กทม. 25 ต.ค. – กลุ่มบิ๊กไบค์นัดรวมตัวที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ขับรถประท้วงโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง หลังคลอดลูกชายแล้วเด็กเสียชีวิต
ขบวนรถบิ๊กไบค์ พร้อมรถเก๋งที่มีแม่เด็กชูรูปภาพลูกชายที่คลอดมาลืมตาดูโลกได้เพียง 2 ชั่วโมงเสียชีวิต พร้อมติดป้ายเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้โรงพยาบาลออกมารับผิดชอบ โดยขับรถแห่ไปบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และถนนพหลโยธินย่านสนามเป้า
ไบเกอร์หนุ่มวัย 40 ปี พร้อมด้วยภรรยา เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังรู้สึกงง รับไม่ได้กับการสูญเสียลูกคนแรกที่เฝ้ารอคอยมานานถึง 9 ปีเต็ม จนตั้งครรภ์มีการฝากครรภ์ที่คลินิก และมีแพทย์ฝากครรภ์เป็นแพทย์ทำคลอดที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ กำหนดคลอดช่วงกลางเดือนกรกฎาคม ถึงต้นเดือนสิงหาคม จนเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม ภรรยาเจ็บท้องคลอด จึงพามาที่โรงพยาบาล คลอดตามวิธีธรรมชาติ ขณะคลอดภรรยาได้ยินเสียงลูกร้องตามปกติ และเมื่อลูกคลอดเรียบร้อย สามีก็เดินตามแพทย์มาที่ห้องดูแลทารกแรกคลอด เห็นลูกดิ้นตามปกติ ก่อนที่แพทย์เด็กที่มารับช่วงต่อจากแพทย์ทำคลอด ปิดกั้นผ้าม่านทำให้มองไม่เห็นก่อนจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงแล้วเดินออกมาแจ้งว่าลูกชายได้เสียชีวิตแล้ว เมื่อสอบถามสาเหตุก็ไม่ได้คำตอบ บอกเพียงว่าลูกชายอยู่ในอาการวิกฤตตั้งแต่แรก หากไม่เชื่อให้เอามือจับหน้าอกลูกดูว่าหัวใจเต้นหรือไม่
พยายามขอคำอธิบายจากโรงพยาบาลและแพทย์ที่รับช่วงต่อดูแลทารกแรกเกิดตลอด แต่ไม่เคยได้รับคำตอบ ได้สอบถามแพทย์ที่ทำคลอดก็ทราบว่าลูกตนเองปกติดีทุกอย่างไม่มีสัญญาณที่จะมีการผิดปกติ และการคลอดเป็นไปตามปกติดีไม่มีอันตรายใดๆ ซึ่งขณะที่ได้แจ้งให้แพทย์ผู้ทำคลอดทราบแพทย์ผู้ทำคลอดเองก็ยังตกใจ และยืนยันว่าเด็กปกติดีทุกอย่าง
ระยะเวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมา ได้พูดคุยเจรจากับทางโรงพยาบาลและแพทย์ผู้ทำหน้าที่รับช่วงต่อจากแพทย์ผู้ทำคลอด แต่ไม่เคยได้รับคำตอบ ในเอกสารอธิบายการเสียชีวิตของทางโรงพยาบาลระบุว่า ปอดทะลุและหน้าอกมีรอยเจาะจากการใช้เข็มฉีดยาอะดรีนาลีน โดยอ้างว่าเป็นขั้นตอนการพยายามยื้อชีวิต ที่ระบุว่ามีจำนวน 6 รู แต่ในข้อเท็จจริงมีถึง 10 รู และเมื่อถามว่าเหตุใดถึงต้องมีการใช้อะดรีนาลีนฉีดเข้าบริเวณหน้าอก ทางโรงพยาบาลตอบเพียงว่าเด็กอยู่ในอาการวิกฤติ ทั้งนี้ ทางโรงพยาบาลยังมีการพยายามเสนอเงินจำนวน 1 ล้านบาท เพื่อยุติเรื่องทั้งหมด แต่ตนเองและครอบครัวไม่ยอมและโรงพยาบาลอ้างว่าไม่มีกล้องวงจรปิด
ในวันนี้นัดเพื่อนและครอบครัว เพื่อนำผลชันสูตรที่ได้มายื่นให้กับทางพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ดำเนินการเอาผิดกับทางแพทย์และโรงพยาบาล ยืนยันจะเอาเรื่องผู้กระทำผิดให้ถึงที่สุด แม้ว่าการออกมาร้องเรียกในครั้งนี้จะไม่ได้รับเงินเลยสักบาทก็ตาม เพราะหลักฐานตามเอกสารทั้งหมดมีการย้อนแย้งและไม่สอดคล้องกัน และต้องการให้เป็นบรรทัดฐานว่าทุกโรงพยาบาลควรมีการดูแลคนไข้ให้มากกว่านี้ ทั้งเด็กหรือผู้ใหญ่ทุกคน. – สำนักข่าวไทย