กทม. 16 พ.ค. – ตำรวจคุมตัว “เต้ วัดยาง” ได้แล้ว หลังเจรจานานกว่า 17 ชม. เจ้าตัวมีสภาพอิดโรยอยู่ภายในบ้าน ยืนยันปฏิบัติการยุทธวิธี พร้อมดำเนินคดีข้อหาหนัก
จากเหตุเจ้าหน้าที่เข้าปิดล้อมพื้นที่ หลังได้รับแจ้งเหตุว่านายณัฐวัชต์ หรือเต้ อายุ 31 ปี คลุ้มคลั่ง ในบ้านหลังหนึ่งย่านหลังวัดลครทำ เขตบางกอกน้อย กทม. เมื่อเวลา 08.10 น. (15 พ.ค.) มีอาวุธปืน มีดดาบ และระเบิดแสวงเครื่องในครอบครอง ตำรวจต้องปิดกั้นพื้นที่โดยรอบ จุดเกิดเหตุ มีเสียงปืนยิงขึ้นฟ้า 6 นัด ยิงใส่ตำรวจ 3 นัด และยิงสวนออกมาอีก 1 นัด ขณะเกิดเหตุ มีคนอยู่ในบ้าน 4 คน ทั้งหมดอยู่ชั้น 2 ล็อกห้องเรียบร้อย ไม่ได้ถูกจับเป็นตัวประกัน ส่วนนายเต้ อยู่ชั้นล่าง ขณะที่ภรรยาผู้ก่อเหตุไม่ได้อยู่ในบ้านเพราะไปรับลูกที่โรงเรียน ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนว่า ทะเลาะกับสามีมาได้ประมาณ 4 วันแล้ว ตัวสามีไม่หลับไม่นอน และเสพยาเสพติด จนเกิดอาการคุ้มคลั่งขึ้น
นายเต้ หรือ “ฉายาเต้ วัดยาง” ประวัติโชกโชน ถูกจับในคดียาเสพติดมาแล้วหลายครั้ง ล่าสุดเมื่อ 10 วันก่อน “เต้” ถูกตำรวจ สน.บางกอกน้อย จับกุมข้อหาเสพสารเสพติด และได้เข้าโครงการบำบัดสารเสพติดไว้แล้ว

หลังเกิดเหตุเพื่อนของนายเต้ โทรศัพท์เข้าไปเจรจา ขอให้วางอาวุธปืนและมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ แต่นายเต้ ยืนยันจะไม่มอบตัวเด็ดขาดขอสู้ตาย ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดทันที ตำรวจได้ปฏิบัติตามยุทธวิธีใช้โทรโข่งกระจายเสียงเจรจากับนายเต้ ทุก 30 นาที แต่ยังไม่เป็นผล ตำรวจจะประสานให้ญาติทั้ง แม่ พ่อ และพี่สาว เข้าไปเจรจา นายเต้ยังคงปฏิเสธที่จะพูดคุย แต่ไม่ได้ยิงปืนออกมาภายนอกอีก จนกระทั่งเวลาประมาณ 00.17 น. (16 พ.ค.) หน่วยอรินทราช 26 ใช้อาวุธปืนยิงที่ประตู 1 นัด เพื่อเปิดทางเข้าไปในบ้านและบุกคุมตัวนายเต้ วัดยางได้สำเร็จ
พลตำรวจโท สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า หลังเจ้าหน้าที่ใช้กำลังตรึงพื้นที่นานกว่า 17 ชั่วโมง จึงตัดสินใจบุกเข้าไปภายในบ้านพัก ด้วยการใช้ปืนยิงประตู 1 นัด เมื่อเข้าไปภายในบ้านพบ นายเต้ ในสภาพอิดโรย ยืนยันการปฏิบัติงานเป็นไปตามยุทธวิธี และที่ต้องใช้เวลาในการเจรจากับผู้ก่อเหตุ เพื่อให้ผู้ก่อเหตุหมดแรง ลดการต่อสู้ขัดขืน โดยหลังจับกุมเจ้าหน้าที่จะส่งผู้ก่อเหตุไปตรวจหาสารเสพติดในร่างกายต่อไป
สำหรับพิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้นตำรวจตั้งข้อหาหลักๆ แล้ว 2 ข้อหาคือ 1. ข้อหาพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน และ 2. ข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง ส่วนการตั้งข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติดจะต้องรอผลตรวจเพื่อพิจารณาดำเนินคดีอีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย