กทม. 20 ส.ค.- ตำรวจ ปคบ.จับ มิจฉาชีพหลอกขายชุดพีพีอี และเครื่องช่วยหายใจทางออนไลน์ พบกระทำผิดซ้ำซาก มีผู้เสียหายจำนวนมาก
พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.4 บก.ปคบ. นำกำลังเข้าจับกุม น.ส.สุนิสา นามแก้ว และนายพัชรศักดิ์ ศรีไพร ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน
สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายรายหนึ่ง ได้มาแจ้งที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ว่าตนมีความต้องการจัดหาเครื่องช่วยหายใจและชุดพีพีอี เพื่อนำไปมอบให้กับศูนย์พักคอยผู้ป่วยโควิด-19 ของกรุงเทพมหานคร จึงได้เข้าไปค้นหาในสื่อสังคมออนไลน์ ผ่านเฟซบุ๊กชื่อกลุ่ม “ซื้อ/ขาย ชุดPPE ชุดCPE ชุดกันฝุ่นและสารเคมีชุดปลอดเชื้อ” ซึ่งเป็นกลุ่มสาธารณะ บุคคลทั่วไปสามารถเข้าไป ซื้อ-ขาย สินค้าได้ และพบเฟซบุ๊ก ชื่อ SUNISA SUNISA ได้โพสต์ขายอุปกรณ์หลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับโควิด และได้ให้หมายเลขไอดีไลน์ในการติดต่อเพื่อซื้อขาย จากนั้นผู้เสียหายได้ติดต่อไปคุยตามหมายเลขดังกล่าว พบว่าเป็นเบอร์ของ น.ส.สุนิสา จากนั้น น.ส.สุนิสา ได้เสนอขายชุดพีพีอี จำนวน 260 ชุด และเครื่องช่วยหายใจ จำนวน 22 เครื่อง เป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงได้โอนเงินไปที่บัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ ชื่อบัญชี พัชรศักดิ์ จำนวน 6 ครั้ง ระหว่างวันที่ 1 – 2 ส.ค.2564 เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 479,600 บาท หลังจากที่ผู้เสียหายได้โอนเงินไปเรียบร้อย และติดต่อเพื่อขอรับสินค้า ปรากฏว่าไม่สามารถติดต่อ น.ส.สุนิสาได้ จึงเชื่อว่าถูกหลอกลวง เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย จึงได้เข้าร้องทุกข์มอบคดีต่อพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ได้ประสานรายละเอียดทางคดีกับพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง เพื่อเร่งติดตามจับกุม คนร้าย กระทั่งสืบทราบว่า น.ส.สุนิสา หลบหนีมาพักอยู่ที่แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ และ นายพัชรศักดิ์ ได้หลบหนีมาพักอยู่ที่ แขวงบางด้วน เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำหมายจับของศาลอาญา จับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสอง นำส่งพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากการสอบสวน น.ส.สุนิสา ให้การรับสารภาพว่า ตนได้นำภาพอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น ชุดพีพีอี หรือเครื่องช่วยหายใจ จากเฟซบุ๊กของผู้อื่นมาโพสต์หลอกขาย ทั้งที่ตนไม่มีสินค้า โดยจะให้โอนเงินเข้าบัญชีของนายพัชรศักดิ์ซึ่งเป็นเพื่อน และจากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า น.ส.สุนิสา มีพฤติการณ์หลอกลวง ขายสินค้าออนไลน์ แต่ไม่ส่งสินค้าให้กับผู้ซื้อ ซึ่งทำมาตั้งแต่ปี 2561 ตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบหมายจับ แต่มีผู้เสียหายแจ้งความร้องทุกข์เป็นจำนวนมากในหลายพื้นที่ ส่วนนายพัชรศักดิ์ให้การรับสารภาพว่า ได้เป็นผู้เปิดบัญชีให้ น.ส.สุนิสา นำไปใช้จริงโดยตนจะได้รับส่วนแบ่ง 3% ของยอดเงินที่โอนเข้ามาในบัญชี.-สำนักข่าวไทย