อดีตจเรตำรวจ ชี้คดี “แตงโม” สะท้อนสังคมไม่เชื่อมั่นการสอบสวน

กทม. 5 มี.ค.-อดีตจเรตำรวจ เผยคดี “แตงโม” เป็นอีกคดีตัวอย่างที่สังคมไม่เชื่อมั่นกระบวนการสอบสวน จนเกิดการคาดเดาประเด็นข้อสงสัย แนะตำรวจยึดพยานหลักฐาน เปิดข้อมูลตรงไปตรงมา ขณะที่การตกลงชดใช้ค่าเสียหายระหว่างคู่กรณี อาจมีผลทางคดีในชั้นศาล

พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร อดีตรอง ผบก.จเรตำรวจ และเลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ให้ความเห็นกรณีคดีการเสียชีวิตของดาราสาวแตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ โดยระบุว่า ข้อมูลที่ออกมาในขณะนี้ มีทั้งหลักฐาน มีทั้งการคาดเดาและความคิดเห็นต่างๆ ซึ่งตำรวจต้องทำงานไปตามพยานหลักฐานเป็นหลัก ถือว่าเป็นหลักทั่วไปที่ตำรวจต้องปฏิบัติ ประเด็นอยู่ที่ว่าการทำงานของตำรวจต้องมีการชี้แจงให้ประชาชนทราบ แล้วทำงานอย่างตรงไปตรงมาหรือไม่ หรือมีลับลมคมใน ซึ่งระบบการสอบสวนคดีอาญา ที่ข้อมูลอยู่ที่ตำรวจเพียงฝ่ายเดียว ทำให้คนขาดความเชื่อถือและไม่เชื่อมั่น เพราะฉะนั้นต้องพยายามชี้แจงข้อมูลในการทำงานให้ประชาชนรับทราบ แต่ไม่ใช่การชี้แจงพยานหลักฐานในคดี ไม่ใช่อ้างว่าอยู่ในสำนวน เป็นความลับในสำนวน แต่การไม่ชี้แจงต่อประชาชนจะก่อให้เกิดปัญหาได้


พ.ต.อ.วิรุตม์ กล่าวว่า การรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องทางคดีที่สำคัญ ประกอบด้วยเหตุที่ตายและพฤติการณ์ที่ตายเป็นหลัก ซึ่งขณะนี้เหตุที่ตายชัดแล้วว่าขาดอากาศหายใจจากการจมน้ำเป็นพยานหลักฐานที่เชื่อถือได้เพราะเป็นวิทยาศาสตร์ ส่วนพฤติการณ์ที่ตายยังไม่มีหลักฐานชัดเจน ขณะนี้มีเพียงพยานจากคำบอกเล่าของ “แซน” คนที่นั่งอยู่ที่ท้ายเรือว่า “แตงโม” มาปัสสาวะท้ายเรือและตกน้ำไป นี่คือพยานบุคคล ไม่มีพยานอย่างอื่น ส่วนคนที่เหลือก็ไม่เห็นว่าตกลงไปในลักษณะใด คำให้การของพยานจะเชื่อถือได้หรือไม่ ต้องมาตรวจสอบวัตถุพยานแวดล้อมต่างๆ ตกไปแล้วโดนอะไรหรือไม่ อย่างเช่นแผลที่ขาก็มีความสำคัญ หากตรงกันก็ชัดเจนว่าตกท้ายเรือ ก็เป็นข้อยุติ แต่หากจะไม่เชื่อถือคำให้การของ “แซน” ต้องมีพยานหลักฐานมาหักล้างว่ามีพยานเห็นเป็นอย่างอื่นอย่างใด เช่นวัตถุพยานอื่นๆ ขณะนั้นมีกล้องวงจรปิดบนฝั่งแม่น้ำหรือไม่ หากไม่เป็นไปตามที่พยานให้การ ก็ต้องมีการถูกดำเนินคดีในฐานให้การเท็จต่อเจ้าพนักงาน ประเด็นตอนนี้อยู่ที่ว่ายังไม่มีหลักฐานในการมาหักล้างคำให้การของพยานถึงพฤติการณ์ที่ตาย โดยเฉพาะการระบุว่า “แตงโม” นั่งปัสสาวะที่ท้ายเรือ และตกน้ำในข้อเท็จจริงแล้วอาจมีทั้งเป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้

