวนเร่งรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอนุมัติหมายจับ “สันติ” มือฆ่าผัวเมียท้องแฝดในไต้หวัน วันนี้ หลังหนีกลับไทย
วันนี้ พนักงานสอบสวนกองปราบปรามจะรวบรวมพยานหลักฐาน ขอศาลอาญารัชดาออกหมายจับนายสันติ ศุภอภิรดีไพลิน อายุ 35 ปี ฐานความผิดฆ่าผู้อื่น หลังตำรวจกองปราบปรามเชิญผู้ช่วยทูตตำรวจไต้หวันประจำประเทศไทยมาให้ข้อมูล รวมทั้งทางการไต้หวัน ส่งพยานหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์และเอกสารต่าง ๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่นายสันติ ก่อเหตุฆาตกรรมกรรมสามีภรรยาชาวไทยและลูกแฝดในท้องเสียชีวิตอย่างโหดเหี้ยมที่ไต้หวัน ก่อนหนีกลับเข้าไทย
ตำรวจได้สอบปากคำบิดาของผู้เสียชีวิตในฐานะเป็นผู้เสียหายตามกฎหมายประกอบ โดยพนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอนุมัติหมายจับวันนี้
ด้าน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ให้ข้อมูลยืนยันว่า คดีนี้เจ้าหน้าที่สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย ได้เข้าให้ข้อมูลและประชุมกับตำรวจสอบสวนกลาง ขอความร่วมมือตามจับนายสันติ และเพื่อให้การดำเนินการคดีครอบคลุมทุกมิติ ได้มอบหมายกองปราบเป็นผู้รับผิดชอบคดี พร้อมย้ำกรณีนายสันติแม้เกิดนอกราชอาณาจักรไทย แต่เนื่องจากผู้ก่อเหตุและผู้ตายเป็นคนไทย รวมทั้งหนีเข้ามาไทย ตำรวจไทยจึงสามารถดำเนินคดีตามมาตรา 8 ป.อาญา ได้โดยมีผู้เสียหายตามกฎหมาย คือ ครอบครัวผู้เสียชีวิต เข้าร้องทุกข์เพื่อให้ลงโทษกับผู้กระทำความผิด โดยการดำเนินการจะดำเนินคดีได้เช่นเดียวกับเหตุที่เกิดในเมืองไทย
ส่วนที่มีรายงานว่า พี่เขยของนายสันติยืนยันว่าเห็นนายสันตินั่งรถตู้มาที่บ้านพ่อในหมู่บ้านจัดสรร อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ และพูดคุยเพียงสั้นๆ ว่า “คิดถึงลูก” ก่อนยืมรถวอลโว่ของพ่อขับออกไป คาดว่าจุดหมายน่าจะเป็นหมู่บ้านใหม่หนองบัว ชุมชนชาวจีนยูนนาน อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ บ้านเกิดของนายสันติ และนางพจนีย์เหยื่อสาว ตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบ เพราะชาวบ้านบางส่วนบอกว่าในวันที่ 10 มิถุนายน ยังเห็นนายสันติอยู่ในหมู่บ้าน และไปรับส่งลูกเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากนี้กรณีญาติเหยื่อกังวลว่านายสันติอาจหนีข้ามชายแดนไปแล้ว ยอมรับเป็นไปได้ เพราะรู้ช่องทางข้ามแดนเป็นอย่างดี แต่ตำรวจยังเชื่อว่านายสันติยังกบดานอยู่ในไทย ขณะมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุ ยังเชื่อว่าอาจมาจากเรื่องเงินหรือมีผลประโยชน์ที่ซับซ้อนกว่านั้น หรืออีกประเด็นคือนายสันติอาจเป็นเพียงนกต่อด้วยเงื่อนไขที่ปฏิเสธไม่ได้ ซึ่งต้องรอการสืบสวนอย่างละเอียด หรือจนกว่าจะจับตัวนายสันติมาเค้นสอบได้
สำหรับการสืบสวนพบว่า นายสันติ ออกจากไทยไปไต้หวัน เมื่อวันที่ 6 เมษายน 65 และกลับมาไทยวันที่ 9 มิ.ย. 65 ที่สนามบินสุวรรณภูมิ จากนั้นได้นั่งเครื่องต่อไปยังจังหวัดเชียงใหม่ ก่อนจะเช่ารถแท็กซี่ไปบ้านเกิดที่ อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ โดยครอบครัวขับรถยนต์มารับนายสันติที่บ้านพัก มุ่งหน้าไปยังอุตรดิตถ์ต่อเนื่องพิษณุโลก
ส่วนการตรวจประวัตินายสันติ พบว่า ถือหนังสือเดินทาง 2 สัญชาติ คือไทยและไต้หวัน เนื่องจากพ่อเคยเป็นทหารกองพล 93 (นายพล ก๊กมินตั๋ง) ทำให้นายสันติ ได้รับสิทธิ์ในการถือสัญชาติจากพ่อมานานกว่า 10 ปี ส่วนเรื่องการกระทำผิดกฎหมายในไทย คือเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ปี 59 เคยถูกจับข้อหาขับรถขณะเมาสุรา ในพื้นที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาปรับ 5,000 บาท และสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ 6 เดือน แต่คดีอื่นๆ ยังไม่พบข้อมูลเพิ่ม.- สำนักข่าวไทย