กทม. 18 มิ.ย.- “ทนายรณณรงค์” ชี้ 23 มิ.ย.นี้ ไม่มีทางได้เห็นอัยการนนทบุรี ยื่นฟ้องคู่กับแม่แตงโม เพราะขัดต่อระเบียบ สนง.อัยการสูงสุด ถ้าผู้เสียหายยื่นฟ้องคดีเอง อัยการจะไม่ฟ้องคดีต่อศาล
ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ กล่าวถึงคดีการเสียชีวิตของแตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ ที่ผ่านมาแล้วกว่า 116 วัน แต่ในส่วนของการดำเนินคดียังไม่มีความคืบหน้า ว่า กรณีที่นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของแตงโม ไปยื่นฟ้องศาลโดยตรง นอกจากสร้างความยากในการทำคดีให้กับอัยการมากขึ้น ยังส่งผลให้อัยการไม่สามารถฟ้องคดีได้อีกด้วย เนื่องจากจำเลยในคดีอาญาที่กระทำความผิด 1 ครั้ง ก็จะต้องถูกพิจารณาคดีแค่ครั้งเดียว แต่ถ้าไปฟ้องศาลแล้ว ศาลไม่ประทับรับฟ้องหรือยกฟ้องทุกข้อหา อัยการก็จะหมดสิทธิในการฟ้องคดีต่อศาลจังหวัดนนทบุรี จำเลยก็จะเป็นผู้บริสุทธิ์ทันที ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของแตงโม ซึ่งแนวคิดนี้อยู่ในประมวลวิธีพิจารณาความอาญา แต่ในระเบียบของสำนักงานอัยการสูงสุดมีการระบุเอาไว้ว่า ถ้าเกิดเป็นกรณีที่ราษฎรไปฟ้องศาลแล้ว อัยการก็จะไม่ฟ้องซ้ำเข้าไปอีก โดยจะรอให้ผลคดีสิ้นสุดก่อน หากเป็นข้อหาเดียวกัน เช่น คดีฆาตกรรมเป็นข้อหาเดียวกัน อัยการก็จะขอเข้าไปเป็นโจทย์ร่วมกัน แต่ถ้าเกิดยกฟ้องแล้วก็ถือว่ายกขาดเลย จะไม่เกี่ยวกันอีก ซึ่งโดยปกติ ราษฎรจะไปฟ้องอย่างนี้ ก็ต่อเมื่อเกิดกรณีที่อัยการไปฟ้องในข้อหาประมาท แล้วทางฝั่งผู้เสียติดใจว่าเป็นฆาตกรรม ก็จะไปฟ้องอีกคดีหนึ่งแยกไว้ แล้วศาลก็จะใช้อำนาจในการรวมคดีเข้ามาพิจารณาด้วยกัน ฉะนั้นตามระเบียบอัยการสูงสุด ถ้าราษฎรไปฟ้อง อัยการจะไปฟ้องอีกไม่ได้ นอกจากแม่ต้องไปถอนฟ้องอัยการถึงจะฟ้องได้ ในวันที่ 23 มิ.ย.นี้ จึงไม่มีทางได้เห็นอัยการนนทบุรี ยื่นสำนวนเข้าไปคู่กับแม่แตงโมอย่างแน่นอน เพราะขัดต่อระเบียบของสำนักงานอัยการสูงสุด
สุดท้ายแล้ว คนที่ส้มหล่นได้ประโยชน์ ก็คือ กลุ่มคนบนเรือ เพราะจากพยานหลักฐาน ดูแล้วไม่น่าจะมีอะไรที่เชื่อมโยงกันได้ พร้อมย้ำอีกว่า คดีนี้จะไม่ยากเลย ถ้าเอาคนที่มีความรู้จริงทางด้านกฎหมายมาช่วยทำคดี ทั้งนี้การยื่นฟ้องโดยกล่าวอ้างว่าจำเลยกระทำความผิดในข้อหาเจตนาฆ่า ไม่ว่าจะเป็นเจตนาทำร้ายร่างกาย หรือเจตนาฆ่าก็ตาม ถ้าหลักฐานที่มีไม่สามารถพิสูจน์ได้ ก็อาจจะถูกฟ้องกลับในข้อหาฟ้องเท็จ เบิกความเท็จและให้การเท็จ
ทันทีที่แม่แตงโมยื่นฟ้องศาลเอง ถือว่าได้ละทิ้งการใช้อำนาจของทางอัยการไป ซึ่งก็ต้องเดินหน้าต่อไปว่าจะเอายังไงต่อ เพราะถ้าหลักฐานไม่มี หรือ มีไม่พอ ก็เป็นเรื่องปกติที่ศาลจะยกฟ้อง
คดีนี้มีความยากเพราะมีแต่พวกราคาคุย คุยแล้วก็ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เพราะถ้ามีพยานหลักฐานชัดเจนอย่างที่คุยไว้ ทำไมไม่ยื่นให้อัยการฟ้องแทน เบื้องต้นจึงมองว่าหลักฐานที่มีอยู่มันไม่ชัด เป็นแค่ข้อสงสัยข้อสันนิษฐานที่สร้างกระแสให้สื่อติดตามมากกว่า ซึ่งไม่สามารถนำมาใช้ในศาลในทางกฎหมายได้ ทั้งนี้ขอให้จับตารอดูผลของศาลว่าจะเป็นอย่างไร พร้อมตั้งข้อสังเกต เหตุที่ “เต้ มงคลกิตติ์” รีบแยกตัวออกมา ก็เพราะต้องการหาทางรอดจากกรณีดังกล่าว .-สำนักข่าวไทย