พ.ต.อ.วิรุตม์ ระบุว่า การที่ตำรวจไม่ชี้แจงการทำงานแม้กระทั่งความเร็วของเรือขณะวิ่ง ขณะนี้ยังไม่มีใครออกมาให้ข้อมูล หรือข้อมูลคนขับเรือตัวจริง กว่าจะได้รับการยืนยันก็ใช้เวลาถึง 5 วัน ทำให้เกิดข้อสงสัยความมีเงื่อนงำในการสอบสวนรวมไปถึงการชันสูตรศพ ซึ่งปกติที่จังหวัดนนทบุรี จะส่งศพไปที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ รังสิต ก็มีการเปลี่ยนไปที่นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งมีการอ้างว่ามีผู้ใหญ่สั่งให้เปลี่ยนสถานที่ เรื่องนี้นำไปสู่การทำให้เกิดปัญหา


พ.ต.อ.วิรุตม์ กล่าวอีกว่า กรณีที่มีการตกลงชดใช้ค่าเสียหายกับแม่ของแตงโม 30 ล้านบาท ประเด็นนี้เมื่อคดีเข้าสู่ศาล อาจมีผลทางคดี ซึ่งข้อหาประมาทที่มีการตั้งกับ 2 คน คือ “ปอและโรเบิร์ต” คดีลักษณะนี้ หากไม่มีหลักฐานอื่น ผู้ต้องหารับสารภาพและมีการชดใช้ความเสียหาย ศาลก็อาจจะรอลงอาญาได้ ซึ่งมีแนวโน้มสูง คงไม่ถึงโทษจำคุก เพราะได้มีการบรรเทาความเสียหาย ส่วนข้อตกลงเงินทองเป็นสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีในขณะนี้ ซึ่งจะต้องรอให้ข้อเท็จจริงทางคดีอาญาเป็นข้อยุติก่อน ก็เป็นเรื่องของการรับปากระหว่างคู่กรณี แต่สุดท้ายไม่รู้ว่าจะได้หรือไม่ นอกจากนี้ยังมีการเปิดประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการตกน้ำโดยตรง เช่นสาเหตุของการไปล่องเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาในวันดังกล่าว ที่มีการกล่าวอ้างว่าจะมีการนำ “แตงโม” ไปให้กับให้ผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นประเด็นที่ไม่เกี่ยวกับคดีโดยตรงกับการตกน้ำ เป็นการที่หลายคนอาจจะปกปิดไว้นำไปสู่ความมีพิรุธ ซึ่งยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งตำรวจไม่ควรให้น้ำหนักมากหากไม่มีความผิดทางด้านอาญา หากมีข้อมูลหลักฐานก็ว่าไปตามกฎหมาย

พ.ต.อ.วิรุตม์ กล่าวด้วยว่า คดีของแตงโม เป็นอีกคดีที่สะท้อนถึงความไม่เชื่อมั่นของประชาชนต่อระบบการสอบสวนคดีอาญาประเทศเรา ซึ่งข้อมูลและหลักฐานอยู่ในมือของตำรวจฝ่ายเดียว หน่วยงานอื่นเช่น พนักงานอัยการไม่มีส่วนรู้เห็น ไม่เหมือนกับประเทศอื่นๆ บางประเทศที่อัยการ ผู้ว่าราชการจังหวัด ฝ่ายปกครอง สามารถเข้ามาดูพยานหลักฐานได้ตั้งแต่ตอนเกิดเหตุ ควรเข้ามาสิ ควรมีสิทธิ์เข้ามาตรวจดูพยานหลักฐานได้ ถือเป็นความบกพร่องของระบบการสอบสวนที่ทำให้ประชาชนไม่มีความเชื่อมั่น แม้จะทำอย่างตรงไปตรงมาและยิ่งมีเงื่อนงำ ยิ่งบานปลาย เช่น การไม่ตรวจยึดวัตถุพยานเรือลำเกิดเหตุตั้งแต่ต้น เมื่อมีเงื่อนงำอื่นๆ ทำให้สังคมยิ่งตั้งคำถามในการทำคดี.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ทูน” แจ้งความถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะซื้อของย่านคลองถม

