กรุงเทพฯ 25 พ.ย.- ลูกสาวอาม่าเปิดใจทั้งน้ำตาไม่คิดเนรคุณทิ้งแม่และยักยอกเงิน 250 ล้านในบัญชี แจงอาม่าเป็นคนให้เปลี่ยนทำธุรกรรมเป็นพิมพ์ลายนิ้วมือเอง
นางมาวดี ศรีวิรัตน์ บุตรสาวอาม่าฮวยพร้อมด้วยนายกฤษฎา อินทามระ ทนายความ ปิดร้านอาหารครัวบ้านช่างแถลงตอบโต้กรณี ถูกฟ้องยักยอกเงินอาม่าฮวย มารดา จำนวน 250 ล้านบาท ว่า อยู่กับอาม่าซึ่งเป็นมารดานานกว่า 50 ปี กระทั่งบิดาเสียชีวิตอาม่าจึงย้ายไปอยู่กับพี่ชาย ระหว่างที่อาม่าอยู่กับตน ดูแลรักษาและกายภาพบำบัดมารดาซึ่งป่วยเส้นเลือดหัวใจตีบ มือเท้าอ่อนแรงอย่างดี ไม่เคยทอดทิ้งหรือดูแลไม่ดีอย่างที่ถูกกล่าวหา อยากให้สื่อเปรียบเทียบสีหน้าอาม่าระหว่างที่อยู่กับตนใบหน้ายิ้มแย้ม แต่อยู่กับพี่ชายอาม่าดูไม่สดใส และหลังจากอาม่าย้ายไปอยู่กับพี่ชายก็โอนเงินส่วนตัว 5 ล้านบาท เข้าบัญชีพี่ชายเพื่อเป็นค่าดูแลรักษาอาม่า ยืนยันตนไม่ใช่ลูกเนรคุณไม่เคยยักยอกเงิน 250 ล้านในบัญชีของอาม่า พร้อมเปิดข้อมูลใหม่ว่า ความจริงเงินในบัญชาที่เป็นชื่ออาม่าเปิดร่วมกับตน มีจำนวนกว่า 100 ล้านบาทเท่านั้น ยอดเงิน 250 ล้าน ที่คู่กรณีกล่าวอ้างเป็นตัวเลขที่สร้างขึ้นมา เพื่อให้สังคมตราหน้าว่าตนเป็นลูกเนรคุณ ที่สำคัญบัญชีอาม่าร่วมกับตนกว่า 100 ล้านบาทดังกล่าวได้ปิดบัญชีแล้ว โดยเงินถูกกันแบ่งออกเป็นหลายส่วน ได้แก่ แบ่งให้พี่ชาย 30 ล้านบาท ให้ตน 30 ล้าน และอีก 20 ล้านบาท เป็นกองทุนรักษาพยาบาลอาม่า ส่วนที่เหลือกว่า 20 ล้านบาท ฝ่ายพี่ชายนำไปซื้อรถเก๋งให้กับลูกสาวและส่งไปเรียนเมืองนอก ทั้งที่เป็นเงินกงสีแต่ตนก็ไม่เคยปริปากว่าแต่อย่างใด
ประเด็นที่ถูกกล่าวหา เปลี่ยนลายมือชื่อเป็นการใช้พิมพ์นิ้วมือทำธุรกรรมเบิกถอนเงินในช่วงที่อาม่าป่วยรักษาตัวที่โรงพยาบาล นางมาวดียืนยันว่า อาม่าเป็นคนให้เปลี่ยนการทำธุรกรรมเป็นพิมพ์ลายนิ้วมือเอง เนื่องจากเกรงว่าในอนาคตอาจป่วยถึงขั้นเซ็นลายมือชื่อไม่ได้ โดยพนักงานธนาคาร 4 คน ที่ถูกฟ้องคดีกับตนไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้อง ทั้ง 4 แค่ทำหน้าที่มาเปิดบัญชีที่โรงพยาบาลระหว่างอาม่ารักษาตัวที่โรงพยาบาลและเก็บตัวอย่างลายพิมพ์นิ้วมือไว้เป็นหลักฐานเท่านั้น
นางมาวดี ระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นฝ่ายพี่ชายและครอบครัว โดยเฉพาะพี่สะใภ้ซึ่งปกติกับตนไม่พูดคุยกัน และเคยมีเรื่องกระทบกระทั่งกันระหว่างอยู่ที่ศาลและหวังฮุบทรัพย์สมบัติในส่วนที่อาม่าแบ่งให้ตนประกอบด้วย ที่ดิน 2 ไร่ อาพาร์เมนต์ขนาด 70 ห้อง และที่บ้านอีก 100 ตารางวา และเงินสด 30 ล้านบาท ไปเป็นของฝ่ายตนเอง ทั้งที่พี่ชายได้รับส่วนแบ่งมรดกมากกว่าตนโดยได้ที่ดิน 3 ไร่ โรงงานพร้อมเครื่องจักร และที่บ้านที่บ้านอีก 200 ตารางวา เงินสด 30 ล้านบาท
การแถลงวันนี้นางมาวดี ยังเปิดข้อมูลว่า ถูกอาม่าซึ่งเป็นมารดาเคยฟ้องคดีอาญาต่อศาลฐานเนรคุณไม่ส่งเสียเลี้ยงดูบุพการี เมื่อปี 2560 ตนจึงฟ้องกลับพี่ชายขอเงิน 5 ล้านบาท ที่โอนเป็นค่ารักษาพยาบาลและค่าเลี้ยงดูมารดา ซึ่งศาลจังหวัดพระโขนงพิพากษาเมื่อสิงหาคม 2561 ให้พี่ชายจ่ายเงินคืนตน แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้เงินคืน
นอกจากนี้ เมื่อปี 2560 อาม่ายังมอบอำนาจให้ผู้แทนแจ้งความตำรวจ สน.อุดมสุข ดำเนินคดีตนในข้อหาลักทรัพย์ กรณีถอนเงินจากบัญชีกระแสรายวันและข้อหาปลอมเอกสาร กรณีใช้ลายพิมพ์นิ้วมือชื่ออาม่าเบิกถอนเงิน ซึ่งอัยการได้ฟ้องคดีต่อศาลเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2562 ตนได้ใช้เงินสด 5 ล้านบาทประกันตัว ศาลนัดสอบคำให้การ 16 ธันวาคม 2562
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางมาวดีร่ำไห้ระบุว่ากรณีนี้ไม่อยากให้มองเป็นเรื่องของการแย่งมรดก พร้อมประกาศจะฟ้องกลับพี่ชาย หลานสาว และทนายความ กล่าวหาว่าตนยักยอกเงินอาม่า 250 ล้านบาท. -สำนักข่าวไทย