สน.พลับพลาไชย1 11 มิ.ย.- “ทูน หิรัญทรัพย์” อดีตนักแสดงรุ่นใหญ่ แจ้งความ สน.พลับพลาไชย 1 ถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะเดินซื้อของย่านคลองถม อีกฝ่ายอ้างป้องกันตัว นายทูน หิรัญทรัพย์ หรือ นายสพัชญ์นนทน์ อายุ 69 ปี อดีตดารานักแสดงรุ่นใหญ่ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 กรณีถูกวัยรุ่น 2 คน รุมทำร้ายร่างกาย ได้รับบาดเจ็บ ขณะไปเดินซื้อของในซอยข้างคลองถมพลาซ่า เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ที่ผ่านมา นายทูน เล่าเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองและครอบครัวได้ไปเดินหาซื้อไฟในย่านคลองถม ระหว่างนั้นก็มีผู้คนมาทักทายเพราะเห็นว่าตัวเองเป็นดารา แต่มีวัยรุ่นคนหนึ่งพูดจาไม่น่าฟังบอกว่าดาราอะไรเคยไม่รู้จัก จึงตักเตือนในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ ว่า จะพูดจาอะไรก็ต้องให้เกียรติคนอื่นโดยเฉพาะคนที่อาวุโสกว่า จนเกิดมีปากเสียงกัน จากนั้นวัยรุ่นดังกล่าวก็ชกเข้าที่เบ้าตาขวา ซึ่งเป็นตาข้างที่บอดอยู่ จึงไม่เห็นหมัด ก่อนจะมีตำรวจเข้ามาระงับเหตุ แต่วัยรุ่นคู่กรณีก็ยังทำท่าไม่พอใจฮึดฮัดใส่อยู่ ก่อนจะถูกควบคุมตัวไปที่ สน.พลับพลาไชย ซึ่งตัวเองก็ได้เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีด้วยเช่นกัน นายทูน กล่าวว่า ตลอดชีวิตที่เป็นนักแสดงนั้นเคยแต่เจอผู้คนเข้ามาทักทาย ขอถ่ายรูป ด้วยความมีมิตรไมตรี […]

พายุ “หวู่ติบ” ไม่เข้าไทย แต่เสริมมรสุม ฝนเพิ่ม คลื่นแรง เตือนระวังน้ำหลาก

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย.-ไทยมีฝนตกเพิ่ม โดยพายุ​ “หวู่ติบ” จะส่งอิทธิพลให้ร่องมรสุมพาดผ่านและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น กรมอุตุฯ เตือนประชาชนเฝ้าระวังภัยน้ำหลากและคลื่นลมแรงอย่างใกล้ชิด นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 12–13 มิถุนายน 2568 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ ระนอง พังงา จันทบุรี และตราด ซึ่งได้รับอิทธิพลจากร่องมรสุมที่พาดผ่านตอนบนของประเทศ และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรง กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศแจ้ง​เตือน​ว่า พายุโซนร้อน “หวู่ติบ” บริเวณทะเลอันดามันตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเกาะไหหลำของจีนไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 160 กิโลเมตร มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวทางตะวันตกเฉียงเหนือ คาดว่า​ จะขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 13-14 มิ.ย.68 และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ แม้ศูนย์กลางพายุจะไม่เข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่พายุนี้เป็นอีกปัจจัยที่เสริมให้ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้หลายพื้นที่มีฝนตกหนัก คลื่นลมในทะเลอันดามันตอนบนสูง 2–3 เมตร และในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองอาจสูงมากกว่า 3 […]

ผลแล็บพบข้าวมันไก่ติดเชื้อ ทำครู-นร.ท้องเสีย 23 คน

ปราจีนบุรี 12 มิ.ย. – แม่ค้ามือเป็นแผล! ครู-นักเรียน กินข้าวมันไก่ ท้องเสียยกชั้น หามส่ง รพ. แพทย์ชี้ชัดผลแล็บ พบเชื้อสตาฟิโลคอคคัส ออเรียส ต้นเหตุทำอาหารเป็นพิษ จากกรณีที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมือง จ.ปราจีนบุรี ต้องระดมทั้งรถตู้โรงเรียน และรถฉุกเฉิน เร่งนำตัวนักเรียนและคุณครู ส่งโรงพยาบาล จำนวน 23 คน หลังทุกคนกินข้าวมันไก่ในช่วงพักกลางวัน พอตกบ่ายก็มีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ และอาเจียน บางรายเป็นไข้หนาวสั่น คาดสาเหตุมาจากอาหารเป็นพิษ ผู้ป่วยถูกนำตัวส่งรักษาอาการที่ห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร รวม 16 คน (นักเรียน 15 คน ครู 1 คน) เบื้องต้น แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วบางส่วนเหลือคุณครูที่ต้องดูอาการเนื่องจากมีอาการช็อก ส่วนนักเรียน ยังคงต้องดูอาการอีก 9 คน ซึ่งคาดว่าแพทย์น่าจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ภายในวันนี้ ส่วนที่ รพ.ค่ายจักรพงษ์ มีจำนวน 7 คน (เป็นนักเรียนทั้งหมด) เบื้องต้น […]

หลุดภาพ​ “ชาดา-สันติ-​นายกด๊อยซ์” สะพัดขน 6 สส. ​ซบ ​“ภท.”

กทม. 11​ มิ.ย. – “ชาดา-สันติ-นายกด๊อยซ์” ร่วมวงกินข้าว หลังสะพัดขน “6 สส.มะขามหวาน” เด็กลุงป้อม ย้ายซบ “ภูมิใจไทย” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า​ ภายหลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีคำสั่งเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.68 แต่งตั้ง นางจิตรา หมีทอง ซึ่งเป็นทีมงานนายสันติ พร้อมพัฒน์ แกนนำ 6 สส. เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ เป็นคณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และ รมว.มหาดไทย ล่าสุดช่วงเย็น วันที่ 11 มิ.ย. ได้ปรากฏภาพนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี แกนนำพรรคภูมิใจไทย ได้รับประทานอาหารเย็น ร่วมกับ นายสันติ และ นายอัครเดช ทองใจสด นายก อบจ.เพชรบูรณ์ ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง […]

ข่าวแนะนำ

สยบรอยร้าว “พีระพันธุ์” โพสต์ภาพคู่ “เอกนัฏ” ยัน รทสช.ไปต่อ

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – “พีระพันธุ์” โพสต์ภาพโชว์ปึก “เอกนัฏ” สยบรอยร้าว ขอบคุณร่วมอดทนต่อสู้ทุนใหญ่ ยัน รทสช.ไปต่อแน่ ป้อง “ทีมสุดซอย” ถูกใส่ร้าย เมื่อเวลา 21.00 น. วันนี้ (12 มิ.ย.68) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์ภาพถ่ายคู่กับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมข้อความระบุว่า “ผูกพันและเชื่อใจ การที่มีคนกล่าวหาขิงว่าจะไปขอให้มาโค่นทำลายผมจากหัวหน้าพรรค ผมได้แต่ขำ ขิงกับผม เราผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยกันมามาก คำพูดแบบนี้จึงเป็นเรื่องขำๆ ของคนที่คิดคำแก้ตัวไม่ออก ผมกับท่านเลขาฯ ขิง เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เรารู้จักกันมานาน ตั้งแต่ขิงยังไม่เข้ามาวงการเมือง จนมาทำงานการเมืองร่วมกัน ขิงเป็นคนหนุ่มที่มุ่งมั่นทำงานการเมืองเพื่อประชาชน ไม่ใช่มาเล่นการเมือง เป็นคนซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา เมื่อผมจะทำพรรคการเมือง คนแรกที่ผมคิดถึงจึงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก ‘ขิง’ ผมหารือกับขิงว่าอยากชวนเขามาทำพรรคการเมืองตามแนวทางที่เราอยากทำอยากให้เป็น คือเป็นพรรคการเมืองที่ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองและประชาชน เข้ามาแก้ไขปัญหาทุกอย่างเพื่อประชาชน ไม่ใช่เพื่อจะมีสถานะหรือมีตำแหน่งทางการเมือง […]

จับตานายกฯ ถกหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค ปรับ ครม.

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – จับตา “นายกฯ แพทองธาร” ถกหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค ปรับ ครม. หลังเลื่อนประชุม ครม.สัญจร จ.พิษณุโลก 23-24 มิ.ย.นี้ คาดรอ ครม.ใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันพรุ่งนี้ (13 มิ.ย.) ที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งลาราชการในเวลา 11.30-13.00 น. หลังจบภารกิจเป็นประธานในพิธีปิดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ประจำปี 2568 และมีรายงานว่านายกฯ มีภารกิจร่วมประชุมผู้ปกครอง จากนั้นจะกลับมาปฏิบัติงานที่ทำเนียบรัฐบาลในช่วงบ่าย ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายกฯ จะเชิญหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค หารือถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ท่ามกลางกระแสข่าวการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีระหว่างพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย และปัญหาภายในของพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้เกิดความชัดเจน นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้แจ้งเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร ) ระหว่างวันที่ 23-24 มิ.ย.นี้ ที่ จ.พิษณุโลก ออกไปก่อน […]

เสียงจากช่องบก รอวันสันติภาพ

อุบลราชธานี 12 มิ.ย. – ผ่านมาแล้ว 15 วัน นับตั้งแต่เหตุการณ์ปะทะที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงตึงเครียด แต่ชาวบ้านในพื้นที่ต่างตั้งความหวังว่าการประชุม JBC วันที่ 14 มิ.ย.นี้ จะหาทางออกได้โดยสันติ เพื่อให้ประชาชนทั้งสองประเทศได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ.-สำนักข่าวไทย

แอร์อินเดียพร้อมผู้โดยสาร 242 คน ตกที่สนามบินอาห์เมดาบัด

นิวเดลี 12 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์ อินเดีย ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังกรุงลอนดอน ของอังกฤษ พร้อมด้วยผู้โดยสาร 242 คน เกิดอุบัติเหตุตก หลังจากที่เพิ่งออกเดินทางจากสนามบินเมืองอาห์เมดาบัด ทางตะวันตกของอินเดีย เพียงไม่กี่นาที แอร์อินเดีย กล่าวว่า เครื่องบินลำดังกล่าวมีกำหนดเดินทางไปยังสนามบินแก็ตวิก ในอังกฤษ ขณะที่ตำรวจกล่าวว่า เครื่องบินตกในบริเวณพื้นที่พลเรือนใกล้กับสนามบิน ไฟลท์เรดาร์ 24 ซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวทางอากาศ กล่าวว่า เครื่องบินลำนี้เป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์ ซึ่งเป็นเครื่องบินโดยสารที่ทันสมัยมาก ๆ ที่ให้บริการอยู่ในขณะนี้ โทรทัศน์ของอินเดีย รายงานว่า อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่เครื่องบินกำลังทะยานขึ้นจากสนามบิน ภาพจากโทรทัศน์ช่องหนึ่ง แสดงให้เห็นภาพเครื่องบินออกจากสนามบินและบินอยู่เหนือพื้นที่ย่านพักอาศัยของประชาชน จากนั้นเครื่องบินก็หายไปจากจอ ก่อนที่จะเห็นควันไฟขนาดใหญ่ลอยจากบ้านเรือนประชาชนขึ้นไปบนท้องฟ้า นอกจากนั้น ยังมีภาพประชาชนถูกเคลื่อนย้ายด้วยเปลไปยังรถพยาบาลที่นำผู้ได้รับบาดเจ็บไปโรงพยาบาล ช้อมูลการควบคุมการจราจรทางอากาศที่สนามบินอาห์เมดาบัด ระบุว่า เครื่องบินออกเดินทางเมื่อเวลา 13.39 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกับ 15.09 น. ตามเวลาในประเทศไทย จากทางวิ่งหมายเลข 23 เครื่องบินส่งสัญญาณฉุกเฉินขอความช่วยเหลือ แต่หลังจากนั้นก็ติดต่อนักบินไม่ได้อีกเลย.-813.-สำนักข่าวไทย